บทที่ 110 เจอโจรปล้นระหว่างทาง
“หาที่ให้ฉันรักษาขาให้เขาหน่อย และอย่าให้คนอื่นเปิดเผยออกไป”
เมื่อเห็นตี๋ฟู่ที่เจ็บปวดจนสลบไป ลู่เฉินจึงพูดอย่างเย็นชา
เมื่อกี้นี้เขาใช้ท่อเหล็กท่อหนึ่งทุบขาขวาของตี๋ฟู่จนแตก ตี๋ฟู่เลยเจ็บปวดจนสลบทันที
“คุณชายลู่ครับ ผมคิดว่าทิ้งเขาไปไว้ที่หน้าหน้าประตูกลุ่มเครื่องประดับ หยุนเฟยเถอะ ให้จั่วชิงเฉิงรู้ว่าคนก็ไม่ใช่คนที่สามารถมารังแกได้ง่ายๆ”ซ่งไห่เสนอข้อคิดออกมา
“เขาเหลือไว้ยังมีประโยชน์ต่อฉัน ช่วงนี้ดูแลเขาให้ดีนะ”ลู่เฉินส่ายหน้า
จั่วชิงเฉิงเริ่มมาต่อต้านกับเขาแล้ว ไม่ว่าเขายังมีวิธีอะไรหรือเปล่า ลู่เฉินล้วนต้องเตรียมตอบโต้
แล้ว
ส่วนการเหลือตี๋ฟู่ไว้ แน่นอนยังมีประโยชน์ของเขาอยู่
กลับมาถึงซูเปอร์มาร์เก็ต เมื่อได้เห็นผลการรายงานทางการเงินของหลายวันนี้ ลู่เฉินไม่ได้พูดอะไร แต่อู๋เล่ยกลับโทษตัวเอง
“พี่เฉิน ผมพยายามเต็มที่แล้ว แต่หลายวันนี้มีแต่คนมาก่อความวุ่นวาย ทำให้ลูกค้ากลัวจนหนีหมด สิ่งที่ผมห่วงที่สุดก็คือถ้าพวกเขาไปเผยแพร่ข่าวลือลงโซเชียล นั้นเรื่องก็จะยิ่งซับซ้อนกว่าเดิมแล้ว”อู๋เล่ยพูดอย่างเป็นห่วง
ลู่เฉินไม่ได้พูดอะไร แต่ตอนนี้เขาได้รู้สึกถึงความรู้สึกของพ่อลูกบ้านหูได้รับในก่อนหน้านี้ที่ตนเองได้จัดการพวกเขา
“แจ้งความดำเนินคดีก่อนละกัน ไม่นั้นข้างหลังจะจัดการยากมาก”ลู่เฉินคิดแล้วพูด
เขาก็เป็นห่วงว่าถ้าจั่วชิงเฉิงใช้วิธีที่เขาจัดการพ่อลูกบ้านหูมาจัดการเขา ถ้าเผยแพร่ไปทั่วโซเชียลแล้ว นั้นก็ยากที่จะพิสูจน์ความจริงแล้ว
“เอ๊ะ ไปจ้าพวกมือรับจ้างคอมเม้นหน่อย และต้องติดตามเสียงที่ไม่ดีบนเน็ตตลอดเวลา ถ้าพบว่ามีของซูเปอร์มาร์เก็ต ไม่ว่าดีหรือไม่ดี ล้วนให้มือรับจ้างคอมเม้นจมเสียงพวกนั้นลงไปก่อน”ลู่เฉินพูดเสริมอีก
เขานี่ก็ถือว่าเป็นการวางแผนล่วงหน้า แม้ว่าเขาไม่พึ่งซูเปอร์มาร์เก็ตหากำไรให้เขา แต่เขาก็ไม่อยากเห็นซูเปอร์มาร์เก็ตขาดทุน
ซูเปอร์มาร์เก็ตนี้เป็นข้ออ้างที่เขาเตรียมจะเอาไว้พูดกับหลินอี้จุน เพื่อมิให้เธอรู้สึกว่าเขาไม่ทำงาน และก็ไม่ทำธุรกิจใดๆ จะรู้สึกหงุดหงิด
สองปีนี้เขยังไม่อยากให้หลินอี้จุนรู้ฐานะที่แท้จริงของตัวเอง
“เออ วันก่อนได้แจ้งความแล้ว แต่ทางตำรวจบอกว่าตอนนี้พวกเขาก็ไม่สามารถจัดการได้ เพราะสิ่งที่คนเขานำมาล้วนเป็นสินค้าที่มีปัญญา นอกจากว่าถ้าพวกเราสามารถค้นพบหลักฐานที่ลูกค้าได้ทำเสียสินค้าเอง”อู๋เล่ยพูด
ลู่เฉินพยักหน้า รู้ดีแล้วว่าทางตำรวจไม่อยากจะช่วย ไม่นั้นพวกเขาคงจะสามารถค้นพบหลักฐานของเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรไปให้ผู้อำนวยการสถานีตำรวจเสี่ยว พูดสถานการณ์ของซูเปอร์มาร์เก็ตใก้กับเขา ถ้าเรื่องนี้ทางตำรวจจะสามารถแทรกแซงเข้ามาได้ นั้นก็จะจัดการได้ง่ายขึ้นแล้ว และก็จะหลีกเลี่ยงให้เหตุการณ์ต้องถึงขั้นที่ว่าถูกจั่วชิงเฉิงทำจนไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
เพราะยังไงคนมีอำนาจของทุกฝ่ายในเมืองเขาล้วนเคยเลี้ยงข้าวมาก่อน ลู่เฉินเชื่อว่าเรื่องเล็กๆแค่นี้ ผู้อำนวยการสถานีตำรวจเสี่ยวจะต้องยอมช่วยเขาอยู่แล้ว
“โอเค คุณลู่ นั้นเอาไว้แค่นี้ก่อนละกัน ฝั่งนี้ได้พบกับปัญหาหน่อยนึง เร่งด่วนมาก ส่วนเรื่องของคุณเดี๋ยวฉันก็จะสั่งคนไปช่วยจัดการ”พอพูดเสร็จผู้อำนวยการสถานีตำรวจเสี่ยวก็วางสาย ฟังจากน้ำเสียงของเขา เหมือนจะเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมากจริงๆ
แต่เรื่องของตำรวจเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ ก็เลยไม่ได้ถามอีก
พอลู่เฉินคุยโทรศัพท์เสร็จก็พิงอยู่บนโซฟา กำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะแก้แค้นจั่วชิงเฉิงยังไง
จั่วชิงเฉิงให้’เซอร์ไพรส์’ที่ยิ่งใหญ่แบบนี้กับเขา แน่นอนว่าฉันจะต้องคืนอะไรกลับอยู่แล้ว
แต่ต้องลงมือยังไงล่ะ?ลู่เฉินยังคิดวิธีที่ดีไม่ได้
“ฉันไปรับลูกสาวของฉันก่อน ช่วงหลายวันนี้อาจสงบลงหน่อย น่าจะไม่ค่อยมีคนมาก่อความวุ่นวาย คุณสามารถลองโปรโมตแคมเปญการตลาดของคุณ”ลู่เฉินก็ไม่สามารถคิดวิธีที่ดีกว่าขึ้นมาในช่วงสักพักนี้ เลยไม่ไปคิดอีก รอคืนนี้กลับไปครุ่นคิดให้ดีละกัน
ผลังออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต ลู่เฉินก็ขับรถไปอนุบาล แต่เวลาที่ขับผ่านถนนไป่ฮัว กลับรถติดอีก
เมื่อพบว่าติดอย่างหนักมาก ลู่เฉินก็ลงรถไปดูสถานการณ์ หลังลงรถแล้วฟังจากปากของคนข้างๆถึงจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แน่จริงคือธนาคารพาณิชย์ที่ห่างจากที่นี่สองร้อยกว่าเมตรถูกโจรปล้นทรัพย์ โจรถูกตำรวจล้อมรอบอยู่ในธนาคาร แต่ในมือของโจรก็มีตัวประกันมากกว่ายี่สิบคน ทางตำรวจไม่กล้าทำอะไร ทั้งสองฝ่ายกำลังอยู่ในช่วงรุ่มร้อนอยู่
เขาเห็นว่าผู้อำนวยการสถานีตำรวจเสี่ยวซัวจุนก็อยู่ด้วย เลยเดินไป
เวลานี้พวกตำรวจที่มีอาวุธครบมือกำลังหลบอยู่หลังรถ ปืนในมือกำลังชูไปทางประตูของธนาคาร
ในมือซ้ายของผู้บัญชาการจับแผนผังธนาคารใบหนึ่งและกำลังออกคำสั่งอยู่ สายตาจริงจังมาก
“โจรมีทั้งหมดสี่คน ในมือของพวกเขาล้วนมีปืนอยู่ น่าจะยังมีอาวุธมีดด้วย ในนี้มีตัวประกันทั้งหมดยี่สิบสองคนอยู่ในมือของพวกเขา ขณะนี้พวกเขากำลังรวมตัวอยู่ในมุมใดมุมหนึ่ง
ผู้บัญชาการพูดกับว่าผู้อำนวยการสถานีตำรวจเสี่ยวซัวจุน”โจรกลุ่มนี้โหดร้ายมาก ก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจรจาทำให้พวกเขาโกรธ พวกเขาเลยยิงใส่คนประกันคนหนึ่งจนบาดเจ็บ แถมยังบอกว่าถ้าพวกเราไม่ทำตามคำสั่งของพวกเขา ทุกสิบห้านาทีก็จะฆ่าคนประกันคนหนึ่ง”
“ปัจจุบันมีวิธีแก้ไขหรือเปล่า?แต่มีข้อแม้คือต้องไม่มีตัวประกันได้รับบาดเจ็บ”เสี่ยวซัวจุนขมวดคิ้วและถาม”ตัวประกัน 20 กว่าคน ไม่สามารถให้พวกเขาได้รับอันตรายได้”
“ฉันเตรียมจะให้คนเข้าไปส่งน้ำส่งอาหารให้พวกเขา และถือโอกาสนี้ไปสังเกตสถานการณ์ข้างในด้วย จากนั้นจึงทำการจัดเรียงขั้นตอนต่อไป”ผู้บัญชาการพูด
“เออ คนที่เข้าไปต้องระวังอย่างยิ่ง เพราะอันตรายมาก และอย่ามีการเคลื่อนไหวใดๆ”เสี่ยวซัวจุนพยักหน้าและพูด
“เออ สไนเปอร์ต้องเตรียมตัวกันแล้ว รอให้คนเข้าไปส่งอาหารมารายงานสถานการณ์เสร็จ ก็จะใช้กระสุนผ่านผนังยิงโจรตาย”ผู้บัญชาการพูด
“โจรก็ไม่โง่ เดาแผนของพวกคุณได้อยู่แล้ว คนที่เข้าไปจะต้องถูกพวกเขากักขังไว้แน่นอน”
พอดีในเวลานี้ ลู่เฉินที่เดินมาพูดกับพวกเขา
“คุณเป็นใคร?ใครให้คุณมา?”ผู้บัญชาการหันมามาอย่างกะทันหัน และจ้องไปที่ลู่เฉินด้วยสายตาที่ระมัดระวัง
“คุณลู่ คุณมาทำอะไรครับ?”เสี่ยวซัวจุนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ลู่เฉินเพิ่งได้คุยโทรศัพท์กับเขา คาดไม่ถึงว่าลู่เฉินได้มาถึงที่เกิดเหตุแล้ว
“ฉันจะไปรับลูกสาวกลับบ้าน พอดีเลยเข้ามาดูสถานการณ์”ลู่เฉินพูด
“คุณลู่ ที่นี่อันตราย คุณห่างไกลจากที่นี่ก่อน เอ๊ะ คุณจะไปรับลูกสาวของคุณไม่ใช่หรือ เพียงแต่ต้องอ้อมทางแล้ว ถนนนี้ยังไม่สามารถให้ผ่านได้ได้ในช่วงระยะนี้”
ฐานะของลู่เฉินพิเศษมาก เสี่ยวซัวจุนไม่สามารถให้ลู่เฉินได้รับอันตรายในที่นี่
“ฉันได้โทรไปให้ภรรยาให้เธอไปรับ พอดีว่าเธอไม่ผ่านเส้นทางนี้ เอ๊ะ คนของคุณเพียงพอไหม ถ้าไม่พอฉันสามารถเข้าไปส่งอาหารได้”ลู่เฉินพูด
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อตำรวจ เพียงแต่คือเขารู้สึกว่าคนที่ไปส่งอาหารออกมาไม่ได้แน่นอน ถ้าให้พวกโจรกักขังเอาตำรวจคนหนึ่งอีก นั้นโจรพวกนี้จะต้องยิ่งไม่กลัวกันใหญ่เลย
“คุณจะส่งอาหารให้พวกเรา? คุณอยากตายหรือไง ในมือของพวกโจรล้วนมีปืนนะ”ผู้บัญชาการขมวดคิ้วพร้อมพูด
“คุณลู่ อย่าพูดเล่นแล้ว ถ้าหากคุณเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา ฉันจะรับผิดชอบไม่ไหว”เสี่ยวซัวจุนตกใจมาก ลู่เฉินเป็นคนที่แม้กระทั่งคนใหญ่คนโตในเมืองยังเคารพเลย ถ้าวันนี้ลู่เฉินเกิดอะไรขึ้นมาในที่นี่ งั้นเขาสามารถแน่ใจว่า ทางการเป็นตำรวจของเขาก็จะจบสิ้นลง