บทที่ 178 หลินอี้จุนว้าวุ่นใจ
หลินอี้จุนมองไปแล้วคล้ายกับมีเรื่องกังวลใจใน ทางตรงกันข้ามหลินอี้เจียที่สวมชุดกางเกงยีนส์มองไปแล้วท่าทางไร้กังวล
หลินอี้จุนรู้ว่าในวันนี้ลู่เฉินจะทำการต่อสู้กับตระกูลจาง แม้ว่าเธอกับลู่เฉินกำลังทำสงครามเย็นกันอยู่แต่เธอก็เป็นห่วงลู่เฉินมาก
ดังนั้นเธอจึงหาข้ออ้างแอบมาดูลู่เฉินต่อ สู้กับตระกูลจางในวันนี้
เดิมทีเธอไม่ได้ตั้งใจพาหลินอี้เจีย มาด้วยแต่อี้เจียร้องตามเธอมาด้วยเธอจึงจำเป็นต้องพามาด้วย
แล้วหลินอี้ยังพาหลิวลี่ลี่เพื่อนสนิทมาด้วย
พวกเธอคิดว่าหลินอี้จุนมาที่เกาะสีเขียวนี้เพื่อพักผ่อนจึงไม่ได้คิดมาก
” พี่คะ ดูพี่ยังอารมณ์ไม่ดีเลยเพราะพี่เขยเหรอคะ?” หลินอี้เจียถามขึ้นเมื่อเห็นพี่สาวของเธอดูท่าทางไม่มีความสุข
” ไม่มีอะไร”หลินอี้จุนส่ายหน้า
” พี่คะ พี่จะเลิกกับพี่เขยจริงเหรอคะ”หลินอี้เจียถามขึ้น
วันนี้เป็นวันหยุดหลินอี้เจียพาฉี๋ฉี๋กลับมาบ้านแม้ว่าเธอจะไม่พูดอะไรแต่หลินอี้เจียและวังเสวี่ยก็เดาได้ว่าหลินอี้จุนทะเลาะกับลู่เฉินแน่ๆ
หลินอี้เจียไม่ได้พูดอะไรแต่วังเสวี่ยพูดถึงลู่เฉินในด้านแย่ๆเยอะมากและยุยงให้หลินจี้ลุนหย่ากับลู่เฉิน เดิมทีหลินอี้จุนก็อารมณ์ไม่ดีมากนัก เมื่อวังเสวี่ยพูดกรอกหูเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เธอเริ่มมีความคิดอยากหย่าขึ้นมาจริงๆ
หลังอาหารค่ำ เมื่อเธอส่งนฉี๋ฉี๋ไปให้วังเสวี่ยแล้วเธอก็ออกมา
” ฉันไม่รู้” หลินอี้จุนส่ายหัว จิตใจเธอว้าวุ่นมากในตอนนี้
หลินอี้เจียถอนหายใจออกมา ที่จริงเธอรู้สึกว่าลู่เฉินก็ดีไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ในครั้งที่แล้วที่ลู่เฉินมาช่วยเอาไว้ได้ทันเวลาจากน้ำมือของวังเป่า ณ ตอนนั้นเธออยากจะกอดเขาและร้องไห้ออกมาจริงๆ
ในวันนั้นเธอตกใจมากจริงๆ
แต่เมื่อนึกถึงว่าลู่เฉินแอบพี่สาวของเธอไปเที่ยวข้างนอกแบบนั้นเธอก็รู้สึกไม่พอใจ
“พี่คะ ที่แม่พูดก็ถูกอยู่ ในเมื่อพี่เขยไม่จริงใจกับพี่ ก็ควรจะหย่าเสีย ตอนนี้พี่เขยยังพอมีตังค์อยู่บ้างยังสามารถได้ค่าเลี้ยงดู ถึงเวลาที่เขาไม่เหลืออะไรแล้วก็จะไม่ได้อะไรแม้แต่บาทเดียว พี่ต้องเข้าใจว่าพี่ต้องเลี้ยงฉี๋ฉี๋อีก” หลินอี้เจียพูด
“นั่นสิคะ พี่อี้จุนยังสาวยังสวย ในเมื่อพี่ลู่เฉินทำกับพี่แบบนี้ พี่จะยังมัวลังเลอะไรอยู่ ต่อให้พี่แต่งงานใหม่คนที่อยากจะเป็นเจ้าบ่าวของพี่ก็ต่อแถวยาวเต็มไปหมด” หลิวลี่ลี่พูด
“เอาละ เอาละ! วันนี้ฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้ เราขึ้นเกาะกันเถอะ” หลินอี้จุนส่ายหัวไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก
“อืม ตรงนั้นมีเรืออยู่ พวกเราไปเช่ากันเถอะ” หลินอี้เจียพยักหน้าและเดินไปยังที่จุดเช่าเรือ
ทะเลสาบปี้หยางในตอนค่ำ พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ส่องประกายไปยังผิวน้ำทะเล สวยงามยิ่งนัก
น่าเสียดายที่ผู้คนเดินทางมาทะเลสาบปี้หยางจำนวนนับไม่ถ้วน แต่พวกเขากลับไม่ได้มาชื่นชมบรรยากาศงดงาม ทุกคนล้วนจับตามองไปยังทางเข้าเพื่อรอการปรากฏตัวของลู่เฉิน
ตระกูลจางเองก็ใช่ย่อย พวกเขาจำหน่ายตั๋วเข้ามาจำนวนคนละ 500 หยวน
หากวันนี้ลู่เฉินไม่เดินทางมาที่นี่ การที่พวกเขาทั้งหลายเดินทางมาที่เกาะนี้ก็สูญเปล่า
ผู้ใหญ่ ในเมืองหลายๆท่านก็เดินทางมาด้วยโดยเฉพาะเซ่ซูเจี๋ย เขาปกป้องลู่เฉินจากการเผาห้างร้านตระกูลจาง จะให้พวกเขามาเผชิญหน้ากับคนในตระกูลจางตอนนี้ก็ไม่ค่อยดีนัก
หลินอี้จุนเช่าเรือลำหนึ่งในราคา 50 หยวน เพื่อเดินทางมาถึงเกาะใจกลางทะเลสาบ
เมื่อมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้หลินอี้เจียและหลิวลี่ลี่ทั้งสองคนตื่นเต้นมาก พวกเธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปและลงใน moment
ส่วนหลินอี้จุนได้แต่เหม่อมองไปที่ผืนน้ำ
แม้ว่าในใจเธอจะยังโกรธแค้นที่ลู่เฉินนอกใจตน แต่เธอก็เป็นกังวลว่าคืนนี้ลู่เฉินจะแพ้หรือไม่จะถูกคนบ้านตระกูลจางทำร้ายหรือเปล่า
ไม่นานต่อมาพวกเธอก็เดินทางมาถึงที่เกาะ แต่ถูกคนบางกลุ่มห้ามเอาไว้
“ขอโทษครับ ในวันนี้เกาะสีเขียวไม่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามา ถ้าจะเข้ามาต้องซื้อบัตรก่อน” พนักงานพูดขึ้น
“ตามปกติแล้วไม่มีการซื้อตั๋วไม่ใช่เหรอ?” หลินอี้เจียพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ
“เมื่อก่อนคือเมื่อก่อน วันนี้เป็นวันพิเศษแน่นอนว่าจะต้องซื้อตั๋ว ไม่อย่างนั้นพวกคุณมาวันอื่นก็แล้วกัน” พนักงานพูด
“เอาล่ะๆไม่ต้องพูดแล้ว” หลินอี้จุนพูดขัดขึ้นมาแล้วมองไปทางเจ้าหน้าที่คนนั้นพูดว่า “พวกเราสามคนจะซื้อตั๋ว”
“1,500 หยวน” พนักงานพูด
“1,500 หยวน?นี่ตั้งใจจะปล้นกันหรือไง!” หลินอี้เจียไม่พอใจมากๆเพราะเดิมทีที่นี่ไม่ต้องซื้อตั๋วเข้าไปด้วยซ้ำ
“ผมบอกแล้วว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ ไม่เหมือนวันธรรมดาทั่วไป พวกคุณมีสิทธิ์เลือกที่จะไม่เข้าไป” พนักงานพูดอย่างหมดความอดทน
“เป็นวันอะไรกัน?ทำไมพวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อน” หลิวลี่ลี่ถาม
“คนระดับคุณ ถ้าไม่รู้ก็เป็นเรื่องปกตินี่” เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดจาเยาะเย้ยถากถาง
หลิวลี่ลี่กำลังจะพูดอะไรออกมาแต่ถูกหลินอี้จุนขัดขึ้นว่า “ไปเถอะพวกเราเข้าไปแล้วค่อยว่ากัน”
หลินอี้จุนเข้าใจว่าที่เกาะสีเขียวจะต้องจำหน่ายตั๋ว แน่นอนว่าเป็นเพราะลู่เฉินจะทำการแข่งขันกับตระกูลจาง เมื่อเห็นตระกูลจางให้ความสำคัญกับการแข่งขันในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่งเธอก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงเขา
เธออยากจะโทรหาลู่เฉินและบอกเตือนกับเขาว่าไม่ต้องมา เพราะเธอรู้สึกว่าตระกูลจางจัดการทุกอย่างได้อลังการแบบนี้แน่นอนว่า พวกเขามั่นใจว่าจะชนะลู่เฉินได้
อีกทั้งเธอรู้ว่าลู่เฉินมีความสามารถด้านการต่อสู้ แต่ในสายตาของเธอลู่เฉินก็เพียงแค่ต่อสู้เก่งเท่านั้น ไม่ได้ถึงขั้นเป็นผู้ชำนาญการ
เพราะเธอไม่เคยเห็นลู่เฉินฝึกฝนวิทยายุทธเลย
สิ่งที่ลู่เฉินฝึกฝนนั้นเป็นการดูแลสุขภาพร่างกายของตนไม่ใช่ฝึกฝนกำลังภายใน ไม่เหมือนกับกังฟูที่วัดเส้าหลิน ที่พวกเขาต้องฝึกอยู่ทุกวัน
ดังนั้นการที่เธอไม่เชื่อลู่เฉินก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
หลินอี้จุนหยิบมือถือขึ้นมาแต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ได้กดโทรออกไป
เธอเองรู้จักลู่เฉินดีว่าถ้าเขาตัดสินใจจะทำอะไรแล้วคนอื่นๆก็ยากที่จะเปลี่ยนความคิดเขา
“วันนี้มันเป็นวันอะไรกันแน่เนี่ย?ทำไมคนพวกนั้นถึงรู้สึกว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ” บางคนใส่ชุดในราชวงศ์ถัง บางคนใส่ชุดจงซาน “พวกเขาถ่ายละครโบราณกันอยู่เหรอ?” เมื่อเข้ามาถึง หลิวลี่ลีมองไปรอบๆและพูดออกมา
ตอนนี้มีคนจำนวนไม่น้อยเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว หนึ่งในนั้นมีชายวัยกลางคนคนหนึ่ง มองดูแล้วมีลักษณะไม่เหมือนคนอื่น
“อย่าพูดจาส่งเดชไป พวกเขามองดูแล้วเหมือนเป็นคนใหญ่คนโต” หลินอี้จุนพูดเตือน
และในทันใดนั้นเอง บุคคลที่พวกเธอพูดถึงก็หันมายังเธอทั้งสามคน เพียงแค่สายตาของเขาก็ทำให้ทั้งสามอกสั่นขวัญหาย