บทที่ 207 หญิงชราสลบ
วังไกนิ่งอึ้งอยู่กับที่ ในใจรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง
ในแง่หนึ่ง เขาประหลาดใจอย่างยิ่งว่าลู่เฉินรํ่ารวยเช่นนี้ อย่างน้อยก็ควรจะมีเงินอยู่หลายสิบล้านนะ
ในอีกแง่หนึ่ง เขารู้สึกเสียใจมากๆ
ลูกสาวแท้ๆของเขา ลูกสาวที่เขาเลี้ยงมายี่สิบกว่าปี ให้เขาไปคุกเข่าให้คนอื่นเพื่อจะไปขอยืมเงินหน่อยนึงเท่านั้นเอง
สายตาของเขาปรากฏความเศร้าโศกขึ้นมา
นี่ก็คือลูกสาวแท้ๆของตัวเองเหรอ!
“พ่อ คุณต้องช่วยพวกเรานะ พวกเราต้องการเงินก้อนนี้จริงๆ ถ้าหากบริษัทของเสี่ยวจี้ไม่มีเงินสามล้านนี้ทุ่มเทเข้าไป นั้นปีนี้ก็จะไม่สามารถดำเนินการได้เลย นั้นก็หมายความว่าปีนี้ไม่สามารถได้กำไรแม้แต่บาทเดียวเลย”หวังว่านพูดขอร้องเขา
เธอไม่ขอร้องยังพอว่า พอเธอยิ่งขอร้อง วังไกก็ยิ่งเสียใจ
“พ่อ หนูขอร้องพ่อ พ่อช่วยพวกหนูครั้งหนึ่งหน่อยได้ไหม เนื่องจากเสี่ยวจี้ได้ซื้อบ้านให้พวกคุณ เงินของเขาถึงหมุนเวียนมาไม่ทันค่ะ”หวังว่านพูดต่อ
วังไกรู้สึกไม่สบายใจ พูดอยู่ในใจว่าบ้านหลังนั้นหนึ่งล้านหยวนก็จริง แต่เสี่ยวจี้ก็แค่จ่ายเงินดาวน์แค่นั้นเอง เงินผ่อนข้างหลังพวกเขายังต้องไปจ่ายเองทีละเดือนเลย
เงินดาวน์ก็แค่แสนกว่าเอง แสนกว่าจะเทียบกับสามล้านได้ยังไงล่ะ?
“พ่อ……”
วังไกโบกมือ สูบบุหรี่เข้สลึกๆ ขัดจังหวะพูดของหวังว่านและพูดต่อว่า”โอเค เสียหน้าก็เสียหน้าเถอะ รอให้พิธีศพของปู่คุณเสร็จสิ้น ฉันก็จะไปขอร้องลู่เฉิน”
“พ่อ คุณจำไว้นะ ถ้าพวกลู่เฉินไม่ยืมเงินให้คุณ คุณก็คุกเข่าลงขอร้องเขา”หวังว่านเตือนซํ้าแล้วซ้ำเล่า
วังไกไม่ได้พูดอะไร แค่กลับไปในห้องของตัวเองอย่างเงียบๆ
วันที่สอง ลู่เฉินไม่ได้ไปบ้านวัง และก็ไม่ได้ขึ้นไปภูเขาฝังศพ แต่กลับได้พาฉีฉีไปเที่ยวที่สวนสนุก
เขาไม่อยากได้เห็นหน้าของหวังว่านและเสี่ยวฟานเลย
แต่หลินดาไห่ยังคงพาหลินอี้จุนและหลินอี้เจียไปกัน
วันนี้บ้านหวังได้เชิญพระมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตายในวันครบรอบวันตาย แน่นอนวังเสวี่ยก็ต้องไปกราบด้วย
ในขณะที่พระสวดมนต์อยู่หลินอี้จุนและหลินอี้เจียก็ได้ไปคุกเข่าหนึ่งชั่วโมงกว่า
ส่วนหลินดาไห่ก็ได้ไปช่วยบนภูเขาฝังศพ
สิ่งที่ทำให้พวกหลินอี้จุนรู้สึกน่าประหลาดใจก็คือ วันนี้ท่าทีของหวังว่านและเสี่ยวฟางได้เปลี่ยนแปลงร้อยแปดสิบองศาเลย สองคนนี้ไม่เพียงแต่มาทักทายกับพวกเธอ ยังมาถามว่าลู่เฉินทำไมไม่ได้มาอะไรประเภทนี้
ลู่เฉินพาฉีฉีไปเล่นที่สวนสนุกครึ่งวันเช้า พอเวลาที่กำลังจะพาฉีฉีไปกินข้าวเที่ยง กลับได้รับสายของหลินอี้จุน
“ลู่เฉิน ตายแล้ว มีเรื่องเกิดขึ้น คุณรีบกลับมาเร็ว”หลินอี้จุนพูดอย่างเป็นห่วง
“เกิดอะไรขึ้น?”ลู่เฉินถาม
“พวกน้องชายไม่แท้ของฉันไปต่อยกับคนอื่น ได้ข่าวว่าน้าสามยังได้รับบาดเจ็บเลย”หลินอี้จุนพูด
“โอเค ฉันจะรีบไปเดี่ยวนี้”
ลู่เฉินพูดเสร็จก็พาฉีฉีวิ่งตรงไปที่บ้านวัง
พอมาถึงข้างนอกบ้านวัง ลู่เฉินก็เห็นมีกลุ่มคนกำลังล้อมรอบอยู่ในลานหน้าบ้านของบ้านวัง และคุณยายของหลินอี้จุนก็ได้ร้องไห้จนสลบไปแล้ว
“พ่อ ปลอดภัยแล้ว เสียวจี้ได้เรียกคนมาไล่พวกเขาออกแล้ว”หวังว่านพูด
“เออ อย่าไปสนใจเรื่องนี้ พาน้องชายและลุงสามของคุณไปโรงพยาบาลก่อน”วังไกพูดพร้อมพยักหน้า
จนถึงเวลานี้ลู่เฉินถึงได้เห็นน้องชายของหวังว่านและลุงสามของเธอใช้ปิดคลุมหน้าผากไว้และเดินออกมา ระหว่างนิ้วของทั้งคู่ล้วนมีเลือดไหลลงมา
เสี่ยวจี้ขับรถพาพวกเขาไปพันแผลที่โรงพยาบาล
ลู่เฉินถามแล้วถึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อเวลาตอนเที่ยง พระขึ้นไปสวดมนต์บนภูเขาฝังศพ แต่คนที่ไปค่อนข้างเยอะ ไปเหยียบข้าวโพดหลายฝักของหมู่บ้านถัดไป จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เกิดความขัดแย้งกัน ในที่สุดก็ลงมือต่อยกัน
แต่เสี่ยวจี้ยังค่อนข้างมีเส้นสายในเมืองฉีเจียง โทรไปเรียกมาสิบกว่าคน จากนั้นก็ได้ต่อยจนฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บไปหลายคน
“เสี่ยวจี้ถึงจะพึ่งพาได้ พอถึงยามจำเป็นมีแต่เสี่ยวจี้เรียกคนมาช่วย”เมื่อเห็นว่าลูกชายของตัวเองก็บาดเจ็บด้วย และในที่สุดยังคือลูกเขยของตัวเองเรียกคนมาล้างแค้นให้ พอเสี่ยวฟางได้เห็นลู่เฉิน แม้ว่าไม่กล้าถกเถียงเขาอีก แต่ยังคงพูดอย่างโกรธขรึม
ลู่เฉินขี้เกลียดไปมอวเธอด้วยซ้ำ ถามหลินอี้จุนว่า”คุณยายเป็นยังไงบ้าง?”
หลินอี้จุนส่ายหน้า และพูดว่า”น่าจะไม่เป็นอะไรมาก แต่คนแก่ร่างกายก็ไม่ค่อยดี แถมยังมาพบกับเรื่องแบบนี้อีก ฉันก็เป็นห่วงเช่นกัน”
“เออ เข้าไปดูก่อนละกัน”ลู่เฉินพยักหน้า จับมือฉีฉีและเดินเข้าไปข้างใน
ขณะนี้ในห้อง แม้ว่าหญิงชราตื่นมาแล้ว แต่สีหน้ายังคงแย่มากอยู่ดี วังเสวี่ยและหลินดาไห่เฝ้าอยู่ข้างๆ
ส่วนภรรยาและลูกสาวของวังจินได้ตามรถไปที่โรงพยาบาลแล้ว
เสี่ยวฟางได้ต้อนรับแขกอยู่ข้างนอก
เพราะยังไงวันนี้พวกเธอก็ได้เชิญเพื่อนบ้านมาช่วย ดังนั้นเลยไม่สามารถปล่อยพวกเขาไปแบบนี้
“ลูกเอ๋ย วันนี้ทำพิธีศพให้พ่อคุณ แต่กลับมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น มันไม่เป็นมงคลหรือเกิน”คุณยายจับมือของวังเสวี่ยและพูดไปด้วยร้องไห้ไปด้วย
คนแก่ในชนบท ส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อแบบโบราณอยู่ ขณะที่พระไปสวดมนต์ที่หลุมฝังศพ แต่กลับมีเรื่องที่ทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น ในสายตาของพวกเธอ มันไม่เป็นมงคลอยู่แล้ว
“แม่ พวกเขาไม่ได้โดนสุสาน ไม่เป็นไรหรอก”วังเสวี่ยพูดปลอบใจเธอ
“แม่ คุณอย่าคิดมากไป พวกเราจัดการเรียบร้อยแล้วครับ คุณต้องรักษาร่างกายของคุณเองให้ดีนะครับ”หลินดาไห่ก็พูดปลอบใจเธอด้วย
“ฉันอายุมากแล้ว ร่างกายก็อย่างนี้แหละรักษาไม่หายแล้ว พวกคุณอย่าเป็นห่วงฉันมากไปนะ คนเราจะมีชีวิตอยู่ได้ถึงวันไหนฟ้าล้วนได้ลิขิตไว้แล้ว เอ๊ะ พวกคุณโทรไปถามดูว่าวังซีและวังจินพวกเขาสองคนเป็นยังไงบ้าง บาดเจ็บรุนแรงหรือเปล่า?”แม้ว่าหญิงชราไม่ค่อยตระหนักถึงความสำคัญของชีวิตตัวเอง แต่ยังคงเป็นห่วงลูกและหลานชายของเธอ
“คุณยาย น้าสามและน้องชายเป็นแผลภายนอกเท่านั้น ไปพันแผลหน่อยก็เสร็จแล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วงพวกเขาค่ะ พวกเขาไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ”หลินอี้จุนพูด
“เออ ประคองฉันออกไปดูหน่อย พวกเขาล้วนไปโรงพยาบาลแล้ว แต่แขกข้างหน้ายังต้องไปต้อนรับหน่อย……”ระหว่างที่พูดหญิงชราก็คิดจะลุกขึ้นมา แต่เธอเพิ่งลุกขึ้นมาก็สลบไปอีกที
“แม่ แม่ คุณเป็นไรหรือเปล่า?”วังเสวี่ยตกใจ และรีบประคองหญิงชราไว้
แม้ว่าลู่เฉินไม่มีความรู้ทางแพทย์ แต่ก็ขึ้นไปตรวจดูสถานการณ์ของหญิงชรา พบว่าหญิงชราก็แค่สลบไป ยังมีลมหายใจอยู่ เขาก็โล่งใจลงมาได้
“ปัญญาของคุณยายน่าจะไม่ใหญ่มากนัก พวกเราส่งเธอไปที่โรงพยาบาลก่อนละกัน”ลู่เฉินพูด
“เออ อี้จุน คุณกับอี้เจียรออยู่ที่นี่ก่อน ฉันกับคุณแม่ของคุณ และลู่เฉินจะส่งคุณยายของคุณไปโรงพยาบาล”หลินดาไห่พูด
“โอเค”หลินอี้จุนพยักหน้า
ลู่เฉินอุ้มหญิงชราขึ้นมา และเดินออกไปข้างนอก
หลินดาไห่และวังเสวี่ยเดินตามอยู่ข้างหลังของเขา
“คนแก่เป็นไรหรือ?”พอเห็นว่าลู่เฉินอุ้มหญิงชราออกมา คนอื่นล้วนเดินขึ้นมาถาม
“สลบไป น่าจะไม่เป็นไรมาก พวกเราส่งเธอไปที่โรงพยาบาลก่อน”วังเสวี่ยพูด
ลู่เฉินเปิดประตูรถแล้วนำหญิงชราวางในรถ และพอดีในเวลานี้ มีรถตู้หลายคันขับมาทางนี้ และจอดอยู่บริเวณที่ไม่ไกลจากเขาเท่าไหร่
เขาเพิ่งจะนั่งเข้าไปในที่นั่งคนขับ ก็ได้เห็นชายร่างใหญ่กลุ่มหนึ่งถือท่อเหล็กและกระโดดลงมาจากรถตู้
“แม่ง รถคันนี้จอดอยู่หน้าบ้านของบ้านวัง ต้องเป็นญาติของบ้านวังแน่ๆ ทุบให้แตกเลย!”
ชายร่างใหญ่คนหนึ่งเห็นว่าลู่เฉินเพิ่งจะขึ้นรถ ก็พาฝูงคนวิ่งมาทางรถของลู่เฉิน