บทที่ 212 ในที่สุดก็มา
หวังว่านถือโทรศัพท์ไว้ในมือ เธอไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ช่วยเหลือตระกูลวังนี้ก็คือลู่เฉิน
แต่ความเป็นจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านี้ยากที่จะปฏิเสธ
นักเลงเหล่านั้นคุมตัวหลี่หูมามัดไว้และกดให้คุกเข่าลงต่อหน้าลู่เฉิน
“คุณชายลู่ครับ จะทำยังไงกับไอ้หมอนี่ดี?” ซงไห่ถาม
“พวกแกเป็นใครกัน?!” หลี่หูแม้จะโดนคุมตัวอยู่แต่เขาก็ไม่ได้เกรงกลัว
“ลูกกระจ๊อกก็ยังเป็นลูกกระจอกอยู่วันยังค่ำ! พวกเราเป็นคนจากซากุระคลับ แกไม่รู้หรือไง?ยังมีหน้าเรียกว่าตัวเองเป็นหัวหน้าอันธพาลได้ยังไงวะ!” ซงไห่หัวเราะ
แต่ที่จริงตัวเขาเองเมื่อได้ทำงานกับตู้เฟยจึงได้รู้จักกลุ่มอันธพาลในเมืองรอบๆเหมือนกัน ก่อนหน้านี้อย่าว่าแต่เมืองรอบๆเลย แม้แต่ในยวี่โจวมีกลุ่มอันธพาลไหนบ้างพวกเขาก็ไม่รู้
“ซากุระคลับ!?”
หลี่หูตกตะลึง แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงและอำนาจที่เมืองฉีเจียง แต่เขาก็รู้ดีว่าหากพรรคพวกของตนสู้กับซากุระคลับที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของยวี่โจวแล้วนั้นก็คงแพ้อย่างราบคาบ
คิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะเชิญคนจากซากุระคลับมาได้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมคุณหมู่จึงต้องให้รางวัลนำจับเขามากขนาดนี้
เขาผู้นี้เป็นคนที่มีอำนาจอย่างแท้จริง!!!
ลู่เฉินเดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าหลี่หูมองดูเขาและถามว่า “ก่อนหน้านี้คุณพยายามจะจับผม?ทำไมกัน?พูดความจริงมานะ ถ้าคุณพูดตามตรงบางทีอาจจะยังมีหนทางในการใช้ชีวิตอยู่ในฉีเจียงได้อีกระยะหนึ่ง”
หลี่หูตกตะลึง คำพูดของเมื่อสักครู่นี้มีพลังดึงดูดอย่างแท้จริง แม้แต่เขาเองที่เป็นนักเลงมากกว่า 10 ปีก็ยังเกรงกลัว
เดิมทีเขาตั้งใจจะบิดเบือนความจริง แต่เมื่อเห็นแววตาของลู่เฉิน เขาครุ่นคิดและตัดสินใจอย่างชาญฉลาด
“มีคนให้เงินรางวัลนำจับตัวคุณเป็นจำนวน 100 ล้าน” หลี่หูพูดไปตามความจริง
เงินรางวัลนำจับ 100 ล้านหรือ!?
ลู่เฉินหรี่ตาลง เขาคิดไม่ออกจริงๆว่าใครกันจะกล้านำเงินจำนวนมากขนาดนี้มาแลกกับตัวเขา?
หรือจะเป็นตระกูลจาง?
“มันเป็นใครกัน?ทางที่ดีคุณควรจะพูดความจริงนะ”ลู่เฉินถาม
“ผมไม่รู้จัก เหอจือเนียนพามาหาผม เห็นว่าชื่อคุณหมู่” หลี่หูตอบ
ลู่เฉินตกตะลึงและหันไปมองทางตู้เฟยถามว่า “พวกคุณรู้จักคุณหมู่ไหม?”
ตู้เฟยส่ายหัวและถามหลี่หูว่า “คุณหมู่เป็นใครมาจากไหน?”
หลี่หูมองดูตู้เฟยก็นึกขึ้นมาได้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ก็คือลูกพี่ใหญ่ของซากุระคลับไม่ใช่หรือ? นี่คือไอดอลที่เขานับถือที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว
แม้จะผ่านไปเป็นเวลา7-8ปีแล้ว แต่เขาก็ยังจำได้ว่าคนๆนี้คือตู้เฟย
“มาจากเมืองหลวง” หลี่หูเก็บความรู้สึกตกใจไว้และตอบกลับไป
คิดไม่ถึงว่าตู้เฟยจะเดินทางมาที่ฉีเจียงด้วยตนเอง
“มาจากเมืองหลวงอย่างนั้นเหรอ?”
แววตาของลู่เฉินแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์
ในที่สุดก็มาแล้วสินะ!
เขาพอจะรู้แล้วว่าเป็นใคร
แม่ใหญ่ของเขานั่นเอง……
เสี่ยวเบชิง
“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?” ลู่เฉินถาม
“อยู่กับเหอจือเนียน อ้อ!เหมือนกับว่าเขากำลังจะตามหาภรรยาและลูกสาวคุณด้วย” หลี่หูนึกขึ้นได้จึงพูดออกมา
ลู่เฉินตกใจรีบหยิบโทรศัพท์โทรหาหลินอี้จุน โชคดีที่หลินอี้จุนและลูกสาวเขายังปลอดภัย
“รอผมอยู่ที่โรงพยาบาล รอให้ผมไปรับพวกคุณนะ อ้อ!ใช่สิ ตอนนี้คุณอยู่ที่โรงพยาบาลไหน?” ลู่เฉินกล่าวกำชับ
“อยู่ที่โรงพยาบาลฉีเจียงค่ะ”หลินอี้จุนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ได้แต่ตอบเขาไปตามตรง
“ช่วยไปส่งผมที่โรงพยาบาลที” ลู่เฉินพูดกับตู้เฟยและซงไห่
“ครั้งนี้ผมถือว่าคุณให้ความร่วมมือดีจะให้โอกาสคุณอีกครั้งหนึ่ง ลองเลือกดูว่าจะช่วยหนิวต้าซานหรือว่าจะไปกินข้าวแดงในคุก แต่ต้องเข้าใจนะว่าการที่ผมจะส่งคุณเข้าไปแค่ประโยคเดียวผมก็จัดการได้แล้ว” ลู่เฉินหันไปพูดกับหลี่หู
หลี่หูเตือนเขาเรื่องคนของแม่ใหญ่จะทำร้ายภรรยาและลูกสาวเขา ดังนั้นเขาจึงต้องการให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง แน่นอนว่าหลี่หูจะเลือกอย่างไรก็คงเป็นเรื่องของเขา
เมื่อพูดจบเขาก็เดินขึ้นรถซงไห่ไป ส่วนเรื่องอื่นๆตู้เฟยเป็นคนจัดการก็พอแล้ว
หลังจากขึ้นรถ ลู่เฉินก็ส่งข้อความหาตู้เฟยบอกให้หลี่หูพาพวกเขาไปยังที่คุณหมู่อยู่ เขาไม่ชอบการลอบกัดแบบนี้ ถ้าหากว่าสามารถนำตัวคุณหมู่ที่ว่านั่นออกมาได้ ทุกอย่างก็จะจัดการได้ราบรื่นขึ้น
ลู่เฉินและซงไห่มาถึงโรงพยาบาล ในขณะที่พวกเขาทั้งสองยังไม่ทันเดินเข้าไปด้านในสุด ก็พบว่ามีชายร่างกายสูงใหญ่หลายคนทำตัวน่าสงสัย และกำลังเดินไปทางแผนกสมองและระบบประสาท
ลู่เฉินส่งสายตาไปที่ซงไห่ ซงไห่เข้าใจความหมายนั้นดีจึงได้รีบเดินหน้าไป
ตึง!!!
ซงไห่ตั้งใจชนหนึ่งในนั้นล้มลง และพบว่าที่เอวของพวกเขามีมีดพกอยู่
ซงไห่สีหน้าไม่ดีนัก เขารีบเอ่ยขอโทษว่า “ขอโทษจริงๆครับ!ผมไม่ได้ตั้งใจ!!!”
“ไอ้น้อง หาเรื่องเหรอ?” ชายคนนั้นต้องมองดูซงไห่และลุกขึ้นกำหมัด
“เฮ้! ทำอะไรน่ะ จัดการเรื่องสำคัญก่อนสิ!” ชายอีกคนหนึ่งพูดเตือนขึ้น ส่งสัญญาณว่าอย่ามัวเสียเวลา
“ แม่งเอ้ย!ถือว่าเป็นโชคดีของแกไป” ชายคนนั้นจ้องมองซงไห่และรีบเดินไปทางแผนกสมองและประสาท
ซงไห่หันกลับไปมองลู่เฉิน ลู่เฉินพยักหน้าตอบรับ
เขาเข้าใจในความหมายที่ซงไห่บอกมา และเข้าใจได้ในทันทีว่าคนพวกนี้เดินทางมามีจุดมุ่งหมายก็คืออี้จุน
พอดีกับจังหวะที่อี้จุนเดินออกมาจากห้องผู้ป่วยและรับโทรศัพท์ หนึ่งในชายกลุ่มนั้นหยิบรูปออกมาดูและพูดว่า “จับตัวเธอ!”
ชายกลุ่มนั้นวิ่งตรงเข้ามายังหลินอี้จุน
หลินอี้จุนที่กำลังรับสายจากลูกค้ารายหนึ่งอยู่ เห็นว่าพวกเขาตรงเข้ามาหาเธอแบบนั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไป แล้วเข้าใจทันทีว่าสิ่งที่ลู่เฉินบอกให้รออยู่ที่โรงพยาบาลคืออะไร
มีคนต้องการจะเล่นงานเธอ!
หลินอี้จุนพูดกับลูกค้าอีกไม่กี่คำและรีบวางสายไปด้วยความหวาดกลัว
แต่เมื่อเธอเห็นลู่เฉินและซงไห่เดินตามหลังมา ก็คลายความกังวลลง ถ้ามีลู่เฉินอยู่ด้วยเธอก็ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
“ขอทางหน่อยครับ ขอทางหน่อย!” ลู่เฉินและซงไห่เดินฝ่าฝูงชนเข้ามาและตะโกนเสียงดัง
นักเลงพวกนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้หันหลังกลับไปมองและพบว่า 1 ใน 2 คนนั้นกำลังเข็นรถใส่ยาตรงมาทางพวกเขา
“ให้ตายสิไอ้นี่! ทำไมเพิ่งส่งเสียงเตือนตอนใกล้จะถึงตัวกันนะ”
จากเดิมทางเดินก็ไม่ได้กว้างขวางนัก พวกเขาหลบไปทางไหนไม่ทันจึงได้ถูกรถเข็นชนจนล้มลงถึงสองคน
ส่วนอีกสองคนนั้นหลบได้ แต่ยังตั้งตัวไม่ถูกจึงได้โดนลู่เฉินต่อยเข้าจนสลบ
อีกคนหนึ่งเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดีก็คิดจะหลบหนีแต่ถูกซงไห่เตะอัดเข้ากับกำแพง
สองคนที่ถูกรถเข็นชนจนล้มไปก็ตะกายลุกขึ้นมา หนึ่งในนั้นหยิบมีดผลไม้ออกมาแล้วพุ่งมาทางหลินอี้จุน
ตอนนี้หลินอี้จุนตกใจอย่างสุดขีด เธอกรีดร้องและถอยหลังหนี
ลู่เฉินยืนอยู่ห่างจากเธอ 3-4เมตร เข้าไปช่วยเธอไม่ทัน
ซงไห่ตกตะลึงกับภาพที่เห็น เขานึกไม่ถึงว่าไอ้พวกนี้จะกล้าลงมือกับหลินอี้จุนจริงๆ!