บทที่ 210 คุณหมุ่
เมื่อมาถึงสโมสรเทียนซี หลี่หูก็พบว่าเหอจือเนียนกำลังยืนต้อนรับใครสักคนอยู่ ชายผู้นั้นมองไปแล้วไม่มีสิ่งใดพิเศษ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อชายวัยกลางคนคนนั้นมองดูหลี่หู เขาก็ตกใจหวาดกลัว
คล้ายกับมีแรงกดดัน ใช่แล้ว! เป็นแรงกดดันที่ไม่มีตัวตน สามารถทำให้หัวหน้านักเลงอย่างเขารู้สึกหวาดกลัวได้
“นี่คือนายหมู่ที่เดินทางมาจากเมืองหลวง” เหอจือเนียนแนะนำ
“นายหมู่ สวัสดีครับ” หลี่หูเดินหน้าขึ้นไปทักทาย
นายหมู่มองดูหลี่หู จากนั้นหยิบรูปภาพขึ้นมาส่งให้หลี่หูแล้วพูดว่า “คนๆนี้อยู่ที่ฉีเจียง ไปตามตัวเขามาให้ได้ อ้อ!ภรรยาและลูกสาวเขาก็อยู่ที่ฉีเจียงด้วย ถ้าคุณสามารถจับพวกเขามาได้ ผมจะให้รางวัลตอบแทนคุณ 100ล้าน”
หลี่หูรับรูปนั้นไปดู ตาของเขาเป็นประกายลุกวาว
เขาได้ยินมาว่าเจ้าหมอนี่มีความสามารถไม่น้อย ก่อนหน้านี้ลูกสมุนของเขาก็เพิ่งให้เขาดูรูปไปเอง
“ครับภายในวันนี้ ไม่สิ! ภายใน 1 ชั่วโมง ผมจะพาเขามาหาท่านให้ได้” หลี่หูพูดด้วยความมั่นใจ
นายหมู่แววตาเป็นประกาย ในใจเขาคิดว่าหลี่หูคงจะรู้ว่าลู่เฉินอยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่พูดออกมาด้วยความมั่นใจแบบนี้
แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่พยักหน้าเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปทำธุระก่อนนะครับ” หลี่หูพูด เงินก้อนใหญ่จำนวน 100 ล้านนี้สำคัญกับเขามาก ตอนนี้เขามีอำนาจแต่ไม่มีเงิน หากมีเงินทุนสักร้อยล้านเขาเชื่อมั่นว่าอีกไม่นาน ทรัพย์สมบัติของเขาก็จะมากกว่าหนิวต้าซาน และกลายเป็นเศรษฐีอันดับ 1 ของฉีเจียงได้
“ไปเถอะ” นายหมู่พูด
หลังหลี่หูจากไปแล้ว เหอจือเนียนก็ถามขึ้นด้วยท่าทีระมัดระวังว่า “ นายหมู่ครับ ไม่ทราบว่าบุคคลในรูปนั้นเป็นใครกัน?”
นายหมู่เดินทางมาจากเมืองหลวงไกลขนาดนี้ อีกทั้งยอมจ่ายค่าตอบแทนเป็นจำนวนเงินมหาศาลเพื่อชายในรูปภาพนี้ จะไม่ให้เขาแปลกใจได้อย่างไร!?
“เป็นคนที่คุณไม่มีทางจะเทียบเท่าได้”นายหมู่พูดอย่างช้าๆ
เหอจือเนียนตกตะลึงและมองดูรูปภาพของลู่เฉินอีกครั้งหนึ่ง ชายผู้นี้รู้สึกว่าคุ้นหน้ายิ่งนัก
“ไปเถอะ รีบไปสืบหาว่าภรรยาและลูกสาวของเขาอยู่ที่ไหน ผมคาดว่าหลี่หูไม่มีความสามารถในการจับตัวเขาได้หรอก”นายหมู่พูดแล้วเดินออกไปข้างนอก
เหอจือเนียนเดินตามออกไปและโทรศัพท์ให้ลูกน้องจัดการตามหาตัวหลินอี้จุน
……
ลู่เฉินไม่ได้จากไปไหน
หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง หลี่หูก็กลับมาตามที่คาดไว้
รถยนต์กว่า 10 คันจอดล้อมรอบหน้าบ้านตระกูลวัง มีนักเลงกว่า 100 คนลงมาจากรถ ในมือของแต่ละคนถือแท่งเหล็กแกว่งไปมาอีกทั้งมีดพกและมีดดาบ
สมาชิกในบ้านตระกูลวังเมื่อเห็นดังนั้นก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
แขกที่มาเยือนบ้านตระกูลวังนั้นก็พากันหลบหนี
เสี่ยวจี้มองดูหลี่หูพาคนมามากมายขนาดนั้นก็ตกตะลึงและรีบหลบไป
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้แน่นอนว่าเขาจะต้องพยายามตีตัวออกห่างจากตระกูลวังแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาจะมีจุดจบอย่างไรก็ไม่รู้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องนี้เริ่มต้นมาจากการที่เขาให้คนมาทำร้ายหลี่หู จึงเกิดเรื่องตามมาทีหลัง ตามหลักความเป็นจริงแล้วเขาจึงควรเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบในเรื่องนี้มากที่สุด
เมื่อตระกูลวังเห็นว่าเสี่ยวจี้ได้แอบเอาตัวรอดไปแต่เพียงผู้เดียว พวกเขาก็ทำสีหน้าผิดหวัง
เมื่อเปรียบเทียบกับลู่เฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้าโดยไม่หวาดกลัวใดๆเลยแม้แต่น้อยแล้วนั้น สำหรับพวกเขาตอนนี้เสี่ยวจี้เป็นเพียงแค่ตัวตลกจริงๆ
หวังว่านรู้สึกผิดหวังมาก ในตอนสำคัญแบบนี้เสี่ยวจี้กลับทิ้งเธอไป เขากลับทิ้งคนในครอบครัวของเธอทุกคน แล้วเอาตัวรอดไปแต่เพียงลำพัง เธอผิดหวังมากจริงๆ
สามีภรรยา ควรจะอยู่ต่อสู้ด้วยกันไม่ใช่หรือ?
วังไกมองตามหลังเสี่ยวจี้ไปและตัดสินใจว่า
ต่อจากนี้จะไม่ช่วยเขาขอร้องลู่เฉินและหยิบยืมเงินลู่เฉินอีกต่อไป
“ขอกระบองหน่อย” ลู่เฉินมองดูสถานการณ์แล้ว ในวันนี้เขาคงต้องลงมือด้วยตัวเองแน่ๆ เขามองดูเวลาและคาดว่าตู้เฟยคงใกล้จะมาถึงเต็มที
คนจำนวนนับร้อย แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจสู้ได้แน่นอน โชคดีที่สวนในบ้านตระกูลวังไม่ใหญ่มากนัก คนร้อยกว่าคนที่เดินทางมา เข้ามาด้านในได้เพียงไม่เท่าไหร่
อีกทั้งภายในร้อยกว่าคนนี้ส่วนมากจะเป็นเด็กหนุ่มอายุประมาณ 17-18 ปี บางคนก็ผอมเสียจนหนังหุ้มกระดูกแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อสู้
เรื่องนี้เขาค่อนข้างจะชื่นชมตู้เฟย เนื่องจากลูกน้องของตู้เฟยนั้นอาจมีไม่มากเท่า แต่ทุกคนก็ร่างกายกำยำและมีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีใครที่แทรกตัวเข้ามาเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัว ทุกคนล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น
ถ้าไม่อย่างนั้นตงฟางหลงคงไม่กล้าที่จะวางมือง่ายๆ
เนื่องจากตู้เฟยเป็นคนที่มีความสามารถดี ดังนั้นลูกน้องที่เขารับเข้ามาทำงานด้วยล้วนแต่เป็นคนที่มีความสามารถ
“พี่ลู่ครับ” วังซีเดินเอาแท่งเหล็กยาวเข้ามาให้ดูลู่เฉิน บนหัวเขามีแผลเย็บอยู่ 5 เข็ม
ลู่เฉินรับแท่งเหล็กนั้นไปไว้ในมือ แล้วหันกลับไปพูดกับตระกูลวังทุกคนว่า พวกคุณไปหาที่ปลอดภัยหลบซะ!
มีคนอยู่ด้านหลังมากมายขนาดนี้ ต่อให้เขามีความสามารถพอก็ไม่อาจดูแลได้ทุกคน
เขาตั้งใจจะให้สมาชิกตระกูลวังพวกนี้หลบเข้าไปในบ้าน จากนั้นก็ดึงดูดสายตานักเลงพวกนี้ เส้นทางของการหลบหนีเขาคิดไว้หมดแล้ว นั่นก็คือตรงเข้าไปยังถนนเส้นที่เชื่อมต่อกับยวี่โจว เพื่อไปพบปะกับตู้เฟยให้เร็วที่สุด
คนจำนวน 100 กว่าคน ต่อให้เป็นพวกผอมแห้งมีแต่กระดูก แต่ถ้าจู่โจมไปโดยตรง เขาเองก็ไม่มีความมั่นใจเท่าไหร่นัก
ถ้าพวกเขาเกรงกลัวในบารมีและความดุเดือดของเขาก็ยังดี เขาเพียงแค่เชือดไก่ให้ลิงดูสัก10กว่าคน พวกที่เหลือก็คงจะตกตะลึงและไม่กล้า
แต่หากไม่เป็นอย่างนั้น อีกทั้งกลับลุยเข้ามาทีเดียว เขาก็คงทำได้แค่เพียงหนี!
การชกต่อยต้องใช้กำลังมากทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นคนมีจำนวนมากกว่า มีดและไม้กระบองไม่มีหูมีตา หากแกว่งมาโดนเขาเข้าก็คงจะตายแน่
แต่เมื่อลู่เฉินหันกลับไปมองก็พบว่าชาย 3 คนจากบ้านตระกูลวังนั้นหยิบกระบองเหล็กเดินออกมาทางเขา
วังไก วังซีและวังจิน ทั้ง 3 คนมองมาด้วยสายตาจริงจัง
นี่เป็นเรื่องของบ้านตระกูลวังจะให้ลู่เฉินเผชิญหน้าอยู่คนเดียวได้ยังไง?
เสี่ยวฟางและหวังว่านพยายามห้ามปรามพวกเขา แต่เมื่อพวกเธอเห็นว่าเขาทั้ง 3 คนมีสายตาที่มุ่งมั่นอย่างนั้น จึงไม่สามารถหักห้ามไว้ได้ สุดท้ายจึงพากันหลบหนีไป
ต่อให้พวกเธอจะหน้าด้านสักเพียงไร บัดนี้ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าให้ลู่เฉินออกไปเผชิญหน้าเพียงคนเดียว
“คุณลุงใหญ่ คุณลุงสามทุกคนถอยกลับออกไปเถอะครับ” เนื่องจากลู่เฉินวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว ถึงไม่อยากให้พวกเขาทั้งสามคนมาทำลายแผนการของเขา แผนการในวันนี้ก็คือเขาจะต้องแยกหลี่หูออกจากที่นี่ให้ได้ ไม่อย่างนั้นตัวเขาเองก็คงอันตราย
“อาลู่!ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว วันนี้ต่อให้ต้องถึงตายพวกเราก็ต้องปกป้องศักดิ์ศรีของบ้านตระกูลวางเอาไว้ให้ได้!” วังไกพูดออกมาด้วยความมุ่งมั่น
“นั่นน่ะสิพวกเราจะปล่อยให้คุณต่อสู้อยู่คนเดียวได้ยังไง?” วังซีพูดแล้วลูบกระบองเหล็กในมือ
“พี่เฉินครับ ก่อนหน้านี้พี่สาวผมและแม่ของผมทำไม่ดีกับคุณไว้ ตอนนี้จะให้คุณมารับผิดชอบเพื่อบ้านตระกูลวังของเราเพียงคนเดียว พวกเรายังเป็นคนอยู่เหรอ? ดังนั้นที่ลู่ครับ ให้พวกเราช่วยกันต่อสู้เถอะ!” วังซีก็พูดอย่างแน่วแน่
เมื่อมองเห็นสายตาของทั้งสามคนมั่นคงดุจหินผา ลู่เฉินก็ตกตะลึง
เขาจะพูดอะไรได้อีกเล่าอีก ทั้งตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนก็เดินใกล้เข้ามาแล้ว
“เตรียมตัวทำสงครามกันเถอะ!” ลู่เฉินฝืนยิ้มออกมา แผนการในวันนี้คงจะต้องเปลี่ยนเป็นการต่อสู้ให้ตายกันไปข้างแล้ว
ต้องมาลองดูกันว่าใครจะโหดร้ายกว่ากัน!