บทที่ 206 ครอบครัววังเกิดเรื่องแล้ว
ดวงตาของเสี่ยวฟางเป็นประกาย ใช่แล้ว พวกเขาทำให้ลู่เฉินไม่พอใจแต่วังไกไม่ได้ทำให้อะไรให้ลู่เฉินขุ่นเคืองใจแต่อย่างใด ลู่เฉินรวยมากไม่ใช่หรือวังไกเป็นลุงของเขาถ้าขอยืมเงินไม่กี่ล้านจากเขา เขาก็น่าจะให้ยืมนะ
นัยตาของเสี่ยวจี้เริ่มเปล่งประกาย ถ้าเขาสามารถยืมเงินหลายล้านจากลู่เฉินได้ บริษัทของเขาก็จะไปได้สวยเลยทีเดียว
“หึ ถึงเวลานั้นเรายืมมาแล้ว แล้วไม่ต้องคืน ใครให้พวกนั้นน่าเกลียดขนาดนี้ล่ะ”หวังว่านกล่าวอย่างโกรธเคือง
เสี่ยวจี้ขมวดคิ้ว พวกเขาใจดีให้ยืมเงินแต่เธอดันไม่คืนเงินเขาใครจะกล้าให้ยืมอีกล่ะ?
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นญาติของเธออีก มันควรจะเป็นการดีที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดีกับลู่เฉินเพราะเขาจะช่วยเธอได้ในอนาคต
แต่พอคิดว่าหวังว่านจะไปยืมเงินมาให้ตัวเอง ทั้งที่อยากตำหนิเขาแต่ก็เลือกที่จะไม่พูดออกไป
“ใช่แล้ว ฉันจะไม่คืนเงินพวกเขาอย่างแน่นอน ดูว่าต่อไปพวกเขาจะกล้ามาโอ้อวดต่อหน้าพวกเราไหม!” เสี่ยวฟางก็พูดด้วยความโกรธเคือง
สองแม่และลูกมาที่ประตูบ้านตามที่พวกเขากล่าว เจอเพียงแค่วังไกวังจินและวังเฉียงส่วนคนอื่นๆยืนมองพวกเขาอยู่นอกบ้าน
“พวกคุณมีอะไรกันหรือ ทำไมคนในครอบครัวของคุณหายไปหมด” วังไกขมวดคิ้วและถามขึ้น
“โทษพวกเราหรือ ก็พวกเขาชอบโอ้อวดต่อหน้าพวกเรา ดูเหมือนไม่อยากจะอยู่บ้านเราแล้ว และพวกเขาก็ย้ายออกไปเอง ” เสี่ยวฟางพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย
เมื่อนึกถึงนิสัยของวังเสวี่ย วังไกก็เชื่ออยู่บ้างเล็กน้อย แต่เขาก็รู้ด้วยว่าภรรยาของเขายิ่งเป็นคนที่ไม่ค่อยเข้ากับคนง่ายสักเท่าไหร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ลูกสาวของเขาแต่งงานกับเสี่ยวจี้ เธอก็ชอบโอ้อวดกับใครต่อใครว่าครอบครัวของตัวเองจะยิ่งใหญ่มากๆในอนาคตในวันข้างหน้า
เพื่อนบ้านเห็นว่าเสี่ยวจี้เป็นถึงเจ้านายของบริษัท พวกเขาเกิดความอิจฉา และจึงต่างพากันเข้าข้าง เสี่ยวฟางซึ่งทำให้เสี่ยวฟางกลายเป็นคนนิสัยแบบนี้
“ช่างมันเถอะพี่ พี่รองก็เป็นแบบนี้แหละ พวกเขาอยากไปก็ปล่อยให้พวกเขาไปเถอะ ” วังจินรู้นิสัยของวังเสวี่ยดี และเชื่อคำพูดของเสี่ยวฟาง
ที่จริงแล้ววังเสวี่ยก็เป็นคนดีนะ เขาจะให้เงินเป็นจำนวนมากทุกครั้งที่มา แต่เขาก็ชอบโอ้อวดอยู่ตลอดเวลา
พวกเขาเป็นพี่น้องกันยังไงก็ไม่สนใจหรอกแต่เสี่ยวฟาง หวังว่านและเสี่ยวจี้นั้นไม่เหมือนกัน พวกเขาไม่มีสิทธิ์ไปว่าวังเสวี่ย
หลังจากได้ยินสิ่งที่ เสี่ยวฟางพูดแบบนั้นแล้ว วังจินก็เชื่อแบบนั้นเช่นกันและเขาก็หันหลังเดินเข้าไปในบ้าน
“พ่อค่ะ ที่ ที่จริงแล้วพวกเราไม่ระวังทำให้พวกเขาไม่พอใจ โดยเฉพาะลู่เฉิน จากนั้นพวกเขาถึงได้โกรธและออกไป” หวังว่านเห็นว่าพ่อของเธอและคนอื่น ๆ หันหลังกลับเพื่อเข้าไปในห้อง และถ้าวันนี้เขาไม่ได้พูดความจริง ดูจากนิสัยพ่อของเขาแล้ว คงจะไม่ง้อลู่เฉินแน่นอน
เธอยังต้องการให้พ่อของเธอขอยืมเงินจากลู่เฉินให้พวกเขา
“อะไรน่ะ?” วังไกได้ยินดังนั้น เขาก็หันกลับไปมองหวังว่าน วังจินเองก็หยุดชะงักและหันไปมองหวังว่านเช่นเดียวกัน
หวังว่านกัดฟันและพูดต่อ “พ่อ เมื่อก่อนนี้ป้าสองเอาแต่โอ้อวดต่อหน้าพวกเรา ฉันก็ไม่ได้โกรธคราวนี้ฉันแค่ต้องการให้ เสี่ยวจี้ช่วยฉีกหน้าพวกเขา เพื่อให้พวกเขารู้ว่าตระกูลวังของเราไม่ใช่ตระกูลวังเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว … ”
“แล้วยังไงล่ะ พอรู้ว่าลู่เฉินเก่งกว่าเสี่ยวจี้และลูกก็โกรธมาก แล้วก็เริ่มใช้คำพูดทำให้พวกเขาโกรธแล้วออกไปเองใช่ไหม?
“พ่อ พ่อรู้ได้ยังไง?” หวังว่านสะดุ้งและถามด้วยความประหลาดใจ
วังไกส่ายหัว นี่ยังต้องถามอีกเรื่องมันชัดเจนขนาดนี้ ถ้าแค่นนี้เขาดูไม่ออก เขาจะอยู่มาได้เป็นสิบปีได้อย่างไร
“ช่างเถอะ ตอนนี้พวกเขาทุกคนกำลังโกรธ ก็ปล่อยพวกเขาไปตามทางของเขา ถ้าพวกเขาจำญาติคนนี้ได้ ในวันข้างหน้าพวกเขาก็คงจะมาเยี่ยวเยียน ถ้าพวกเขาจำไม่ได้ ก็ช่างมันเถอะ” วังไกพูดพลางหันหลังกลับและเดินจากไป เขาไม่ต้องการที่จะโทษลูกสาวของเขา อย่างไรก็ตามลูกสาวของเขาก็อายุยี่สิบแล้ว เธอเสียหน้าต่อหน้าลู่เฉินและคนอื่น ๆ ในฐานะพ่อ ก็คงทนไม่ได้ที่จะเห็นเธอเสียหน้าอีกครั้ง
“ที่พี่พูดก็จริง พี่สองคือคนที่แต่งงานออกไปแล้ว แน่นอนว่าเธอไม่ให้สามารถความสำคัญกับครอบครัวจริงๆของเธอข้างเดียวเสี่ยงเฉียงกลับไปพักผ่อนเถอะ” วังจินกล่าว
“พ่อ พี่อี้เจียบอกว่าเขาจะให้พี่ลู่เฉินจัดการเรื่องงานให้ แต่พวกเขาไปแล้ว ฉันควรที่จะไปทำงานที่ยวี่โจวต่อไหม?” เสี่ยวเฉียงถามวังจิน
วังจินถึงกับตกใจกับลูกชายและลูกสาวของเขา ลูกสาวของเขาพอเรียนจบมัธยมปลายก็ไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย เพราะไม่มีเงิน เพราะเขาเอาเงินทั้งหมดมอบให้กับลูกชายเพื่อเรียนมหาลัย
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผิดต่อลูกสาวเสมอมา
ลูกสาวของเขาอยากไปทำงานที่ ยวี่โจวมาโดยตลอด แต่เขาคิดว่าลูกสาวของเขายังเด็ก กลัวเธอจะต้องพบเจอกับความลำบากข้างนอกคนเดียว จึงไม่ยอมให้เธอไป
หากลู่เฉินเต็มใจที่จะหางานที่ดีให้กับเสี่ยวเฉียง แน่นอนว่าเขาก็จะสนับสนุน
“อื้ม เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อถามพี่ลู่เฉินให้นะ ไม่ต้องเป็นห่วง สองวันนี้พวกเขาคงยังไม่กลับมาหรอก” วังจินพยักหน้าและกล่าว
“แปลว่าสองวันนี้พวกเค้าพักที่โรงแรมงั้นเหรอ?”เสี่ยวเฉียงถามขึ้น
“น่าจะป็นอย่างนั้น” วังจินพยักหน้ารับ และในใจยังรู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าตอนนี้ลู่เฉินทำงานอะไร
อย่างไรก็ตามพื้นเพครอบครัวของวังเสวี่ยเป็นอย่างไรในใจเขารู้อยู่ ลู่เฉินกล้าที่จะจัดการหางานให้ลูกสาวของเขา ก็คงไม่เลยล่ะนะ?
ในขณะที่หวังว่านกำลังไล่ให้พ่อของเธอเข้าห้องไปนั้น เธอลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นว่า: “พ่อค่ะ บริษัทของเสี่ยวจี้ยังขาดเงินจำนวนหนึ่ง ถึงจะดำเนินการต่อไปได้ พ่อช่วยยืมเงินให้เขาหน่อยได้ไหมค?”
วังไกชะงัก และนั่งลงไปบนโซฟาและสูบบุหรี่
เขาคิว่าตัวเองไร้ประโยชน์สิ้นดี และไม่ได้วางแผนชีวิตที่ดีให้กับลูก ๆ ของเขา ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครพูดอะไร แต่เขาก็ยังคงโทษตัวเองอยู่เรื่อยที่เป็นพ่อคนแต่ไม่สามารถให้ชีวิตอย่างที่ลูกเขาต้องการได้
“เสี่ยวว่าน พ่อสามารถไปกู้เงินจากธนาคารมาให้ลูกได้ แต่พ่อไม่รู้ว่าเขาจะให้กู้ได้เท่าไหร่
และบ้านของเราก็ไม่ได้มีราคามากเท่าไหร่ คงจะยืมได้ไม่มากนัก
เมื่อเขาพูดออกไปเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมจนคิ้วจะชนกันแล้ว
“พ่อ สามารถกู้เงินจากธนาคารได้เยอะสุดเท่าไหร่กันค่ะ? มากสุดก็หนึ่งหรือสองแสน แต่บริษัทของ เสี่ยวจี้อย่างน้อยก็ต้องใช้เงนถึงสามล้าน” หวังว่านพูดขึ้น
วังไกถึงกับต้องตะลึง
สามล้าน?
เขาจะไปยืมมาจากไหน?
เพื่อนของเขาทุกคนเป็นชาวนา ต่อให้เขายินดีที่จะให้ยืม แต่ก็คงไม่เกิน หนึ่งหรือสองหมื่นแน่ๆ แล้วเขาจะกู้ ที่ไหนมาตั้ง 3 ล้าน?
คนอายุขนาดนี้แล้ว นอกจากไปขายเลือด ก็ไม่มีใครเอาไปทำอะไรแล้วล่ะ
เมื่อมองไปที่ลูกสาวของเขาด้วยความมึนงง วังไกก็รู้สึกถึงความหนักใจ
ในฐานะพ่อ เขาทำให้ลูกไม่ได้นั้นคือความรับผิดชอบของเขา
แต่ในฐานะลูกสาว ได้บังคับให้เขาเป็นพ่อ…
วังไกรู้สึกเศร้า นี่คือลูกสาวที่เขาเลี้ยงดูมากว่ายี่สิบปีหรือ
เธอดูไม่ออกเลยเหรอว่าพ่อของเธอไม่มีศักยภาพมากพอ?
“เสี่ยวว่าน พ่อขอโทษพ่อช่วยลูกไม่ได้จริงๆ” วังไกสูดหายใจเข้าลึก ๆ ร่างกายของเขาดูเหมือนจะแก่ขึ้นทันใด ดวงตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
“ พ่อคะ พ่อช่วยเราได้จริง ๆนะคะ พ่อต้องเชื่อมั่นในตัวเองสิค่ะ พวกลู่เฉินร่ำรวยจะตาย รถที่เขาที่เขาขับคันหนึ่งก็ราคาหลายล้าน เมื่อกี้ตอนที่พวกเราไปเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้าลู่เฉินใช้เงิน ไปตั้ง 4.5 ล้านเพื่อซื้อของทั้งร้านให้กับหลนอี้จุน เพียงแค่พ่อไปขอเขาช่วย เขาต้องให้เรายืมอย่างแน่นอนค่ะ ”
หวังว่านพูดเสริมว่า: “แต่วันนี้ฉันทำให้เขาไม่พอใจ และพวกเขาก็น่าจะยังโกรธอยู่มาก พ่อต้องช่วยขอร้องพวกเขาอีกหน่อย หรือถ้าถ้าให้พ่อก็คุกเข่าขอร้องเขาก็ได้”