ในใจหนิงเฉินหยู่สับสนอยู่บ้าง ฝืนทำเป็นสงบนิ่ง มองทางหยางเฉินแล้วถามว่า “เพื่อนคนนี้ ดูหน้าตาไม่คุ้นเท่าไร ไม่รู้ว่าเป็นคุณชายตระกูลใหญ่ที่ไหนกัน?”
ความกังวลของเขา หยางเฉินจะมองไม่ออกได้อย่างไรกัน ยิ้มนิ่งๆ “คุณชายหนิงไม่ต้องพูดเปรียบเปรยหรอก ผมไม่มีพ่อมีแม่ เป็นลูกกำพร้าคนหนึ่งเท่านั้นเอง และไม่ได้เป็นคุณชายใหญ่ตระกูลไหนด้วย”
ในใจหยางเฉิน เขามีเพียงมารดา สำหรับบิดา แต่ไหนแต่ไรไม่เคยยอมรับ
หนิงเฉินหยู่ทำหน้าแปลกใจ เขาย่อมไม่เชื่อคำพูดของหยางเฉินเป็นธรรมดา
เพียงแค่คิดว่าหยางเฉินจงใจแกล้งหลอกตนเอง
“เชี้ย! พวกหมาที่ไม่มีเบื้องหลังคนหนึ่ง กล้ามาชักสีหน้าใส่คุณชายหนิง?”
หนิงเฉินหยู่ไม่เชื่อว่าหยางเฉินไม่มีเบื้องหลัง แต่สุนัขข้างตัวของเขากลับไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น
เฝิงอี้ฉินชี้หน้าของหยางเฉินไว้ ตวาดใส่ทีหนึ่ง
“เฝิงอี้ฉิน ฉันเตือนนายรีบขอโทษคุณหยางเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจนาย!”
“ถูกต้อง ถ้านายไม่คุกเข่าต่อหน้าคุณหยาง แล้วก้มหัวยอมรับผิดในตอนนี้ ฉันเฉินยิงเหา เป็นตัวแทนตระกูลเฉิน จะไม่ปล่อยนายไปเหมือนกัน!”
กวนเสว่ซงและเฉินยิงเหาทั้งสองคน พูดขึ้นมาตามๆ กัน
พวกเขารู้ชัดเจนถึงความน่าสยองขวัญของหยางเฉิน กลัวว่าหยางเฉินจะทำเรื่องอะไรวู่วามอยู่ที่นี่
โดยเฉพาะวันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเจ้าหญิงน้อยของตระกูลหานแห่งเมืองเอก ถ้าหยางเฉินลงมือที่นี่ เกรงว่าตระกูลหานคงไม่พอใจเป็นแน่
ปัจจุบันนี้แค่ตระกูลเมิ่งที่เดียว ก็ทำให้พวกเขากดดันเพียงพอแล้ว พวกเขาไม่อยากสร้างศัตรูเพิ่มอีกคนโดยที่ไม่มีมูลเหตุ
แน่นอนว่าถ้าหยางเฉินยืนยันอยากลงมือที่ตระกูลหาน ต่อให้พวกเขาต้องสู้สุดตัว ก็จะยืนอยู่ข้างกายหยางเฉิน
“กวนเสว่ซง เฉินยิงเหา พวกนายคิดว่าตัวเองเก่งกาจจริงๆ งั้นเหรอ? อยู่ต่อหน้าคุณชายหนิง พวกนายกล้าไม่เกรงใจฉันด้วย? มาสิ! พวกนายเข้ามากันเลย!”
เฝิงอี้ฉินก้าวร้าวมาก พูดด้วยท่าทางยั่วยุ “คุณชายหนิงเป็นคนใจกว้างไม่ถือสาหาความกับพวกนาย แต่ฉันไม่ใช่!”
หนิงเฉินหยู่หน้าโกรธเคืองเต็มที่ ในใจด่าไปถึงโคตรตระกูลของเฝิงอี้ฉินรอบหนึ่งแล้ว
เขายังไม่ทันทำความเข้าใจสถานะของหยางเฉินกระจ่างดี ชั่วขณะหนึ่งจึงยังไม่กล้าบุ่มบ่าม ผลปรากฏว่าเฝิงอี้ฉินเจ้าหมาตัวนี้ คาดไม่ถึงกระโดดออกมาเสียก่อน
ตอนนี้เขาจะตำหนิเฝิงอี้ฉินก็ไม่ได้ ไม่ตำหนิก็ไม่ได้ เวลานี้มีความรู้สึกแบบขึ้นบนหลังเสือลงยากอยู่บ้าง
“คุณชายหนิง คุณเห็นแล้วใช่ไหม? นี่คือรุ่นหลานของตระกูลกวนและตระกูลเฉิน กำเริบเสิบสานมากแค่ไหนกัน? แม้แต่คุณยังไม่เห็นอยู่ในสายตาเลยครับ”
เฝิงอี้ฉินยังยุยงให้คนอื่นทำเรื่องเดือดร้อน
พูดจบ เขามองทางหยางเฉินด้วยท่าทางหยอกเย้า “ไอ้หนุ่ม นายแม่งไม่ใช่ว่าเก่งกาจมากเหรอ? ต่อสิ!”
สายตาของหยางเฉินค่อยๆ เย็นชาลงมา
เขาไม่กลัวการยั่วยุ แต่การยั่วยุของหมาตัวหนึ่ง กลับทำให้เขาเกิดความคิดอยากฆ่าคน
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าวันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของหานเฟยเฟย เฝิงอี้ฉินจะสามารถเห่ามาได้ถึงตอนนี้ได้อย่างไรกัน
“กวนเสว่ซง เฉินยิงเหา พวกนายมองเห็นแล้วหรือยัง? นี่คือเจ้าโง่ที่พวกนายเคารพนับถือกันมาก ถ้าไม่ใช่เพราะที่นี่คือสถานที่จัดงานวันเกิดของคุณหาน ฉันเล่นงานมันตายได้ง่ายๆ พวกนายเชื่อไหมล่ะ?”
เห็นหยางเฉินไม่พูดจา เฝิงอี้ฉินทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง พูดจาเยาะเย้ยใส่กวนเสว่ซงและเฉินยิงเหาทั้งสองคน
ทางนี้เดิมทีก็ดึงดูดสายตาของทุกคนอยู่แล้ว เวลานี้ทุกคนล้วนมองฉากนี้ด้วยท่าทางรอคอย
ไม่ว่าเป็นฝ่ายของหนิงเฉินหยู่กับเฝิงอี้ฉิน หรือว่ากวนเสว่ซงกับเฉินยิงเหา ต่างยิ่งใหญ่อย่างมากกันทั้งนั้น
ถ้าเกิดระหว่างทั้งสองฝ่ายระเบิดความขัดแย้งขึ้น ต้องน่าตื่นเต้นอย่างมากแน่ๆ
“เจ้าของวันเกิดมาแล้ว!”
ในเวลานี้เอง เสียงร้องตกใจดังขึ้นกะทันหัน
เวลานี้ สายตาของทุกคนต่างมองเข้าไปแล้ว
ทั้งโถงงานเลี้ยง ชั่วขณะนั้นเงียบกริบไร้เสียง สายตาของทุกคนตกอยู่ที่บันไดวนชั้นสองกันหมด
“ตึก! ตึก! ตึก!”
ตามมาด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงเหยียบย่ำบนพื้นดังกังวานขึ้นมา รูปร่างที่อ่อนช้อยงดงามคนหนึ่ง ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นในสายตาของทุกคนแล้ว
หานเฟยเฟยปรากฏตัวขึ้นแล้ว!
เวลานี้ เธอสวมชุดราตรีสีขาวที่สูงค่าชุดหนึ่ง ด้านบนประดับขนนกบางส่วน ที่เท้าสวมรองเท้าส้นสูงสีนู้ดที่ฝังเพชรคู่หนึ่ง บนศีรษะยังสวมมงกุฎอันหนึ่งด้วย
ราวกับเทพธิดาที่มีจิตใจเป็นกลางคนหนึ่ง อมยิ้มที่มุมปาก เดินมาอย่างเชื่องช้า
หานเฟยเฟยเดิมอายุน้อยอยู่แล้ว บนหน้าไม่มีริ้วรอยสักนิด มีเพียงแต่งหน้ามาอ่อนๆ ทั่วทั้งตัวราวกับเทพธิดาที่เดินออกมาจากภาพวาด
“สวยมาก!”
ผู้คนมากมายล้วนส่งเสียงร้องตกใจออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่
ผู้หญิงส่วนหนึ่ง ในสายตายังเต็มไปด้วยความอิจฉา
อายุยี่สิบปี ยังเป็นช่วงอายุที่งดงามเสียจริง!
“ขอบคุณทุกท่านมากที่สามารถมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดอายุครบยี่สิบปีของลูกสาวผมหานเยี่ยนกันได้ ยินดีต้อนรับทุกคน!”
ด้านข้างหานเฟยเฟย ยังมีชายหญิงคู่หนึ่ง ยืนอยู่ข้างซ้ายของเธอ ชายวัยกลางคนที่อายุประมาณห้าสิบปีคนหนึ่งเอ่ยปากพูดขึ้น
จากบนใบหน้าของหานเฟยเฟย ยังสามารถมองเห็นภาพเงาของเขาได้หลายส่วน
ถึงแม้เขาจะดูเหมือนคนอายุประมาณห้าสิบปี แต่ยังคงสามารถมองออกว่าตอนที่เขาเป็นหนุ่มจะหล่อเหลามากแค่ไหน
ข้างขวาของหานเฟยเฟย เป็นหญิงงามวัยกลางคนที่สวมชุดกี่เพ้าคนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นมารดาของเธอ
“คุณลุงหัน สวัสดีค่ะ! น้าถงสวัสดีค่ะ!”
ทุกคนต่างลุกขึ้น ทักทายไปทางหานเยี่ยนและภรรยาของเขาด้วยตนเองก่อน
“ชายวัยกลางคนคนนั้น คือหานเยี่ยนคุณพ่อของหานเฟยเฟย ว่ากันว่าถูกตั้งให้เป็นผู้สืบทอดผู้นำตั้งแต่แรกแล้ว แต่ผ่านไปหลายปีขนาดนี้ อายุของเจ้าบ้านหานก็เพิ่มขึ้นไปทุกวัน กลับไม่ยอมวางอำนาจให้เขามาโดยตลอดครับ”
กวนเสว่ซงอยู่ด้านข้างหยางเฉิน พูดขึ้นเสียงเบาๆ
เฉินยิงเหาก็เอ่ยปากบอกเช่นกัน “ได้ยินคุณปู่ของผมบอกมาว่าเจ้าบ้านหานมีเพียงหานเยี่ยนเป็นลูกชายคนเดียว แต่ว่าลูกชายคนนี้ไม่มีความสามารถอะไร เลยไม่วางใจมอบตำแหน่งผู้นำให้เขาครับ”
“ผมก็เคยได้ยินคุณปู่ผมพูดเหมือนกันครับ ว่ากันว่าเจ้าบ้านหานเคยพูดชัดเจนต่อหน้าสาธารณชน นอกเสียจากเขาตาย ไม่อย่างนั้นจะไม่ให้ตำแหน่งกับหานเยี่ยนแน่นอนครับ” กวนเสว่ซงพูดตามมาอีก
พอได้ยิน หยางเฉินถึงได้มองหานเยี่ยนเพิ่มขึ้นหน่อย
อายุประมาณห้าสิบปี กลับเป็นคนรูปหล่อมีอายุคนหนึ่ง เพียงดูจากภายนอก ยังไม่สามารถมองอะไรออกได้
“คุณแม่ของหานเฟยเฟยล่ะ?”
หยางเฉินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นอีกครั้ง
“คุณแม่ของเธอชื่อถงเจินครับ เป็นผู้หญิงในตระกูลสูงศักดิ์ ว่ากันว่าเป็นลูกสาวของตระกูลเล็กแห่งหนึ่งในเยนตู ยังมีความสามารถระดับหนึ่งด้วยครับ” เฉินยิงเหาบอกไป
กวนเสว่ซงพูดอีกว่า “ว่ากันว่าถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ เจ้าบ้านหานยังมีความคิดแม้กระทั่งว่าจะนำตำแหน่งผู้นำ มอบให้หานเฟยเฟยไปโดยตรงเลยครับ”
“หือ?”
ในใจหยางเฉินรู้สึกตกใจอยู่บ้าง “ผู้หญิงคนนี้ เก่งกาจขนาดนี้?”
หานเซี่ยวเทียนเป็นคนอย่างไร เขารู้ดีมาก
ผู้หญิงที่สามารถทำให้เขาสนใจเช่นนี้ ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่
ซูซานยิ้มพลางพูดขึ้น “น้าถง เป็นผู้หญิงที่พอเอาจริงขึ้นมาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ชายเลย คอยแอบช่วยเหลืออยู่ด้านหลังหานเยี่ยนมาโดยตลอด ทำผลงานออกมามากมาย ไม่อย่างนั้นเจ้าบ้านหานคงไม่ให้หานเยี่ยนเป็นผู้นำจริงๆ”
ถ้าเพียงแค่คนเดียวพูด บางทีหยางเฉินอาจจะยังไม่เชื่อ แต่ตอนนี้นอกจากเฉินยิงเหากับกวนเสว่ซง ยังมีซูซานอีกที่พูดแบบนี้ งั้นอธิบายได้ว่าหานเยี่ยนคนนี้ ไร้ความสามารถมากจริงๆ
มิฉะนั้นคงไม่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปไกลเช่นนี้
หยางเฉินส่ายหน้าหัวเราะแบบจำใจอยู่บ้าง “พูดกันว่าพ่อที่โดดเด่นย่อมไม่มีลูกที่ธรรมดาได้ แต่สำหรับเจ้าบ้านหาน กลับไม่ใช่แบบนั้น!”
เวลานี้ เค้กหลายชั้นก้อนหนึ่งถูกเข็นเข้ามาแล้ว ด้านบนปักเทียนยี่สิบแท่งเอาไว้
ทุกคนล้อมหานเฟยเฟยร่วมร้องเพลงวันเกิดด้วยกัน รอให้หานเฟยเฟยอธิษฐานขอพร และเป่าเทียนเสร็จ ทุกคนจึงส่งเสียงร้องยินดีขึ้นมา บรรยากาศในงานพุ่งไปถึงจุดสูงสุดแล้ว
ต่อมาคือการตัดเค้ก เพื่อนสนิทของหานเฟยเฟยเหล่านั้น ต่างนำครีมขึ้นมาเล่นป้ายหน้ากัน แบบไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเลย!
“คุณหาน สุขสันต์วันเกิดนะครับ!”
ในเวลานี้เอง เฝิงอี้ฉินเข้ามามอบของขวัญวันเกิดให้เป็นคนแรก
หานเฟยเฟยมองเขานิ่งๆ แวบหนึ่ง พยักหน้าเล็กน้อย “ขอบคุณค่ะ!”
“เฟยเฟย สุขสันต์วันเกิดนะ!”
เวลานี้ หนิงเฉินหยู่ก็เดินเข้ามาเช่นกัน มองทางหานเฟยเฟยด้วยหน้าตาอ่อนโยน ในมือถือกล่องของขวัญที่เปิดออกกล่องหนึ่ง ด้านในใส่แหวนเพชรรูปหัวใจหนึ่ง
ชั่วขณะนั้นทั้งงานระเบิดเสียงร้องดีใจออกมาครู่หนึ่ง
ให้แหวนเพชร ความหมายชัดเจนอยู่ในตัวแล้ว
“เฟยเฟย นี่คือแหวนเพชรหัวใจ รุ่นใหม่ล่าสุดของคาร์เทียร์ที่วางจำหน่าย เพชรหมายถึงชั่วนิรันดร หัวใจหมายถึงความรักที่ผมมีต่อคุณ ไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!”
หนิงเฉินหยู่มองทางหานเฟยเฟยด้วยท่าทางลึกซึ้งพูดขึ้นมา