ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1954 : ความพยายามในความสิ้นหวัง

ตอนที่ 1954 : ความพยายามในความสิ้นหวัง

  ด้วยการที่จางหยูให้ลูกปัดดั้งเดิมแทบไม่มีจำกัดแล้ว เหล่าศิษย์และอาจารย์ก็ไม่ได้ออกไปยังเขตซื่อเซียวเพื่อหาลูกปัด มันเป็นการประหยัดเวลาและมีเวลาในการบ่มเพาะมากขึ้น

  เป้าหมายของทุกคนคือการเป็นแม่ทัพขั้นสูงสุด

  ก่อนที่ทุกคนจะเข้าร่วมสำนักคังเฉียง ระดับบ่มเพาะของพวกเขาล้วนต่างกันออกไป เวลาในการบ่มเพาะก็ต่างกันออกไปด้วยแต่เมื่อเข้าร่วมสำนักคังเฉียงได้นานเท่าไหร่ ช่องว่างนั้นก็ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ มีแค่ เย่ฟาน, หยวนเทียนจี และศิษย์ของ จางหยูคนอื่นๆที่นำหน้าอยู่ บอกได้ว่านอกจากคนกลุ่มนี้แล้ว คนที่เหลือนั้นก็เริ่มต้นจากจุดเดียวกันทั้งนั้น

  ภายใต้ทรัพยากรที่เพียบพร้อมแล้ว ความต่างเพียงอย่างเดียวคือความอดทนของทุกคน !

  พวกคนที่ขยันก็จะนำหน้าคนอื่นๆและขึ้นเป็นแม่ทัพขั้นสูงสุดก่อน !

  ตอนนั้นไม่มีใครมีข้อแก้ตัวใดๆ การที่ด้อยกว่าคนอื่นก็หมายความว่าพวกเขายังพยายามไม่พอ

  ดังนั้นศิษย์และอาจารย์ทุกคนต่างก็พากันเก็บตัวบ่มเพาะ พวกเขาพากันดูดซับลูกปัดกันอย่างบ้าคลั่ง และหวังแค่ว่าจะพัฒนาตัวเองได้เร็วขึ้น แม้ว่าจะเร็วขึ้นสักนิดก็จะนำหน้าคนอื่นๆขึ้นเป็นแม่ทัพสูงสุดก่อนใคร

  เย่ฟาน, หยวนเทียนจี และคนอื่นๆรวมถึงฝานกู, และเหล่าอาจารย์ต่างก็พากันกดดันอย่างมาก

  แม้ว่าพวกเขาจะนำหน้าอยู่ แต่ก็ห่างจากแม่ทัพสูงสุดอยู่มาก หากพวกเขาโดนแซงหน้าไปได้ นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะรับได้

  พวกคนที่นำอยู่แล้วไม่คิดจะโดนแซงหน้า พวกคนที่ตามหลังก็ไม่อยากอยู่แบบนี้ต่อไปมันจึงทำให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นมา !

  บ่มเพาะกันอย่างบ้าคลั่ง !

  ทุกคนต่างก็กังวลไม่กล้าแม้แต่จะผ่อนคลายเพราะหากเกียจคร้านไปเล็กน้อยก็อาจจะโดนคนอื่นแซงหน้าไปได้…

  ด้วยบรรยากาศตึงเครียดของสำนักคังเฉียงก็ทำให้โลกป่าตกอยู่ในความตึงเครียดไปด้วย พวกนั้นเองก็บ่มเพาะกันอย่างบ้าคลั่ง

  ในเวลาเดียวกันทีมคังเฉียงก็หายไปจากทะเลโกลาหลมันทำให้ทะเลโกลาหลกลับไปสงบสุขอีกครั้งราวกับว่าทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนอดีตดังเดิม

  ที่เขตฉิวหวัง

  ในวันนั้นความมืดมิดได้ปกคลุมไปทั่วทั้งหุบเขาแต่อยู่ๆมันก็สลายไป พลังจิตอันน่ากลัวกระจายออกมาทั่วจนทำให้โลกเปลี่ยนสี

  ในวังบนยอดเขานั้น ฉิวหวังค่อยๆลืมตาขึ้นมาและพูดขึ้นมาเบาๆ   จักรพรรดิคังเฉียง เจ้าจะพบกับจุดจบแล้ว !      จักรพรรดิ !  เหล่าคนของเผ่าสวรรค์ต่างก็พากันคุกเข่าด้วยความกลัว,เคารพและหวั่นเกรง ท้องฟ้าถึงกับโดนย้อมไปด้วยชั้นเลือด

  คนของเผ่าสวรรค์ทุกคนต่างก็พากันทำความเคารพจักรพรรดิสูงสุด !

  ยิ่งพวกเขารับรู้พลังของจักรพรรดิได้เท่าไหร่ พวกเขายิ่งตื่นเต้นเท่านั้น !

  เพราะยิ่งจักรพรรดิแกร่งเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งพึ่งพาจักรพรรดิกันอันตรายจากกุยหลิงและจักรพรรดิกุยหลิงได้มากเท่านั้น

  แต่ตอนที่เหล่าคนของเผ่าสวรรค์พากันตะโกนสรรเสริญจักรพรรดินั้น ร่างของฉิวหวังกลับขยายตัวขึ้นเป็นหมื่นเป็นล้านเท่าและยังขยายตัวต่อไป ในพริบตาร่างของฉิวหวังก็โตจนทั้งเขตมองเห็นได้ เขาราวกับเทพปีศาจที่ปกคลุมไปด้วยพลังสีดำแดง

  ฉิวหวังยกมือขึ้นและกางมือออก ฝ่ามือของเขามีวังวนก่อตัวขึ้นมาก่อนจะมีแรงสูบอันน่ากลัวนก่อตัวขึ้น  ต่อมาคนเผ่าสวรรค์กลับราวกับกระดาษที่ปลิวไปตามแรงสูบ แม้แต่พวกคนแข็งแกร่งของเผ่าสวรรค์ก็ยังปลิวไปตามโดนสูบเข้าไปในวังวนนั้น

    ไม่ ! 

    ช่วยด้วย ! 

    จักรพรรดิ ไม่ ! 

  ที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงร้องด้วยความกลัว

  คนหลายล้านคนรวมถึงโลกทั้งใบโดนสูบเข้าไปในวังวนของฉิวหวัง ทุกๆวินาทีจะมีชีวิตเป็นร้อยล้านที่ต้องโดนกลืนกินเข้าไปในวังวน คลื่นพลังของ ฉิวหวัง เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง คนของเผ่าสวรรค์ได้ลดลงไปอย่างรวดเร็ว

  ไม่นนาทั้งเขตฉิวหวังก็แทบว่างเปล่า !

  โกลาหลที่ฉิวหวังทุ่มเทสร้างมันขึ้นมานั้นได้ถูกลบไปจากทะเลโกลาหลพื้นที่ 1 ใน 3 ของโกลาหลนั้นได้ถูกลบหายไป

  นี่คือหายนะสำหรับเผ่าสวรรค์ !

  โกลาหลแห่งนั้นได้ปกคลุมไปด้วยความสิ้นหวังแทน

  เหล่าแม่ทัพ, รองแม่ทัพ, นายพล, หัวหน้ากองและผู้คนนับไม่ถ้วนต้องตายไปด้วยฝีมือของจักรพรรดิที่ตัวเองยกย่อง ร่างกาย วิญญาณและจิตของพวกนั้นได้กลายเป็นพลังงานให้กับฉิวหวังทำให้เขาแกร่งขึ้นไปอีก

    เมื่อพวกเจ้าภักดีต่อข้า งั้นพวกเจ้าก็ต้องยอมสละตัวเองเพื่อพลังของข้าไม่ใช่รึ ?  ฉิวหวังพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเฉยเมยเขาไม่ได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย สายตาเขายังเย็นชาดังเดิมราวกับว่าสิ่งที่ทำไปนั้นเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย

  ครั้งนี้เขาตกอยู่ในความสิ้นหวัง แม้ว่าจะต้องทิ้งชีวิตลูกน้องของตัวเองทั้งหมดแต่เขาก็ยอม

  ด้วยชีวิตที่โดนสูบเข้ามานี้ก็ทำให้ความแข็งแกร่งของฉิวหวังเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก

  เขาเชื่อว่าแม้ว่าจักรพรรดิสองคนร่วมมือกันแต่เขาก็ยังรับมือกับทั้งสองได้สิ้นหวังแทน

  เหล่าแม่ทัพ, รองแม่ทัพ, นายพล, หัวหน้ากองและผู้คนนับไม่ถ้วนต้องตายไปด้วยฝีมือของจักรพรรดิที่ตัวเองยกย่อง ร่างกาย วิญญาณและจิตของพวกนั้นได้กลายเป็นพลังงานให้กับฉิวหวังทำให้เขาแกร่งขึ้นไปอีก

    เมื่อพวกเจ้าภักดีต่อข้า งั้นพวกเจ้าก็ต้องยอมสละตัวเองเพื่อพลังของข้าไม่ใช่รึ ?  ฉิวหวังพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเฉยเมยเขาไม่ได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย สายตาเขายังเย็นชาดังเดิมราวกับว่าสิ่งที่ทำไปนั้นเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย

  ครั้งนี้เขาตกอยู่ในความสิ้นหวัง แม้ว่าจะต้องทิ้งชีวิตลูกน้องของตัวเองทั้งหมดแต่เขาก็ยอม

  ด้วยชีวิตที่โดนสูบเข้ามานี้ก็ทำให้ความแข็งแกร่งของฉิวหวังเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก

  เขาเชื่อว่าแม้ว่าจักรพรรดิสองคนร่วมมือกันแต่เขาก็ยังรับมือกับทั้งสองได้  นี่คือการใช้ชีวิตของทั้งเขตฉิวหวังแลกมา ถึงพวกนี้ตายไปรึทั้งเขตหายไปแต่ ฉิวหวังก็หาสนใจไม่ เพราะตราบใดที่เขาได้ขึ้นเป็นจ้าวแห่งทะเลโกลาหลแล้ว งั้นทั้งทะเลโกลาหลก็จะเป็นของเขา เขาจะสนใจแค่เขตฉิวหวังทำไมกัน ?

  ตูม !

  ร่างของฉิวหวังพุ่งออกไปตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของผู้คนเป็นล้านๆ

  เขารวดเร็วอย่างมาก แม้ว่าจักรพรรดิคนอื่นจะรับรู้การเคลื่อนไหวของเขาได้แต่มันก็ยากที่จะตามได้ทัน ทั้งทะเลโกลาหลหากจะมีอะไรหยุดเขาได้แล้วงั้นคงมีแค่จักรพรรดิกุยหลิงเท่านั้น !

  แม้ว่าจะรับรู้ถึงตัวตนของเขาแต่ด้วยความเร็วสูงสุดนี้จักรพรรดิกุยหลิงก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะตามทันได้

  สายตาของฉิวหวังเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง เขาได้พนันแล้ว เขาพนันว่าก่อนที่เขาจะโดนจักรพรรดิกุยหลิงตามทัน เขาจะจัดการกับจักรพรรรดิคังเฉียงได้ก่อน ตราบใดที่จัดการกับจักรพรรดิคังเฉียงได้ และไขความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลงั้นเขาก็สามารถเข้าไปในโกลาหลของจักรพรรดิคนอื่นๆเพื่อหนีจากการไล่ล่าของจักรพรรดิกุยหลิง หากภายใต้เงื่อนไขเดิมแล้วเขาคงไม่อาจจะทำแบบนี้ได้แต่หลังจากที่กลืนกินคนทั้งเขตฉิวหวังแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นมาอย่ามาก จักรพรรดิคนที่เหลือรึแม้แต่จักรพรรดิกุยหลิงก็ไม่อาจจะฆ่าเขาได้ง่ายๆ

  ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เขาไม่คิดว่าเขาจะต้องเจอกับจักรพรรดิกุยหลิง

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท