“ถึงแกไม่พูดพวกเราก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่อยู่แล้ว คดีนี้ก็เหมือนมีดที่แขวนอยู่บนหัวพวกเรา หากยังปิดไม่ได้แต่ละวันฉันก็อยู่อย่างไม่สบายใจ” หลินเจ๋อกว่างกัดฟันด้วยความโกรธ คนร้ายคดีนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ ตำรวจมากมายขนาดนี้ก็ยังตามจับไม่ได้
“แกนี่ยังอาฆาตแค้นคนร้ายเหมือนเดิมเลยนะ ฉันยังจำคำพูดตอนที่แกเพิ่งเข้าหน่วยทหารได้เลย ผมเข้าทหารหน่วยรบพิเศษก็เพื่อเป็นตำรวจสืบสวนพิเศษ ตอนนี้ฝันเป็นจริงแล้วสินะ”
หลินเจ๋อกว่างกำลังคิดอยากจะชมอวี๋หมิงหลางกลับบ้านตามมารยาท แต่กลับได้ยินอวี๋หมิงหลางพูดต่อ
“แต่ว่าพอแกเข้าเป็นตำรวจสืบสวนพิเศษแล้ว ปัญหาที่แกแก้ไม่ได้ก็ยังต้องขอความช่วยเหลือจากพวกเราทหารหน่วยรบพิเศษ การรวมเป็นหนึ่งเดียวระหว่างการบิดเบือนกับความคืบหน้าของสรรพสิ่งตามกฎแห่งการหักล้างข้อขัดแย้ง แกน่ะบิดเบือนไปเป็นวงกว้างสุดท้ายก็กลับไปที่จุดเริ่มต้น ฮ่าๆๆ”
เสียงลงท้ายทำให้หลินเจ๋อกว่างอยากเข้าไปอัดอวี๋หมิงหลาง
“ฝากไว้ก่อนเถอะ พวกเราตำรวจสืบสวนพิเศษไม่ได้กินหญ้า ไม่เชื่อหรอกว่าหากไม่มีพวกแกพวกเราจะปิดคดีไม่ได้”
สายตาของทั้งสองคนจ้องกันเหมือนมีประกายไฟแลบออกมา เสี่ยวเชี่ยนที่อยู่ข้างๆเห็นแล้วจึงพูดเสริม
“พวกนายสองคนเหมือนที่เขาว่ากันว่ายิ่งรักยิ่งแค้นหรือเปล่า?”
“……” อวี๋หมิงหลางสะอิดสะเอียน
หลินเจ๋อกว่างเองก็อยากอาเจียน ทั้งสองคนมองหน้ากัน แล้วเบือนหนีออกพร้อมกัน ใครอยากเป็นเพื่อนกับกอริลล่า/หมาจิ้งจอกกัน?
หลินเจ๋อกว่างต้องไปลาดตระเวนต่อ อวี๋หมิงหลางพาเสี่ยวเชี่ยนไปหามื้อดึกกิน
การกินซาลาเปาน้ำไข่ปูแสนอร่อยเป็นมื้อดึกถือเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ เสี่ยวเชี่ยนค้นพบว่านับตั้งแต่อวี๋หมิงหลางกลับมา อาหารการกินช่วงมื้อดึกของเธอดูจะควบคุมไม่ได้เรื่อยๆ
เนื้อย่างเสียบไม้ยังไม่เท่าไร ชาบูก็ฟาดมาแล้ว ตอนนี้ยังพาเธอมากินซาลาเปาน้ำไข่ปูมื้อดึกอีก ปากเสี่ยวเชี่ยนก็ปฏิเสธ แต่กินเอร็ดอร่อยกว่าใคร
ซาลาเปาน้ำร้านนี้รสชาติเด็ดมาก แป้งบางใส คีบขึ้นมามองเห็นน้ำซุปข้างในเคลื่อนไหว น้ำซุปรสกลมกล่อมรวมกับไข่ปูสดใหม่ ได้กินยามหิวตอนมื้อดึกแบบนี้นับว่าเป็นเรื่องอันแสนสุขบนโลกมนุษย์
เนื่องจากไม่เจอคนรู้จัก อวี๋หมิงหลางจึงสั่งเหล้าข้าวให้เสี่ยวเชี่ยน กินปูขนห้ามดื่มเบียร์ ไม่อย่างนั้นอาจเป็นโรคเก๊าท์ได้ง่ายๆ เหล้าข้าวจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ไม่แสบกระเพาะ ช่วยลดฤทธิ์เย็นจากปู
อาหารดีเหล้าเด็ดช่วยคลายความหงุดหงิดจากตอนออกอากาศได้ อวี๋หมิงหลางเป็นห่วงว่าเสี่ยวเชี่ยนจะไม่สบายใจเพราะเรื่องนี้ จึงจงใจเลือกหัวข้อสนทนาเบาๆมาคุยกับเธอเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
“ลูกเชี่ยน รู้ไหมว่าเหล้าข้าวมีชื่อเรียกอย่างอื่นว่าอะไร?”
แต่กลับนึกไม่ถึงว่าหัวข้อนี้จะทำให้เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงเรื่องที่เจ็บปวดใจ
“สถานที่แห่งหนึ่งทางใต้ หลังจากที่ลูกสาวถือกำเนิดบนโลกใบนี้ส่งเสียงร้องออกมาเป็นครั้งแรก พ่อก็จะเอาข้าวเหนียวไปหมักเป็นเหล้าลูกสาว แล้วฝังไว้ที่ใต้ต้นกุ้ยฮวา ซึ่งเปรียบเสมือนความรักของพ่อได้ถูกฝังลงไปด้วย ซึ่งมันก็เป็นอีกชื่อหนึ่งของเหล้าข้าว พอลูกสาวถึงเวลาที่ต้องแต่งงานไปอยู่บ้านสามี ก็จะตักเหล้านั้นออกมาเป็นครั้งแรกจำนวนสามชามให้ พ่อตัวเอง พ่อสามี และก็สามี มีความหมายที่ว่าครอบครัวเจริญรุ่งเรือง นี่แหละเหล้าลูกสาว บางที่ตอนคลอดลูกชายก็จะหมักเหล้าเหลือง แบบนั้นเรียกว่าเหล้าจอมหงวน แต่ถ้าลูกสาวตายในช่วงวัยเด็ก เหล้าก็จะถูกขุดออกมาดื่มจนหมด แบบนั้นไม่เรียกเหล้าลูกสาว เรียกว่าดอกไม้แกะสลัก”
หัวข้อสนทนานี้ทำให้เสี่ยวเชี่ยนปวดใจจนพลอยกินไม่ลงไปด้วย
อวี๋หมิงหลางไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆเธอก็หยุดกินวางตะเกียบลง คิดว่าเธอยังหงุดหงิดเรื่องคนโรคจิตที่โทรเข้ามาตอนออกอากาศ ขณะที่กำลังจะปลอบกลับเห็นผู้ชายสวมชุดพ่อครัวสีขาวเดินออกมาจากห้องครัว ในมือถือเมนูขาปูผัดหมาล่าเดินมาที่โต๊ะเสี่ยวเชี่ยน
“เหล้ากับอาหารล้วนมีความรู้สึก เรื่องที่คุณพูดจริงๆแล้วเป็นการเข้าใจผิด ที่บ้านเกิดของผมสมัยก่อนดอกไม้แกะสลักถูกวางไว้บนแท่นวางเหล้าที่ถูกแกะสลักก็เลยมีชื่อนั้น ธรรมเนียมดอกไม้แกะสลักออกเรือนก็มีที่มาจากแบบนี้นี่แหละ แถวบ้านผมถ้าคลอดลูกสาวก็จะยินดีต้อนรับดอกไม้แกะสลักเข้าบ้าน หมายความถึงความรักอันลึกซึ้งที่พ่อมีต่อลูกสาว ส่งต่อความคิดและความผูกพัน ผมคิดว่าพ่อทุกคนล้วนให้ความรักอย่างหมดใจกับลูกสาวตัวเอง รักอย่างไม่มีเงื่อนไข”
“ก็ไม่ใช่ว่าพ่อทุกคนจะเป็นแบบนั้นนะคะ” เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงเฉินหลิน
“ภาพที่คุณเห็นอาจเป็นเพียงมุมหนึ่งที่สะท้อนจากแก่นแท้ภายใน หลังจากเกิดเหตุการณ์จนไม่เหลืออะไร ทุกอย่างที่ปรากฏตรงหน้าอาจเป็นของจริงไม่ก็ของปลอม ทุกอย่างปล่อยไปตามใจ”
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าคนๆนี้พูดจามีความพิเศษในตัวเอง เธอจึงสังเกตเขา พูดตามตรง ถ้าเขาไม่ได้ใส่ชุดพ่อครัว เธอไม่มีทางเชื่อว่าคำพูดที่เต็มไปด้วยปรัชญาพวกนี้จะออกมาจากปากคนเป็นพ่อครัว
ผู้ชายคนนั้นวางจานขาปูผัดหมาล่าที่โต๊ะเสี่ยวเชี่ยน อวี๋หมิงหลางหันไปมองเขา “พวกเราไม่ได้สั่งเมนูนี้นะครับ”
“ผมเลี้ยงครับ มีเพื่อนจากแดนไกลมาหาผมทำเมนูนี้พอดี ผมชื่อเซวียน เป็นเจ้าของร้านนี้” ผู้ชายคนนี้ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางแล้วหันตัวเดินจากไป
อวี๋หมิงหลางมองตามหลังเขา คนๆนี้บุคลิกไม่เหมือนคนทั่วไป เขากับเสี่ยวเชี่ยนคิดเหมือนกัน คนๆนี้ไม่เหมือนพ่อครัว
ถูกเจ้าของร้านอธิบายแบบนี้ ความเศร้าในใจของเสี่ยวเชี่ยนก็หายไปบ้าง เธอพยายามจัดการกับความรู้สึกเพื่อเบี่ยงเบนความเจ็บปวด
“จริงสิ พ่อจะต้องไปเหยียบดินบนเหล้าลูกสาวที่ถูกฝังอยู่ใต้ต้นกุ้ยฮวาบ่อยๆ คุณรู้ไหมว่าทำไม?”
คำตอบที่ถูกต้องคือ เพื่อให้จิตใจมั่นคง ก็เหมือนกับพ่อที่เลี้ยงลูกสาวให้เติบโตเป็นอย่างดี
แต่พอให้คนอย่างอวี๋หมิงหลางอธิบายความหมายก็เปลี่ยน
“ถ้าเป็นผมนะ ผมจะย่ำด้วยความเคียดแค้น ใครมันกล้ารังแกลูกสาวผม ผมจะเหยียบมันให้แบนเป็นเนื้อทุบ เอาหัวมันมาฝังดินเหยียบให้จมไปสามฟุตเลยคอยดู”
“……” เสี่ยวเชี่ยนหมดคำจะพูด ตานี่นี่ทำเรื่องดีๆเสียหายหมด
คิดเงินเสร็จเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางก็เตรียมเดินออก เจ้าของร้านที่ชื่อเซวียนเรียกพวกเขาไว้
“อันนี้ผมให้ครับ เอากลับไปดื่ม”
เสี่ยวเชี่ยนรับถุงมา พอเปิดออกดูก็พบว่าเป็นเหล้าลูกสาวที่แพ็คอย่างดี
“มันไม่ค่อยเหมาะมั้งคะ?”
ตอนกินข้าวก็แถมขาปูผัดหมาล่าให้แล้ว ตอนกลับยังจะให้ของอีกเหรอ
อวี๋หมิงหลางหยิบกระเป๋าตังค์ออกมา “เท่าไรครับ ผมจ่ายเงินดีกว่า”
เจ้าของร้านโบกมือ
“ผมถูกชะตากับพวกคุณก็เลยให้ จริงสิ ถ้าพวกคุณยังไม่ดื่มตอนนี้ก็ได้นะ เอาไปฝังดินแล้วค่อยเปิดดื่มตอนแก่ตัวไปด้วยกัน ดื่มด่ำความหอมหวานของเหล้าในตอนนั้น”
คำอวยพรนี้ดี อวี๋หมิงหลางชอบ เขายิ้มแล้วรับมา “งั้นผมก็ขอให้ร้านคุณขายดิบขายดีนะครับ”
“ผมไม่เคยเดือดร้อนเรื่องเงิน แต่ผมชอบอวยพรให้คนมีความสุขมากกว่า” เซวียนยิ้มให้เสี่ยวเชี่ยน
ตอนที่อวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยนเดินออกจากร้านเขาก็หุบยิ้ม ถอดชุดพ่อครัวออก ผ้าเนื้อหยาบกับกลิ่นน้ำมันเป็นสิ่งที่เขาเกลียด
มีคนเดินออกมาอีกสองคนจากผ้าม่านสีขาวที่กั้นทางเข้าของห้องครัว คนหนึ่งส่งเสื้อนอกให้เซวียน ส่วนอีกคนส่งกระดาษทิชชู่ให้ด้วยความนอบน้อม
เซวียนเช็ดกลิ่นน้ำมันที่เขาเกลียดออกจากมือ แล้วถึงใส่เสื้อ จากนั้นก็หันไปสั่งผู้หญิงผมทองแบบคนต่างชาติที่ส่งเสื้อนอกให้เขา
“จับตาดูเฉินเสี่ยวเชี่ยนไว้ เข้าใจไหม?”
“ค่ะ งั้นค่าตอบแทนของฉัน…”
“จบเรื่องแล้วได้ไม่น้อยแน่”