แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย – ตอนที่ 614 ความนัยกับฝึกงาน
“หัวหน้าไม่ต้องการพวกเราแล้ว…หัวหน้าพาพวกเราออกมาทำภารกิจ เพิ่งจะสำเร็จไปหมาดๆ หัวหน้าก็จะไปแล้ว!” หวางย่าเฟยไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปบ้าง น้ำตาพรั่งพรูไม่ขาดสาย
ถ้าไม่มีอวี๋หมิงหลางก็ไม่มีเขาในตอนนี้ เป็นอวี๋หมิงหลางที่ให้โอกาสเขาได้เข้าทีม เป็นอวี๋หมิงหลางที่สอนเขาให้รู้ว่าการเป็นมือสไนเปอร์ที่ยอดเยี่ยมนั้นทำอย่างไร เขาอยากปีนไปให้ถึงจุดสูงสุด แล้วเอาเกียรติยศอันน่าภาคภูมิใจนั้นให้อวี๋หมิงหลางเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ทำให้อวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยนผิดหวัง
แต่วันนั้นยังไม่ทันมาถึงอวี๋หมิงหลางก็จะไปแล้ว
“ร้องไห้ทำตัวเป็นผู้หญิงไปได้ รีบเช็ดน้ำตาเดี๋ยวนี้ อะไรกัน ฉันยังไม่ได้ตายเสียหน่อย ใช่ว่าอีกหน่อยจะไม่ได้เจอกันอีก! หุบปากให้สนิทเลยนะ! ถ้ากล้าพูดออกไปฉันอัดนายเละแน่!”
อวี๋หมิงหลางปวดใจกับคำพูดของหวางย่าเฟย เขาหันตัวเดินกลับ ตอนที่เดินผ่านหวางย่าเฟยเขาได้หยุดเล็กน้อย
“การควบคุมอารมณ์ของมือสไนเปอร์นายยังทำได้ไม่ค่อยดีนะ กลับไปฝึกให้มากอีกหน่อย เทคนิคที่เคยสอนให้จำไว้ให้ขึ้นใจ นายเป็นมือสไนเปอร์ที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ก็อย่าเหลิงจนเกินไป ต้องรักษาจิตใจที่ทะเยอทะยานเอาไว้ ถึงต่อไปนายจะไม่ได้ติดตามฉันแล้วก็ต้องตั้งใจทำให้ดี ออกไปอย่าทำให้ฉันขายหน้า!”
หวางย่าเฟยน้ำตาคลอเบ้ามองตามหลังอวี๋หมิงหลาง ต้นแบบของเขาถึงเวลาที่ต้องไปแล้วยังไม่ลืมที่จะสั่งสอนเขาเป็นครั้งสุดท้าย
บารมีของอวี๋หมิงหลางมาด้วยแบบนี้ เขาสามารถบอกจุดเด่นของทหารแต่ละคนออกมาได้หมดพร้อมทั้งยังสอนตามความถนัด ผลงานของลูกน้องเขาแต่ละคนนั้นส่วนหนึ่งก็ได้มาเพราะอวี๋หมิงหลางเช่นกัน
ตอนนี้อวี๋หมิงหลางต้องไปแล้ว นี่เขาจะไม่ได้ตอบแทนเลยสักนิดงั้นเหรอ?
หวางย่าเฟยสองมือกำหมัดแน่น สายตาเปล่งประกายแน่วแน่ ต้องได้ตอบแทนสิ มันต้องได้!
จนกระทั่งกินข้าวกันเสร็จ อวี๋หมิงหลางก็ยังคงแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากหวางย่าเฟยก็ไม่มีใครรู้อีกว่าเขาไม่ใช่สมาชิกของหน่วย011แล้ว รวมถึงเสี่ยวเชี่ยนด้วย
อวี๋หมิงหลางไปส่งเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หลิวเหมยที่หน้าที่พัก เสี่ยวเชี่ยนเห็นเขาทำหน้าเหมือนมีเรื่องในใจมาตลอดก็อยากจะหาโอกาสคุยกับเขาสองคนตามลำพัง
อวี๋หมิงหลางส่งพวกเธอแค่ชั้นล่าง เสี่ยวเชี่ยนให้อวี๋หลิวเหมยขึ้นไปก่อน ส่วนเธอยืนคุยกับอวี๋หมิงหลางอีกสักพัก
“ตอนนี้ปัญหาจบไปแล้ว คุณทำงานได้อย่างสบายใจแล้วนะ จะไม่มีใครโทรไปก่อกวนคุณอีก” อวี๋หมิงหลางพูดกับเสี่ยวเชี่ยน
“นายไม่เป็นไรนะ?” เสี่ยวเชี่ยนถามด้วยความเป็นห่วง
อวี๋หมิงหลางยิ้มพลางลูบหน้าเธอ “ผมจะเป็นอะไรไปได้ คุณรีบไปนอนเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว”
“งั้นฉันขึ้นไปก่อนนะ” เสี่ยวเชี่ยนคิดเล็กน้อยแล้วก็เรียกเขาไว้
“เสี่ยวเฉียง!”
“หืม?”
“เข็มขัดที่นายบอกว่าคุณภาพแย่นั่นน่ะ ฉันให้เป็นของขวัญวันเกิดนายนะ”
อวี๋หมิงหลางใบหน้าร้อนผ่าว เขารีบอธิบาย “ผมไม่ได้หมายความว่าของขวัญที่คุณให้คุณภาพไม่ดีนะ ผมแค่ ผมแค่—”
“ฉันรู้ ไม่ต้องพูดหรอก” เธอทำท่าจุ๊ๆใส่เขา “ฉันแค่อยากจะบอกนายว่า ฉันชอบทุกอย่างที่นายทำให้ฉันในวันนี้ รักษาความดีให้ตลอดนะ หวังว่าปีหน้าสักช่วงเวลานึงฉันจะได้มีโอกาสให้ของขวัญครบรอบแต่งงานกับนาย นายเองก็มีโอกาสให้ของขวัญฉัน”
“เสียวเหม่ย คุณหมายความว่า—” อวี๋หมิงหลางดีใจหนักมาก เขาเข้าใจความหมาย ตอนนี้อาการหวาดกลัวการแต่งงานของเสี่ยวเชี่ยนไม่หนักแล้ว มีความหวัง!
“ชู่ว! กลับไปคิดเอาเอง หาเหตุผลของการแต่งงานที่ไม่ติงต๊องแล้วค่อยมาหาฉัน” เสี่ยวเชี่ยนพูดจบก็หันหลังเดินขึ้นตึกไป อวี๋หมิงหลางมองเธอเดินไป ความรู้สึกหนักอึ้งที่ต้องจากเพื่อนในทีมเก่าลดลงไปมาก
เขารู้สึกได้ว่าหลังจากที่ผ่านเรื่องราวต่างๆในช่วงไม่กี่วันนี้ดูเหมือนเสียวเหม่ยจะมั่นใจในตัวเขามากขึ้น รู้สึกดีต่อตัวเขามากกว่าเดิม—ครั้งนี้เขาไม่ได้รู้สึกไปเองนะ แต่สัมผัสได้จากคำพูดของเธอเมื่อครู่ที่บอกว่าชอบทุกอย่างที่เขาทำ เธอประทับใจเขามากขึ้นแล้ว
เหตุผลของการแต่งงานที่ไม่ติงต๊อง…
แล้วมันคืออะไรล่ะ? อวี๋หมิงหลางครุ่นคิด รู้สึกเหมือนเซลล์สมองถูกใช้ไปหมดแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนยืนอยู่ตรงริมหน้าต่างมองส่งเขา ในมือเธอมีเหงื่อออกเล็กน้อย
อันที่จริงเธอตื่นเต้นมาก ใช่ว่าเธอจะไม่มีอาการของโรคหวาดกลัวการแต่งงานแล้ว แต่แต่ตอนที่เธอเห็นเขาเอาเข็มขัดฟาดคนเลวที่โทรมาเซ็กส์โฟนกับเธอก็เกิดความรู้สึกอยากแต่งงานขึ้นมาจริงๆ
ดังนั้นถึงได้ให้เขาไปคิดหาวิธีขอแต่งงานมา เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกได้ว่าอาการหวาดกลัวการแต่งงานของเธอเหลืออยู่แค่นิดเดียวแล้ว ขอแค่อวี๋หมิงหลางออกแรงอีกนิดหน่อยเธอจะต้องแต่งงานสำเร็จอย่างแน่นอน เธอไม่ได้แสร้งทำตัวเรื่องมากใส่เขา แต่เธอหวังว่าเขาจะช่วยเธอกำราบปีศาจที่อยู่ในใจเธออีกนิดหน่อยนี้ให้ราบคาบได้
คืนนี้กว่าเสี่ยวเชี่ยนจะนอนก็ตอนฟ้าเกือบสาง เธอนั่งดูรูปชุดแต่งงานที่ให้คนไปเตรียมไว้นานแล้วอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ มีตั้งแต่ชุดแบบจีนไปจนถึงชุดแบบฝรั่ง ค่อยๆดูทีละรูป
เธอให้คนจัดเตรียมมาได้สักพักแล้ว แต่กลับไม่กล้าเปิดดูมาตลอด เพราะแค่ดูก็จะรู้สึกอึดอัด แต่วันนี้ไม่รู้เป็นไง เธอไล่ดูทีละรูป ในใจกลับรู้สึกหลากหลายอารมณ์
อิ่มเอมนิดหน่อย มีกังวลบ้าง แล้วก็มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก อาจจะเป็นเพราะแอบคาดหวังมั้ง…
เธอนอนไปไม่ถึงสี่ชั่วโมงก็ถูกเลี่ยวฟู่กุ้ยโทรมาปลุกจนตื่น
“ฮัลโหล…” เสี่ยวเชี่ยนพูดกรอกโทรศัพท์พลางหาว
“เชี่ยนเอ๋อ พี่สมัครหาโอกาสฝึกงานให้เธอนะ เธอมาเป็นผู้ช่วยพี่ได้”
“ไม่เอา…ฉันจะนอน” รูปชุดแต่งงานไปตั้งเยอะกว่าจะได้นอน
เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่างานที่พี่ชายใสซื่อจัดการหามาให้นั้นเงินเดือนแสนถูกหรือไม่ก็ไม่มีเงินเดือนเลย อย่างเช่นงานให้คำปรึกษาผู้หญิงที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเสพติดการแต่งหน้า ช่วยผู้ชายที่ติดเหล้าเลิกเหล้าให้ได้
“ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน พี่อยู่กับทีมอาชญากรรมของเมืองที่เธออยู่ พวกเรามากันหลายคน เคสคนไข้ครั้งนี้พบได้ยากมาก มันคาบเกี่ยวกับงานของเธอ พี่อยากให้เธอมาดูหน่อย”
“เมืองนี้เหรอ…อย่าบอกนะว่าคดีของจือหมิงน่ะ?” เสี่ยวเชี่ยนตื่นทันที
“ใช่ เกี่ยวกับการวินิจฉัยอาการทางประสาทของจือหมิง เมื่อเช้าพวกพี่ทำการตรวจในเบื้องต้นแล้ว ถึงพวกเราจะสงสัยว่าเขาเป็นโรคหลายบุคลิกที่เกิดจากโรคจิตเภท แต่จนถึงตอนนี้บุคลิกอารมณ์ร้อนของเขายังไม่ปรากฏ เอาเป็นว่ามันซับซ้อนมาก พี่อยากให้เธอมาช่วยดูหน่อย อย่าทิ้งโอกาสนี้เพราะเรื่องค่าตอบแทนเลยนะ ท่านผู้นำเคยพูดไว้ว่า—”
“พอเลยยอมแล้วจ้า ไม่ต้องเอาท่านผู้นำมาอ้าง เดี๋ยวฉันไป”
พี่ชายลูกติดพ่อเลี้ยงคนนี้ก็ใช้ได้อยู่หรอกนะ ถึงจะชอบมีพร่ำเพ้อแนวคิดท่านผู้นำ แต่ก็พยายามดูแลเสี่ยวเชี่ยนกับต้าหลงเป็นอย่างดี ชอบหาเคสรักษามาให้เสี่ยวเชี่ยน—ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะไม่ได้ร้อนเงิน ไม่ได้ขาดประสบการณ์รักษาก็ตาม แต่เลี่ยวฟู่กุ้ยก็ไม่ได้รู้เรื่องเสี่ยวเชี่ยนในชาติก่อน จึงคิดว่าเธอเพิ่งเริ่มต้นเป็นหมอ พยายามหาเคสคนไข้ที่น่าสนใจมาให้บ่อยๆ
นอกจากนี้แล้วเลี่ยวฟู่กุ้ยยังเป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้ต้าหลงมาถึงสามปี—ถึงแม้คะแนนจำลองการสอบครั้งที่สามจะได้แค่250คะแนนก็ตาม แต่นั่นก็เป็นเพราะต้าหลงไม่เอาไหนเอง เลี่ยวฟู่กุ้ยพยายามเต็มที่แล้วจริงๆ
ไม่ว่าอย่างไรในใจของพี่ชายคนนี้ก็มีน้องสาวและน้องชายเสมอ เสี่ยวเชี่ยนปากชอบบอกว่าเกลียดแต่จริงๆไม่ได้หมายความแบบนั้น
คดีนี้ต่อให้เลี่ยวฟู้กุ้ยไม่ให้เธอไปเธอก็อยากไปแก้ไขปริศนาในใจด้วยตัวเองอยู่ดี โอกาสช่างมาได้พอเหมาะพอเจาะ