“อวี้สื่อ” ซ่งชูอีมองดูลายมือบนแผ่นไม้ไผ่รอบหนึ่ง ครุ่นคิดครู่ใหญ่ก่อนโค้งคำนับจิ่งเจียน “ฝ่าบาทมอบหมายหน้าที่สำคัญให้ หวยจินจักดำเนินการให้สำเร็จ”
จิ่งเจียนคำนับคืน “ต่อไปท่านก็จะเป็นขุนนางคนสนิทของฝ่าบาท สามารถขอบพระทัยฝ่าบาทได้ด้วยตนเอง”
ระบอบการปกครองในแต่ละรัฐล้วนอ้างอิงมาจากราชวงศ์โจว ในแง่ของขุนนางนั้นชิงซื่อและไท่สื่อมีตำแหน่งไล่เลี่ยกัน ชิงซื่อประกอบไปด้วยชิงต้าฟูและต้าฟู รับผิดชอบระบอบการปกครองของรัฐ ส่วนไท่สื่อนั้นรับใช้ในฝ่ายราชเลขาธิการ ซึ่งแบ่งเป็น “อู๋สื่อ (ห้าฝ่าย)” ตามหน้าที่ที่แตกต่างกัน
อู๋สื่อนั้นหมายถึงไท่สื่อ เสียวสื่อ เน่ยสื่อ ไว่สื่อและชิงสื่อ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไท่สื่อเรียกว่าไท่สื่อ เป็นหนึ่งในหก
ขุนนางชั้นสูง ตำแหน่งทางการของผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงเรียกว่าเสียวสื่อ รับผิดชอบพงศาวดารแห่งรัฐและเชื้อสายของตระกูลบัณฑิตเป็นส่วนสำคัญ
เน่ยสื่อก็ถูกเรียกว่าเป็น “คัมภีร์” ความรับผิดชอบหลักคือการร่างเอกสารที่เป็นความลับสำหรับองค์จวิน ส่วนไว่สื่อ รับผิดชอบในการส่งหนังสือราชโองการไปนอกรัฐ รับผิดชอบการลงนามในบันทึกต่างๆ และรับผิดชอบหนังสือแห่งสามราชาห้าจักรพรรดิ
ตำแหน่งอวี้สื่อที่ซ่งชูอีได้รับนั้นรับผิดชอบในการรับเอกสารจากทั่วทุกแห่ง อีกทั้งยังรับผิดชอบดูแลเอกสารและข้อความบัญญัติต่างๆ อีกด้วย
นี่คือตำแหน่งชั้นสูงอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งตำแหน่งสูงที่ท้าทายความสามารถเช่นนี้ โดยทั่วไปแล้วมักจะแต่งตั้งผู้อาวุโสที่มีความรู้สูงส่ง มันจึงเป็นเรื่องเหลือเชื่อด้วยวัยของนาง
ซ่งชูอีอดคาดคะเนมิได้ว่าเบื้องหลังเจตนาของอิ๋งซื่อที่แต่งตั้งตำแหน่งสูงนี้ให้แก่นางคืออะไร หากเขาต้องการให้นางเข้าไปอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของเหล่าตระกูลเก่าแก่จริง เกรงว่าแต่งตั้งตำแหน่งเน่ยสื่ออะไรเทือกนั้นยังจะดีกว่า
เห็นได้ชัดว่าอิ๋งซื่อมีความสนใจ “ทฏษฎีโค่นรัฐ” ค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงไม่คิดที่จะโยนซ่งชูอีเข้าสู่กระแสน้ำวนนี้ ทว่าเขาก็จะไม่ปล่อยให้นางมองดูความครึกครื้นอยู่เฉยๆ
ทันทีที่มีราชโองการแต่งตั้งตำแหน่งอย่างเป็นทางการออกมา ก็มีคนส่งเครื่องแต่งกายมาให้ในคืนเดียวกัน จากนั้นข่าวนี้ก็ราวกับมีปีกงอก ลอยเข้าหูเหล่าขุนนางในราชสำนักอย่างรวดเร็ว
เช้าวันรุ่งขึ้น ซ่งชูอีก็ได้รับคำเชื้อเชิญหรือไม่ก็คำทักทายต่างๆ นานา
อิ๋งซื่อคำนึงถึงความเหนื่อยล้าจากการเดินทางของซ่งชูอี จึงให้เวลาพักผ่อนสี่วัน หลังจากสี่วันค่อยเข้าร่วมประชุมราชสำนักอย่างเป็นทางการ เพื่อทำงานในฐานะอวี้สื่อ
ซ่งชูอีไม่ปล่อยให้สี่วันนี้หมดไปโดยเปล่าประโยชน์ นางผลักความเหนื่อยล้าจากการเดินทางออกไปทั้งหมด ปิดประตูขอบคุณแขกเหรื่อ ยุ่งอยู่กับการทำสุราจากผลซิ่งและผลบ๊วยอยู่ในบ้านตามลำพัง
หนิงยารีบวิ่งมาจากเฉลียง “ท่านเจ้าคะ แม่ทัพเชอมาพบเจ้าค่ะ”
เสียงของซ่งชูอีลอยมาจากในพุ่มไม้หนาทึบที่ส่งเสียงสวบๆ “ให้เขาเข้ามา”
ไม่ช้า ท่านแม่ทัพในชุดดำเดินก้าวเท้ายาวๆ เข้ามา
เมื่อมาถึงสุดเฉลียง ก็เห็นต้นบ๊วยกับต้นซิ่งในลานที่มีผลดกเต็มต้น ซ่งชูอีกำลังออกมาจากพุ่มไม้หนา ครั้นเห็นสายตาสงสัยของเชออวิ๋นก็หันไปพูดกับหนิงยา “เตรียมเครื่องสุราแล้วยกไปไว้ใต้ต้นไม้”
“เจ้าค่ะ” หนิงยาค้อมตัวแล้วถอยออกไป
“ท่านแม่ทัพเชอเชิญนั่ง” ซ่งชูอีนั่งลงบนพื้นหญ้าอย่างสบายๆ ปัดใบไม้ออกจากร่างกาย
เชออวิ๋นยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็นั่งลงข้างนางอย่างผ่อนคลายเช่นกัน “ภายนอกลือกันให้วุ่นวายแต่ท่านกลับมีอิสระเหลือเกิน?”
ซ่งชูอีรับผ้าเช็ดเหงื่อที่เจียนยื่นให้ ซับๆ เหงื่อบนใบหน้า หัวเราะถาม “ลือกันให้วุ่นวาย?”
“ท่านมิรู้จริงหรือ?” เชออวิ๋นไม่เชื่อ จากการเดินทางร่วมกัน เขาเข้าใจว่าแม้นว่าซ่งชูอีดูเหมือนไม่ใส่ใจกับโลกภายนอก ทว่านางก็คล้ายไม่เคยพลาดในสิ่งที่นางควรรู้
หนิงยาสั่งให้สาวใช้สองสามนางนำเครื่องสุรามาวางระหว่างซ่งชูอีและเชออวิ๋น จากนั้นก็เริ่มต้มสุรา
ซ่งชูอีลุกขึ้นเด็ดบ๊วยเขียวจากต้นจำนวนหนึ่ง หลังจากสั่งให้คนนำไปล้างแล้วก็ใส่ในไปในเครื่องสุรา สุราที่ต้มจากบ๊วยเขียวนั้นมีกลิ่นของผลไม้จางๆ ซึ่งมีเอกลักษณ์เป็นอย่างยิ่ง
นี่เป็นฤดูกาลที่ดีเยี่ยมในการต้มสุราจากบ๊วยเขียว ซ่งชูอีกวนช้อนสุราด้วยตัวเอง จากนั้นก็กล่าวกับเชออวิ๋น “บัดนี้
ข่าวลือมีมากเกินไป ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพเชอกล่าวถึงเรื่องใด?”
“แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ท่านได้เป็นอวี้สื่อ” เชออวิ๋นกล่าว
ผู้ที่ดำรงตำแหน่งอวี้สื่อคนก่อนมาจากสำนักขงจื้อ เป็นผู้อาวุโสอายุหกสิบเก้าปีที่เป็นที่นับหน้าถือตา ดำรงตำแหน่งอวี้สื่อเป็นเวลาอย่างน้อยยี่สิบปีจากสี่สิบปีของของการทำงานอย่างต่อเนื่อง ทว่าซ่งชูอีนั้นอายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดปี ไม่เคยเป็นขุนนางในรัฐใดมาก่อน และเพิ่งได้รับชื่อเสียงเมื่อไม่นานมานี้เท่านั้น ความแตกต่างยิ่งยวดเช่นนี้ เกรงว่ายากที่จะทำให้ผู้คนรับได้กระมัง!
ซ่งชูอีก็พอจะเข้าใจสถานการณ์อยู่บ้าง อย่างไรก็ดีไม่ว่ารัฐใด ผู้ที่ดำรงตำแหน่งอวี้สื่อนั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้อัน
ล้ำลึก ตำแหน่งทางการนี้ก็เป็นสิ่งที่ท้าทายมากสำหรับนาง
“ดื่ม” ซ่งชูอียื่นสุราบ๊วยจอกหนึ่งให้กับเชออวิ๋น “มิทราบว่าวันนี้ท่านแม่ทัพเชอมาที่นี่ด้วยเรื่องใด?”
“มาขอสุราดื่มอย่างไรเล่า!” เชออวิ๋นหัวเราะเอ่ย
“ข้าน้อยครอบครัวยากจน ท่านแม่ทัพต้องนำเงินและผ้าไหมมาจึงจะถูก” ซ่งชูอีจิบสุราคำหนึ่ง ฝีมือการต้มสุราของนางยังคงเป็นเหมือนในอดีต มิได้ถดถอยเลยแม้แต่น้อย
“สุราดี!” เชออวิ๋นอุทาน
ซ่งชูอีพิงอยู่บนลำต้น ยกสุราขึ้นมาและชิมอย่างสบายใจ มองเชออวิ๋นเป็นสหายดื่มสุราจริงๆ ไปเสียแล้ว
ทั้งสองดื่มสุราในไหจนหมด เชออวิ๋นกำลังจะพูดคุยกับซ่งชูอีในขณะที่รู้สึกกรึ่มๆ ครั้นหันไปกลับพบว่านางพิงลำต้นหลับไปเสียแล้ว
อึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เชออวิ๋นจึงลุกขึ้นจากไป
เงาของต้นไม้กระดำกระด่างส่องอยู่บนตัวซ่งชูอี ในลานเงียบสงัดมานานแล้ว หูของนางขยับเล็กน้อยก่อนลืมตาขึ้นมาช้าๆ มองไปยังทิศทางที่เชออวิ๋นจากไป นิ้วถูอยู่บนขอบจอกสุราเบาๆ ราวกับกำลังครุ่นคิด
ในใจของซ่งชูอีพอจะเดาได้ว่าเหตุใดเชออวิ๋นจึงมาในเวลานี้ เขามิได้มาเพราะเรื่องของกฎหมายเก่าใหม่นั่น ขณะที่
ซ่งชูอีถูกตามล่าเพราะละเมิดกฎข้อบังคับอยู่นั้น นางก็เคยสงสัยว่ามีสายลับของตระกูลเก่าแก่อยู่ในขบวนรถ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าคนคนนี้อาจจะเป็นเชออวิ๋น
อย่างไรก็ดีแม้จะมีความสงสัยเช่นนี้ ทว่าซ่งชูอีก็จะไม่เอ่ยถาม เพราะว่าบัดนี้ผู้ที่ตำแหน่งสั่นคลอนมิใช่นาง นางยังสามารถใช้วิธีอื่นได้หากคิดจะรู้ความจริงทั้งหมด
“ท่าน” จี้ฮ่วนเดินเข้ามา กระซิบใส่หูนางสองสามคำ
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของซ่งชูอี “เชิญให้พวกเขาเข้ามา”
หลังจากจี้ฮ่วนจากไปแล้ว ซ่งชูอีลุกขึ้นจัดกระชับเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มรูปร่างกำยำในชุดผ้าป่านเดินก้าวเท้ายาวๆ เข้ามา หนวดเคราปกคลุมเกือบทั้งใบหน้าทำให้เห็นหน้าค่าตาไม่ชัด ทว่าซ่งชูอีมองออกในทันทีว่าเขาก็คือฉือจวี้ที่จากกันเมื่อครึ่งปีก่อน
“ท่าน!” ฉือจวี้สำรวจซ่งชูอีอย่างรวดเร็ว พบว่านางแทบมิได้เปลี่ยนไปเลยนอกจากรูปร่างที่สูงขึ้นเล็กน้อยและเสียงที่แตกหนุ่ม ในใจรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
“ครั้งนี้จวี้ทำงานได้ดีเยี่ยม! หวยจินขอบคุณแล้ว!” ซ่งชูอีสะบัดแขนเสื้อค้อมคำนับต่ำ
ฉือจวี้รีบยื่นมือประคองนางขึ้นมาด้วยความถ่อมตัว “เป็นเพราะการล่วงรู้ของท่านต่างหาก”
“ท่านล่วงรู้ได้เยี่ยงไร?” ครั้นจี้ฮ่วนที่ตามหลังมาได้ยินแล้วก็อดถามมิได้
ฉือจวี้หัวเราะหึหึ มิได้ตอบ เรื่องนี้เริ่มต้นด้วยเงินซื้อที่ดินที่ซ่งชูอีมอบให้เขา ตอนนั้นซ่งชูอีกล่าวว่ามีคำแนะนำอยู่ในกล่อง รอให้นางจากไปก่อนจึงค่อยเปิดอ่าน
ในคำแนะนำนั้นมิใช่เรื่องการซื้อขายที่ดินในรัฐฉิน ทว่าซ่งชูอีสั่งให้พวกเขาไปแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับหมิ่นฉือในรัฐฉี โจมตีผู้อื่นก่อน วินาทีที่ซ่งชูอีสงสัยหมิ่นฉือนั้น นางก็ได้เตรียมการทำให้เขาแปดเปื้อนแล้ว แม้นเขาไม่ลงมือ แผนการของนางก็ไม่สามารถหยุดได้แล้ว
สำหรับการจัดการหมิ่นฉือนั้น ซ่งชูอีมีทัศนคติประเภทที่ว่ายอมฆ่าผิดคนแต่จะไม่ปล่อยให้คนผิดลอยนวลเป็นอันขาด