การไว้ชีวิตสู่อ๋องเป็นเพียงการล่อให้กองทัพถูอู้ลี่เข้ามาเท่านั้น ในเมื่อ “ภารกิจ” ของเขาสำเร็จแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะไว้ชีวิตอีกต่อไป แต่เพื่อไม่ให้เป็นการปลุกเร้าอารมณ์ของชาวสู่ ก่อนที่ซือหม่าชั่วจะจากไปก็สั่งให้จางเหลียวเก็บสู่อ๋องอย่างลับๆ
ก่อนที่สู่อ๋องจะตาย คำขอเดียวของเขาก็คือการได้พบหน้าซ่งชูอี จางเหลียวคิดว่าด้วยสถานการณ์ของซ่งชูอีในตอนนี้ไม่เหมาะสมที่จะพบกับสู่อ๋องจึงได้ปฏิเสธไป สู่อ๋องจึงขอร้องเป็นอย่างที่สองให้เขาฝากข้อความไปถึงซ่งชูอี
จางเหลียวพยักหน้าตกลง คิดในใจว่าหากเป็นคำสาปแช่งใดๆ แล้วล่ะก็ เขาก็จะทำเป็นไม่ได้ยินเสีย
“ถามเขาว่าหญิงงามจื่อเฉามีตัวตนจริงหรือเปล่า” สู่อ๋องหมดสภาพกลายเป็นชายชราในวัยหกสิบเพียงไม่กี่วัน ผมบนศีรษะขาวโพลน ดวงตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยการรอคอย
จางเหลียวไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะประเมินองค์จวินเช่นนี้อย่างไรดี เขาครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องไปถามท่านที่ปรึกษา ข้าเป็นแม่ทัพในต้าฉิน แน่นอนจะต้องรู้ว่าจื่อเฉาคือสตรีคนเดียวที่ฝ่าบาทมีก่อนจะอภิเษกสมรส”
สู่อ๋องถอนหายใจช้าๆ ราวกับว่าสบายใจขึ้นมาก
“เด็กๆ!” จางเหลียวกล่าวเสียงดัง “ส่งสู่อ๋อง!”
หัวหน้ากองซือหม่ายกกาสุราเข้ามา ด้านหลังมีนายทหารชั้นยอดนายหนึ่ง เขาไม่ได้มองสู่อ๋องเลย “ฝ่าบาททรงมีเมตตา บัดนี้มีสุราพิษกาหนึ่ง กริชเล่มหนึ่ง สู่อ๋องสามารถเลือกเองได้”
“นำกริชให้ข้า” สู่อ๋องกล่าว
ในที่สุดหัวหน้ากองซือหม่าก็มองตรงไปที่สู่อ๋อง “เยี่ยม ยกกริชให้สู่อ๋อง”
ทหารแก้เชือกของสู่อ๋องและยื่นมีดกริชให้
ก่อนหน้านี้ สู่อ๋องถูกปล่อยให้หิวมาแล้วหนึ่งวัน บวกกับชีวิตอันหรูหราที่ต้องตกเป็นเชลยเพียงชั่วพริบตานั้นมันช่างมันเหลือทนจริงๆ ในขณะนี้มือที่ถือกริชจึงสั่นเทาเล็กน้อย
บัดนี้หัวหน้ากองซือหม่ากับนายหทารได้ถอยไปที่ปากกระโจมแล้ว สู่อ๋องไม่ต้องการดิ้นรนอีกต่อไป เขารู้ว่านอกกระโจมจะต้องมีการปิดล้อมหนาแน่น หากเขามีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติแม้แต่น้อย ลูกศรพันดอกก็จะทะลุผ่านหัวใจทันที ในเมื่อคนอื่นได้ให้วิธีตายที่เหมาะสม เช่นนั้นก็ตายอย่างเหมาะสมเถิด…
เขาคว้ากริชและเฉือนไปที่คออย่างรวดเร็ว
เลือดพุ่งออกมาราวกับลูกธนู มันกระเซ็นไปทั่วกระโจม
ครั้นเห็นสู่อ๋องล้มตึงไปกับพื้น หัวหน้ากองซือหม่าเงียบงันครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “เก็บให้เรียบร้อย หาที่ฝังไว้ก่อน ท่านที่ปรึกษากล่าวว่าวันหน้ายังใช้ประโยชน์ได้”
ในขณะที่สู่อ๋องปลิดชีพตัวเอง ในที่สุดหวังเฉิงที่อยู่ห่างไกลก็ถูกโจมตี
ทันทีหลังจากนั้นถูอู้ลี่ก็นำกองทหารมาถึง อย่างไรก็ตามกองทัพซย่าเฉวียนยอมละทิ้งหวังเฉิงที่ได้มาและยกกองทัพทั้งหมดไล่สังหารองค์รัชทายาทที่หนีไป
สำหรับชาวสู่แล้ว ตราบใดที่มีองค์จวิน ไม่ว่าที่ไหนก็สามารถเป็นหวังเฉิงได้ ดังนั้นถูอู้ลี่จึงยอมสละหวังเฉิงโดยไม่ลังเลและออกไปช่วยเหลือองค์รัชทายาทอย่างเต็มกำลัง ในใจของเขารู้ดีว่าเวลานี้การที่ทหารม้าของตนในระดับนี้รับมือกับกองทัพฉินก็ไม่ต่างจากการตีก้อนหินด้วยก้อนกรวด ด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจว่า ตราบใดที่พบองค์รัชทายาทแล้วก็จะนำกองทหารเข้าไปในป่าลึกทันทีเพื่อรอโอกาสในอนาคต มันเป็นไปไม่ได้ที่กองทัพฉินจะวางกำลังทหารทั้งสองแสนนายไว้ที่รัฐสู่
หลังจากที่กองทัพซือหม่าชั่วมาถึงด้านหลังและยึดครองหวังเฉิงแล้ว สิ่งแรกที่เขาทำคือทำให้อารมณ์ของชาวสู่สงบลง อีกทั้งพิสูจน์ว่าจะไม่มีการทำผิดใดๆ ต่อประชาชน
ในโลกแห่งความวุ่นวายนี้ ประชาชนทั่วไปมักไม่มีความรู้สึกรักชาติ ใครเป็นองค์จวินเกี่ยวอะไรกับพวกเขาเล่า? การมีชีวิตอยู่ต่างหากที่สำคัญที่สุด! อย่างไรก็ตามทุกรัฐก็มีข้อจำกัดที่ไม่อาจล่วงละเมิดได้ ในเขตจงหยวน หลังจากฆ่าคนและยึดเมืองหลวงแล้ว สามารถปล้นคลังรัฐได้ ทว่าไม่สามารถบูชาบัญ ไม่สามารถแตะต้องจิตวิญญาณของบรรพบุรุษ ไม่สามารถขุดหลุมศพบรรพบุรุษ…
ทว่าชาวฉินไม่เข้าใจชาวสู่มากนัก วัฒนธรรมของพวกเขาแตกต่างจากจงหยวนมาก หลังจากยึดครองเมืองหลวงได้แล้วพวกเขาจะใช้ที่นี่เป็นฐานโจมตีรัฐปา ไม่สามารถอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรได้ ซือหม่าชั่วกังวลว่าหากยุ่งกับหวังเฉิงส่งเดชอาจก่อให้เกิดความไม่พอใจในประชาชน จึงพลิกม้วนไผ่เกี่ยวกับปาสู่ที่ซ่งชูอีเขียนขึ้นมาอ่านอีกครั้ง โดยเน้นอ่านรายละเอียดของเนื้อหาในตอนท้าย
จางอี๋พาจินเกอเข้ามาในห้อง ประโยคแรกที่ถามคือ “ตาของหวยจินเป็นเยี่ยงไรบ้าง”
ซือหม่าชั่วอึ้งไปเล็กน้อย
“ว่ากันว่าตอนนี้มองอะไรไม่เห็นแล้ว” จางอี๋กังวลเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่ใคร่มีช่วงเวลาที่สับสนเหมือนตอนนี้บ่อยนัก แผนทั้งหมดที่ซ่งชูอีวางไว้ก่อนหน้านี้มีความสำคัญต่อการทำลายรัฐสู่มาก ทว่าไม่มีใครล่วงรู้ ถ้าหากส่งนางกลับเสียนหยางในตอนนี้ ถึงตอนนั้นหากฝ่าบาทตบรางวัลมากเกินไปก็เป็นเรื่องยากที่จะโน้มน้าวใจประชาชน ทว่าตอนนี้หากไม่กลับไปแล้วยืดเยื้ออาการป่วยออกไป…
ในสงครามมีผู้คนมากมายที่จากไปไม่กลับ แค่ดวงตาคู่หนึ่งจะเป็นอะไรไปเล่า? มันไม่สามารถใช้เป็นเงื่อนไขสำหรับการตบรางวัลได้อยู่แล้ว สำหรับนายทหารทั่วไปก็ขึ้นอยู่กับจำนวนศีรษะที่เขาตัดได้ แต่สำหรับแม่ทัพแล้วมีเพียงชัยชนะสุดท้ายเท่านั้นที่มีพลังในการโน้มน้าวจิตใจ!
ซือหม่าชั่วก็เข้าใจเหตุผลข้อนี้ เงียบงันไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ถามความตั้งใจของซ่งจื่อเถิด”
ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครที่สามารถตัดสินใจแทนนางได้
“เฮ้อ!” จางอี๋ถอนหายใจ
ซือหม่าชั่วเห็นสีหน้าอิดโรยของเขาก็กล่าวว่า “จางจื่อพักผ่อนก่อนเถิด หากมีเรื่องทหารใด ข้าจะสั่งคนไปเชิญจางจื่อ”
“ได้” จางอี๋ลุกขึ้นยืนออกไป
ก่อนจะจากมา ซือหม่าชั่วเห็นว่าลักษณะของซ่งชูอีอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด ไม่เหมาะที่จะเดินทางไกลกลับไปที่เสียนหยาง ในใจรู้สึกว่าปาสู่มีอากาศร้อนชื้น ทุกวันอยู่แต่ในกระโจมเกรงว่าอาการจะยิ่งแย่ จึงส่งคนไปรับซ่งชูอีมารักษาตัวที่หวังเฉิงทันที
หากซ่งชูอีเต็มใจที่จะจากไป ก็ควรจะทำให้ร่างกายของนางแข็งแกร่งขึ้นอีกนิดแล้วค่อยสั่งคนคุ้มกันนางกลับไปซือหม่าชั่วนวดคลึงขมับ ขณะที่กำลังจะลุกขึ้นไปรวบรวมกองทัพกับซย่าเฉวียนเพื่อหารือเรื่องปิดล้อมสังหารองค์รัชทายาทกับกองทัพถูอู้ลี่ ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอก “รายงาน…”
เขาหยุดชะงัก “เข้ามา”
ชายในชุดเกราะสีดำเนื้อตัวสะบักสะบอมเดินเข้ามาด้วยความเร่งรีบ โค้งคำนับเอ่ย “เรียนท่านแม่ทัพ แม่ทัพซย่าและถูอู้ลี่กำลังทำสงครามกันในหุบเขาที่ห่างออกไปเจ็ดลี้ ท่านแม่ทัพซย่าสั่งให้ข้าน้อยมารายงานท่านแม่ทัพว่าองค์รัชทายาทหนีไปทางทิศตะวันออก ไม่รู้ว่าตั้งใจจะไปที่ใด ตูเว่ยม่อนำกำลังห้าพันนายไล่ล่าเขาอยู่ขอรับ”
ซือหม่าชั่วลุกขึ้นพรวด “เล่ามาให้ละเอียด การต่อสู้เป็นเยี่ยงไรบ้าง?”
แม่ทัพซย่าเฉวียนเป็นผู้นำทหารม้าชั้นยอด หากพบกับถูอู้ลี่อย่างกะทันหันบนเส้นทางแคบของหุบเขา กองทหารจะไม่สามารถต่อสู้ได้ เกรงว่าจะต้องสูญเสียครั้งใหญ่!
“ตอนที่ทหารข้ากำลังไล่ล่าองค์รัชทายาทสู่นั้น องค์รัชทายาทสู่ที่เดิมทีหนีไปทางทิศตะวันตก หันหลังกลับไปทางทิศตะวันออกกะทันหันด้วยเหตุผลบางประการ แม่ทัพซว่านำทหารไล่ล่า ระหว่างทางก็พบกับกองทัพถูอู้ลี่…”
ในโลกนี้มีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ที่ไหนกัน! ซือหม่าชั่วตระหนักดีว่าจะต้องมีแผนการบางอย่างแน่นอน หลังจากฟังอย่างอดทนแล้วก็กล่าวด้วยเสียงอันดังทันที “เด็กๆ! รวมพลทหารทั้งหมด!”
จากการวิเคราะห์ของซือหม่าชั่ว เป็นไปได้มากกว่าถูอู้ลี่พบองค์รัชทายาทสู่ก่อนซย่าเฉวียน รู้สึกว่าซย่าเฉวียนติดตามอย่างกระชั้นชิด ไม่สามารถทำให้องค์รัชทายาทมาสมทบกับกองทัพได้สำเร็จ จึงคิดแผนการขึ้นมาเพื่อแยกย้ายกองกำลังของซย่าเฉวียนและปิดกั้นทหารม้าส่วนใหญ่ของเขาในหุบเขา
ซือหม่าชั่วตกตะลึง โดยปกติแล้วรัฐสู่จะไม่ใช้กองกำลังจำนวนมากในการทำสงคราม แต่ถูอู้ลี่เฝ้าดูการต่อสู้ของทหารม้าเหล็กของกองทัพฉินเพียงครั้งเดียว ก็สามารถค้นพบจุดอ่อนของทหารม้าได้ทันที อีกทั้งตอบโต้ทหารม้าได้อย่างรวดเร็ว! ไม่น่าแปลกใจเลยที่ซ่งชูอีหวาดกลัวบุคคลนี้อยู่ตลอดเวลา!
หากบุคคลนี้ไม่มีความตั้งใจที่จะสวามิภักดิ์ต่อรัฐฉินก็ไม่สามารถปล่อยไว้ได้อย่างเด็ดขาด!
ซือหม่าชั่วรวบรวมนายพลทุกนายเพื่อรีบปรับใช้แผนและสังหารองค์รัชทายาทสู่กับถูอู้ลี่ทันทีด้วยกำลังทั้งหมดที่มี