33 – วันที่ 7
ใบหน้าของเด็กหนุ่มส่งของเปลี่ยนไปชั่วขณะจากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ จะไปกินข้าวกันได้หรือยัง”
“ นายมองไปที่หน้าร้านสิ มีธูปจุดอยู่ตลอดทั้งวันกลิ่นของมันลอยเข้ามาในร้านมันทำให้ฉันกินอะไรไม่ลง”
ธูปที่ถูกจุดอยู่หน้าร้านมีขนาดสูงเท่ากับคนคนหนึ่ง มันเป็นเหมือนเจดีย์ขนาดเล็กเพื่อให้รับประกันได้ว่ามันจะถูกเผาไหม้ไปหลายวัน
“ จริงด้วย” เด็กหนุ่มชี้ไปที่เครื่องปรับอากาศในร้าน “ นั่นเป็นเครื่องฟอกอากาศไม่ใช่เหรอ”
“ แน่นอน อีกอย่างฉันก็ชินกับการฉีดน้ำหอมในร้านหนังสือ ท้ายที่สุดก็จำเป็นต้องสร้างบรรยากาศการอ่าน เพราะที่นี่ไม่มีกาแฟหรือขนมไว้ขาย สิ่งที่ฉันทำได้ก็แค่มอบสถานที่อ่านหนังสือที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเท่านั้น”
“ แล้วทำไมพี่ต้องมองผมด้วยสายตาแบบนั้น” เด็กหนุ่มแสร้งทำเป็นโกรธ “ เรามีประสบการณ์ความเป็นความตายมาด้วยกันนะอย่าลืมสิ”
โจวเจ๋อยกมือขึ้นและพูดอย่างสงสัยว่า “ ดังนั้นฉันจึงอยากรู้เรื่องหนึ่งมาโดยตลอด”
“อะไร?”
“ วันนั้นฉันไม่ได้กลิ่นอะไรเลย มันจะเป็นไปไม่ได้ที่นายจะได้กลิ่นของไฟไหม้ในร้านของฉัน”
เด็กหนุ่มส่งอาหารตะลึงไปชั่วขณะใบหน้าของเขาดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้จริงจังอะไรและพูดว่า
“ ผมค่อนข้างจมูกไว ตอนเด็กๆยายของผมบอกว่าผมจมูกดีเหมือนหมา ฮ่าๆๆ”
“ นายรู้ไหมว่าวันนั้นคือวันอะไร?” โจวเจ๋อถามอีกครั้ง
“วันอะไร?”
“ วันที่ 7 สำหรับ 7 คนนั้น”
“ 7 คนไหน?”
“ 7 คนที่เสียชีวิตในกองไฟ!”
เด็กหนุ่มมีสายตาเย็นชาเป็นครั้งแรก เขาจ้องมองไปยังโจวเจ๋อที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์
“ไม่ต้องกังวลร้านของฉันไม่มีกล้องวงจรปิดหรือเครื่องบันทึกเสียงอะไรแบบนั้น” โจวเจ๋อยิ้มและกล่าวอีกว่า
“ พูดกันตามตรง ฉันรู้ว่านายทำเรื่องนี้ไปเพราะอะไร แต่ฉันไม่คิดจริงๆว่านายจะกล้าทำ”
“ ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร” เด็กหนุ่มกล่าวอย่างใจเย็น
แน่นอนว่าเขาต้องใจเย็นอยู่แล้ว เขากล้าทำเรื่องนี้เขาย่อมเตรียมตัวไว้สำหรับการถูกตำรวจเพ่งเล็ง
แน่นอนว่าในตอนนี้ตำรวจไม่ได้เจาะจงเป้าหมายมาที่เขา แต่โจวเจ๋อมั่นใจว่าเขาเป็นคนทำเรื่องนี้อย่างแน่นอน
“ ฉันค่อนข้างแน่ใจว่านายเป็นคนจุดไฟเผาโรงหนัง” โจวเจ๋อยิ้ม เขาเพียงแค่ระบุความจริงเขาไม่สนใจว่าฝ่ายตรงข้ามจะหักล้างหรือเปล่า
“คุณต้องเมาไปแล้วแน่ๆ.” เด็กหนุ่มส่งของกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์” โจวเจ๋อยิ้ม
“ ด้วยเหตุผลแค่นี้คุณเลยคิดว่าผมเป็นคนจุดไฟเผาโรงหนัง? คุณคิดว่าตัวเองเป็นโคนันอย่างนั้นเหรอ” สีหน้าของชายหนุ่มเริ่มโมโห แต่เขาพยายามอดกลั้นไว้
“ แน่นอนว่าฉันไม่ใช่โคนันหรือตำรวจ แต่ฉันมีหลักฐานที่จะยืนยันได้ว่านายคือคนที่ลงมือเผาโรงหนังในวันนั้น เพราะ ‘ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว!’ ”
โจวเจ๋อชี้นิ้วไปที่ด้านหลังของเด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มส่งอาหารตกใจเขาคิดว่าตำรวจมาถึงแล้วและรีบหันกลับไปด้านหลังทันที แต่ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น
เด็กหนุ่มหันกลับมามองที่โจวเจ๋อด้วยสายตาเยอะเย้ย
“ พวกเขาทั้งหมดเข้ามาพร้อมกับนาย” โจวเจ๋อกล่าว
“ใคร?” เด็กหนุ่มส่งของขมวดคิ้ว
“ หกคนที่เสียชีวิตในโรงหนังพวกเขาเข้ามาพร้อมกับนาย จากสายตาของพวกเขาแล้วมันยืนยันได้ว่านายเป็นฆาตกร ยังมีอีกคนหนึ่งแม้ว่านายจะเป็นฆาตกรแต่เขากลับเครียดแค้นฉันแทน ตอนนี้เขายืนอยู่ข้างหลังฉัน”
โจวเจ๋อค่อยๆลุกขึ้นยืนและมองไปที่เด็กหนุ่มส่งของที่อยู่ตรงหน้า
“ แกล้งทำเป็นผีสาง!” เด็กหนุ่มคำรามออกมาด้วยความโกรธ เขาไม่รู้ว่าทำไมความกดดันของเขาถึงเพิ่มขึ้นตอนนี้มีเหงื่อไหลซึมออกมาจากหน้าของเขาไม่หยุด
“ ไม่ต้องกังวลตอนนี้พวกเขายังทำร้ายนายไม่ได้”
โจวเจ๋อเดินออกมาจากหลังเคาน์เตอร์โดยถือถุงพลาสติกไว้ในมือ
ถุงพลาสติกบรรจุข้าวกล่องเล็กและผักดองบางส่วน
ในสายตาของโจวเจ๋อมีคนหกคนนั่งอยู่บนม้านั่งพลาสติกทั้งชายและหญิงสองคนเป็นคนชรา
ทุกคนนั่งอ่านหนังสือของตัวเองอย่างเงียบๆและไม่ส่งเสียงดังเลย
โจวเจ๋อวางกล่องข้าวไว้ที่ด้านหน้าของทุกคนพร้อมกับปักตะเกียบแบบใช้แล้วทิ้งไว้ให้ทุกคน
ต่อจากนั้นโจวเจ๋อก็หยิบขวดเหล้าราคาไม่ถึง 10 หยวนเทลงในถ้วยพลาสติกจากตู้กดน้ำและวางแก้วไว้ตรงหน้าคนเหล่านั้น
“ พี่น้องทุกท่านโปรดอย่าได้ตำหนิว่าผมขี้เหนียวมากเกินไป ร้านหนังสือนี้ไม่ค่อยทำเงินมากนักพวกคุณก็น่าจะเห็น อย่างไรก็ตามวันนี้ครอบครัวของพวกคุณก็คงทำอาหารดีๆไว้รอแล้ว ถือว่ากินที่นี่เพื่อเรียกน้ำย่อยก็แล้วกัน”
โจวเจ๋อก้มลงและพูดคุยกับพวกเขาเหมือนเช่นคุยกับคนปกติ
“ คุณแ***สมองพิการไปแล้ว!” เด็กหนุ่มส่งของอดกลั้นไม่ไหวจึงตะโกนออกมา “ ฉันน่าจะบันทึกเรื่องบ้าๆของคุณและโพสต์ลงในเว่ยป๋อให้ทุกคนได้เห็น!”
“ นายกล้าจริงๆเหรอ?” โจวเจ๋อหันไปด้านข้าง “ อย่าพูดในสิ่งที่ตัวเองไม่กล้าทำ ฉันไม่ชอบ”
ไม่ใช่เพียงแค่ในประเทศจีนเท่านั้น ทุกประเทศทั่วโลกล้วนมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ในตอนนี้ตำรวจยังจับผู้ร้ายตัวจริงไม่ได้ แต่มันก็เป็นเพราะว่าเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆเท่านั้น
นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกคนให้ความสนใจ ไม่ช้าก็เร็วฆาตกรตัวจริงย่อมถูกจับกุมในที่สุด
“ ฉันจะกลับแล้ว เสียเวลาจริงๆที่คุยกับคนบ้าแบบคุณ”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เด็กหนุ่มมีผู้ติดตามในเว่ยป๋อและสตรีมถ่ายทอดสดเป็นจำนวนมาก เขาได้รับรายได้มหาศาลไม่เพียงแต่เพราะว่าเขาเป็น “ฮีโร่” แต่ยังรวมถึงแผนการตลาดของเขาเองด้วย
เขาเป็นคนมีเหตุผลมีความคิดอีกทั้งยังใช้อุปกรณ์ที่ดี แม้ว่าการสตรีมสดจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าเบื่อ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาค่อนข้างทำได้ดี
ในตอนนี้เด็กหนุ่มรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างแท้จริง เขาจึงต้องการที่จะออกจากร้านหนังสือให้ไวที่สุด
เขารู้สึกเสียใจจริงๆที่มาที่นี่วันนี้
โจวเจ๋อไม่ได้ห้ามเขา แต่เมื่อเด็กหนุ่มยื่นมือไปจับลูกบิด โจวเจ๋อก็หยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลาและพูดว่า
“ศูนย์.”
“ บูม!”
ไม่มีนาฬิกาแขวนในร้านหนังสือ แต่ในเวลานี้เด็กหนุ่มส่งของดูเหมือนจะได้ยินเสียงระฆังดังขึ้น
เขาผลักประตูอย่างแรง แต่ประตูไม่ขยับเลย เขาโกรธและมองไปที่ล็อคประตู ประตูไม่ได้ถูกล็อคไม่มีอะไรปิดกั้นแต่มันกลับเปิดไม่ออก