82 – เรื่องเร่งด่วน
หลังจากหยิบหนังสือขึ้นมาอีกครั้งคราวนี้โจวเจ๋อไม่รู้สึกร้อน แต่มันให้ความรู้สึกอบอุ่นราวกับหยกโบราณ
ดูเหมือนจะมีความเชื่อมโยงระหว่างตัวเขากับหนังสืออย่างแปลกประหลาด
หน้าแรกที่เปิดขึ้นมามีรอยประทับของลายนิ้วมืออยู่บนนั้น โจวเจ๋อไม่รู้ว่าเป็นลายนิ้วมือของเขาเองหรือของคนอื่น และตอนนี้เขาไม่สามารถเปรียบเทียบลายนิ้วมือที่ละเอียดอ่อนได้
แต่ในความเป็นจริง ลายนิ้วมือนั้นแปลกมาก แม้แต่โจวเจ๋อก็ยังคิดว่าไม่มีใครในโลกที่มีลายนิ้วมือแบบนี้
ลายนิ้วมือมีความกลมกลืนกันมาก กลมกลืนกันจนคุณไม่สามารถแยกแยะข้อบกพร่องใดๆได้เลย ทุกคนที่มองเห็นต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันทำให้รู้สึกสบายตามาก
ถัดไปมีตัวหนังสือ 2 บรรทัด
บรรทัดแรก ชื่อ: โจวเจ๋อ
บรรทัดที่สอง ตำแหน่ง: ผีพนักงานชั่วคราว
ในความเป็นจริงโจวเจ๋อก็เคยคิดมาก่อนว่าเขาควรจะมีใบรับรองการทำงาน ไม่คิดว่าวันนี้เขาจะได้เห็นใบรับรองจริงๆ พูดให้ถูกก็คือเอกสารฝ่ายหยิน
ท้ายที่สุดแล้วฝ่ายหยินก็เป็นสังคมขนาดใหญ่เช่นกัน การจะทำงานอย่างเป็นระบบแบบนี้ก็ดูจะไม่แปลกอะไร
ในตอนแรกโจวเจ๋อและซูชิงหลางได้พูดคุยถึงสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขา เป็นที่ชัดเจนว่าตัวตนของเขาในฐานะพนักงานชั่วคราวนั้นละเอียดอ่อนมากและอาจถูกเรียกกลับเมื่อไหร่ก็ได้มันไม่มีความมันคงมีแต่น้อย
เมื่อเด็กหญิงตัวน้อยกลับมาครั้งล่าสุด เธอยอมรับเรื่องนี้โดยตรงเมื่อเผชิญกับคำถามของเธอโจวเจ๋อ
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โจวเจ๋อขี้เกียจมาก มันไม่ใช่ธรรมชาติของเขา เพียงแต่ว่าผลประโยชน์ของมันน้อยเกินไปมันจึงทำให้เขาไม่สามารถปลุกปลอบใจให้ทำงานได้
ในเวลานี้สิ่งที่ทำให้โจวเจ๋อไม่สบายใจคือเหตุผลที่ตำแหน่งปัจจุบันของเขายังคงเป็นแค่
“ผีพนักงานชั่วคราว”?
โจวเจ๋อไม่เข้าใจว่าใบรับรองนี้มาอยู่กับเจิ้งผิงผิงได้อย่างไร หากเขาได้รับใบรับรองนี้ตั้งแต่แรกเขาก็คงไม่นอนอยู่เฉยๆ แต่จะรีบทำงานอย่างขยันขันแข็งแน่นอน
นี่คือใบรับรองของฝ่ายหยินที่ถูกส่งมาให้เขา แต่บังเอิญว่ามันถูกหยิบขึ้นมาโดยเจิ้งผิงผิง แต่เจิ้งผิงผิงเป็นคนที่มีชีวิตและเป็นคนธรรมดา ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถควบคุมสิ่งนี้ได้
เมื่อเธอได้อ่านตัวหนังสือที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความตายพวกนี้มันทำให้วิญญาณของเธอได้รับความเสียหาย อาจด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้เธอสามารถมองเห็นได้ว่าเขาเป็นผี
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากของสิ่งนี้กลับมาอยู่ที่มือของเขาแล้วมันก็ควรหมายความว่าเจิ้งผิงผิงและใบรับรองนี้ถูกตัดความเชื่อมต่อกันออกไปแล้ว และอาการป่วยทางจิตของเธอน่าจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
หนังสือรับรองเล่มนี้นั้นมีอยู่หลายหน้า เมื่อโจวเจ๋อเปิดไปที่หน้าที่ 2 เขาก็เห็นข้อความบรรทัดเดียวเขียนว่า
“8 เปอร์เซ็นต์”
“นี่คือแถบค่าประสบการณ์” โจวเจ๋อเอื้อมมือไปแตะจมูกของเขาโดยไม่รู้ตัว
8 เปอร์เซ็นต์ต์หมายความว่าสิ่งที่เขาทำไปตลอดทั้ง 2 เดือนนี้ทำให้เขาได้ค่าประสบการณ์แค่ 8 เปอร์เซ็นต์
โจวเจ๋อสั่นศีรษะและดูละอายใจเล็กน้อย ก่อนหน้านั้นเขาคิดว่าเด็กหญิงตัวน้อยได้กล่าวหาเขาว่าเขาทำตัวขี้เกียจไม่สนใจงานการ
แต่เมื่อรู้ว่าตลอดทั้ง 2 เดือนที่ผ่านมานี้เขาเพิ่งเก็บค่าประสบการณ์ได้เพียง 8 เปอร์เซ็นต์ ใบหน้าของเขาก็อดที่จะแดงขึ้นมาไม่ได้
ขี้เกียจจริงๆ
ในเวลาเดียวกัน โจวเจ๋อเองก็กำลังคิดอยู่ว่า นี่หมายความว่าหากเขาทำอีก 92% ที่เหลือและรวบรวมให้ได้ 100% ตัวตนของเขาก็จะไม่ใช่ผีพนักงานชั่วคราวอีกต่อไป?
บางทีเขาอาจจะได้เป็นผีลูกจ้างที่ถูกบรรจุเข้าทำงาน
ในอดีตโจวเจ๋อไม่เคยสนใจเรื่องนี้มาก่อน เขาไม่คิดว่าการทำงานเป็นข้าราชการนั้นเป็นเรื่องดี
เขาเห็นเพื่อนของเขาหลายคนทั้งที่เรียนเก่งและสามารถทำงานในโรงพยาบาลเอกชนได้เงินเดือนสูงๆแต่พวกเขาก็ปฏิเสธมัน พวกเขามุ่งมั่นที่จะสอบเป็นข้าราชการเพื่อจะรับเงินสามสี่พันหยวนต่อเดือนเท่านั้น
แต่ตอนนี้โจวเจ๋อกลับมีความรู้สึกต้องการเป็นคนในระบบอย่างแรงกล้า! เขาคิดว่าครั้งนี้หากเขาไม่สามารถเป็นพนักงานถาวรได้ บางทีพวกที่อยู่ในนรกอาจมาล่าตัวเขาแทน
นี่หมายถึงความรู้สึกปลอดภัย หมายความว่าเมื่อยามค่ำคืนมาถึงเขาจะสามารถนอนตาหลับได้อย่างมั่นคงโดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่เห็นดวงอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้
บางที อดีตเพื่อนร่วมชั้นของเขาก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน ในโลกนี้มันคงไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าชามข้าวเล็กๆที่มั่นคงอีกแล้ว
โจวเจ๋อต้องการเปิดโบชัวร์ไปยังหน้าถัดไป แต่เขาพบว่ากระดาษหลายแผ่นคล้ายกับติดกาวเข้าด้วยกัน ไม่ว่าเขาจะออกแรงมากแค่ไหนพวกมันก็ไม่ถูกเปิดออก
อาจเป็นเพราะระดับสถานะปัจจุบันของเขายังไม่เพียงพอ ดังนั้นข้อความในหน้าถัดไปเขาจึงไม่มีคุณสมบัติอ่าน
โจวเจ๋อเก็บใบรับรองไว้ในกระเป๋ากางเกง
หวังเค่อยังคงอยู่ในห้องนอนข้างๆ เจิ้งผิงผิงค่อยๆฟื้นสติขึ้นมาอย่างช้าๆและหวังเค่อก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ในฐานะนักจิตวิทยาอาวุโส เขาสามารถจับได้ว่าอาการของเจิ้งผิงผิงนั้นดีขึ้นอย่างรวดเร็ว!
เขาไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร แต่เรื่องนี้จะทำให้เขาได้รับเงินอย่างมากมายมหาศาลแน่นอน
โจวเจ๋อเดินออกจากสตูดิโอและจุดบุหรี่สูบที่ระเบียง เขากำลังคิดถึงวิธีที่จะดึงดูดวิญญาณให้เข้ามาในร้านหนังสือของเขาเพื่อเพิ่มประสบการณ์ไปถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ให้เร็วที่สุด
โจวเจ๋อรู้ดีว่าหากเขากำจัดไป๋อิ่งออกไปจากร้านมันจะทำให้มีวิญญาณมากมายตรงมาหาเขาในยามค่ำคืน แต่เรื่องนี้ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็ทำไม่ได้
เธอมีชีวิตจิตใจเป็นของตัวเอง อีกทั้งเธอยังไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร และที่สำคัญที่สุดเขาไม่อยากเข้าไปนอนในตู้แช่อีกแล้ว
แต่ในขณะที่คิดอะไรเพลินอยู่โจวเจ๋อก็เห็นภรรยาของหวังเค่อและแม่บ้านสาวยืนอยู่ที่บันได โจวเจ๋อไม่ได้เข้าใกล้มากนัก แต่เขาได้ยินแม่บ้านถามว่า
“เมื่อไหร่คุณจะไปทำผมอีก”
เมื่อได้ยินคำถามนี้เห็นได้ชัดว่าภรรยาของหวังเค่อหน้าแดงขึ้นมาและมีท่าทีเหนียมอายเล็กน้อย
แน่นอนว่าโจวเจ๋อเคยได้ยินเรื่องราวของ“แม่บ้านยุคใหม่”มาบ้าง ตอนนี้มันเป็นอาชีพใหม่ที่ทำรายได้สูง โดยทั่วไปแล้วพื้นที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์มักจะมี “แม่บ้านยุคใหม่” คอยทำหน้าที่ให้บริการ
อาชีพนี้ว่ากันว่าสามารถทำรายได้ได้เทียบเท่ากับ “แอร์โฮสเตส” เลยทีเดียว
แต่นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของหวังเค่อ ดังนั้นโจวเจ๋อก็ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยว หวังเค่อเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาดังนั้นเขาก็น่าจะระแคะระคายเรื่องนี้อยู่บ้าง
เนื่องจากหวังเค่อยอมรับเรื่องนี้ได้ โจวเจ๋อที่เป็นคนนอกจึงไม่มีเหตุผลที่จะสอดมือเข้าไป
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ในฐานะพี่น้องคนหนึ่งเมื่อหวังเค่อถูกสวมหมวกเขียว มันก็ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
คุณเจิ้งยืนสูบซิการ์อยู่บนระเบียง ใบหน้าของเขาผ่อนคลายเล็กน้อย เพราะหวังเค่อเพิ่งบอกเขาว่าอาการของลูกสาวเขาดีขึ้นมากแล้ว และจะหายเป็นปกติในเวลาไม่กี่วัน
“ไม่ทราบว่าคุณซูทำอาชีพอะไรเหรอครับ” คุณเจิ้งถามด้วยรอยยิ้ม
“เปิดร้านหนังสือครับ”
โจวเจ๋อตอบกลับ
“โอ้ เป็นงานที่ดีมากครับ ไว้ถ้ามีโอกาสผมจะไปเยี่ยมคุณที่ร้าน” คุณเจิ้งกล่าวอย่างสุภาพ
โจวเจ๋อนึกอะไรบางอย่างออกเขาจึงถามออกไปว่า
“คุณหนูมีอาการ “*กลั้นปัสสาวะไม่อยู่” หรือครับ พอดีผมค่อนข้างเชี่ยวชาญยาจีนสามารถสั่งยาให้คุณหนูได้”
เมื่อคุณเจิ้งได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาก็มืดครึ้มลงทันที เขาเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยแน่นอนว่าเขาต้องชอบยาจีนอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เขาโกรธก็คือโจวเจ๋อเพิ่งพูดถึงลูกสาวของเขาที่ไม่สามารถ
“กลั้นปัสสาวะได้!”
“ขอบคุณสำหรับน้ำใจครับคุณซู แต่ลูกสาวของผมมีอาการเหนื่อยล้าเท่านั้น เธอไม่ได้เป็นโรคอะไร”
เมื่อโจวเจ๋อเห็นท่าทีของฝ่ายตรงข้ามเขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเองเพิ่งจะพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกไป เขาจึงแกล้งหัวเราะแล้วพูดว่า
“ฮ่าๆๆ ถ้าคุณหนูไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ”
*อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เป็นคำที่ถูกใช้เพื่อเปรียบเปรยคนมักมากในกาม