ติงเมิ่งเหยนทำปากมุ้ย “ ไม่ใช่สักหน่อย ฉันจะมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นได้อย่างไงกัน ”
ถึงจะพูดอย่างนี้ก็เถอะ แต่เมื่อหันหลังไป ติงเมิ่งเหยนก็แอบหัวเราะอยู่เหมือนกัน!
เรื่องนี้มันช่างน่าขำมากจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่โดนเป็นซุนจวิ้นเฟิงด้วย นั่นก็ยิ่งควรค่าแก่การขำมากจริงๆ
ทั้งสองคนจูงมือกัน และก้าวเข้าไปในสถานีรถไฟความเร็วสูง
ราบรื่นตลอดทั้งทาง
หลังจากกลับถึงบ้าน ยังไม่รอให้ติงเมิ่งเหยนได้นั่งลง ก็มีสายเข้าจากติงจ้ง ปูของเธอแล้ว
“ ฮัลโหลค่ะ คุณปู่ มีอะไรหรือเปล่าคะ? ”
“ เมิ่งเหยน เรื่องที่ให้แกไปจัดที่เขตเหยียนไท่เป็นอย่างไงบ้าง? ”
“ เรียบร้อยแล้วค่ะ อีกบริษัทยินดีที่จะขายวัสดุให้เราในราคา 70% เซ็นสัญญากัน และได้เอากลับมาแล้วค่ะ ”
“ อ่อ แบบนี้ก็ดีแล้ว ” หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ติงจ้งก็ได้ถามขึ้น “ งั้นแกรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับซุนจวิ้นเฟิง? ติดต่อไม่ได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไงบ้าง ยังมีรายงานว่า มีบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้นกับเขาด้วย ”
ติงเมิ่งเหยนเกือบที่จะกลั้นขำไม่อยู่
เธอแสร้งทำเป็นนิ่งแล้วพูดขึ้น “ ประธานซุน? หนูไม่รู้ค่ะ หลังจากที่แยกย้ายกันที่โรงแรม เราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย วันนี้ก็ไม่ได้มากล่าวลากันด้วย หนูยังแปลกใจอยู่เลย ว่าทำไมถึงโทรไม่ติดสักที? ”
“ อย่างนั้นเหรอ? โอเค งั้นปู่ค่อยถามคนอื่นก็แล้วกัน งั้นแค่นี้ก่อน วางแล้ว ”
“ ค่ะ ”
หลังจากวางสาย ติงเมิ่งเหยนหัวเราะจนท้องแข็ง และรู้สึกว่าไม่เคยมีความสุขอะไรอย่างนี้มาก่อน
แม้ว่าการที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นมันจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ และจะผิดศีลธรรมอยู่ แต่เรื่องนี้ทำให้ติงเมิ่งเหยนรู้สึกสบายใจมาก
รู้หรือไม่ ว่าก่อนหน้านี้ โดนซุนจวิ้นเฟิงทำเธอให้รำคาญมากขนาดไหน
ตอนนี้ถืบว่าดีมาก เริ่มที่จะเป็นคนโทรไปก่อนยังไม่มีคนรับเลย
ประมาณการไว้ว่าคงจะไม่เจอกับซุนจวิ้นเฟิงอีกแล้ว ผู้ชายคนนี้ คงไม่มีหน้ามาปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอีกแล้ว
เจียงชื่อเดินมาด้วยรอยยิ้มที่ร้ายกาจ และพูดขึ้นข้างหูของติงเมิ่งเหยน “ หลังจากที่ดูการแสดงที่ยอดเยี่ยมของซุนจวิ้นเฟิงเมื่อคืนนี้แล้ว ผมก็อยาก……กับคุณ ”
ติงเมิ่งเหยนเอามือเท้าสะเอวแล้วจ้องไปที่เจียงชื่อ “ ถ้าคุณอยากละก็……ไปเรียนจากซุนจวิ้นเฟิงได้นะ ”
“ ดี คุณกล้าหลอกด่าผมเหรอ ”
เจียงชื่ออุ้มติงเมิ่งเหยนขึ้น และจั๊กจี้ใต้รักแร้ของเธอ ทำให้ติงเมิ่งเหยนหัวเราะจนน้ำตาเล็ด
“ หยุดนะ มันจั๊กจี้ เจียงชื่อ นายหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ในตอนนี้เอง ติงฉี่ซาน และซูฉิน ทั้งสองกลับจากการซื้อผัก และเดินมาถึงหน้าประตูพอดี
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนที่ ‘ ชัดเจน ’ ของติงเมิ่งเหยน ทั้งสองก็หน้าแดงพร้อมกันในเวลาเดียวกัน
ซูฉินพูดขึ้น “ เด็กสองคนนี้นี่จริงๆเลย ยิ่งนับวันยิ่งไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักอายบ้างเลย เห็นว่าเราสองคนไม่อยู่บ้านหรือไง ถึง……ในรับแขก ”
ติงฉี่ซานไอขึ้น “ ก็คนหนุ่มสาวนี่หน่า บางทีก็ชอบอะไรที่มันเร้าใจ แบบนี้ก็ดี มาอีกสักสองสามที ไม่แน่นะ บางทีเราอาจจะได้อุ้มหลานในเร็วๆนี้ ”
ซูฉินถามขึ้น “ งั้นตอนนี้? ”
“ ตอนนี้? แน่นอนมาต้องออกไปก่อนสิ หรือคุณอยากจะเข้าไป? ”
“ อืม…… ”
ติงฉี่ซานวางผักไว้ที่หน้าประตู จากนั้นจับมือของซูฉิน ทั้งสองค่อยๆย่องออกมาจากหน้าประตูบ้าน และไปที่สวนสาธารณะที่อยู่ใกล้ๆ
ปล่อยให้เจียงชื่อ และติงเมิ่งเหยนมีเวลาอยู่กันตามลำพัง
เพื่อให้โอกาสสำหรับ ‘ แผนการใหญ่ ’ ที่จะได้อุ้มหลานของพวกเขา