ตอนนั้นอวี๋เสี่ยวเฉียงก็แค่ทำเป็นปากดี แต่กลับสร้างจุดด่างพร้อยสองโลให้กับชีวิตตัวเอง
ต่อไปถ้ามีการจัดปาร์ตี้แล้วเล่นเกมนี้อีก ขอแค่เสี่ยวเชี่ยนพูดว่ารู้เรื่องพี่หลางสองโลไหมด้วยสีหน้านิ่งๆ อวี๋หมิงหลางก็จะยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข เสี่ยวเชี่ยนเองจึงกลายเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เอาชนะจอมโกงอวี๋หมิงหลางได้ แต่นี่ก็เป็นเรื่องในภายหลัง
ทุกคนได้เล่นกันครบแล้วยกเว้นสุ่ยเซียน ไม่ต้องจับฉลากอีก ให้เสี่ยวเชี่ยนเป็นคนถาม อวี๋หมิงหลางแลกเปลี่ยนสายตากับเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้าเพื่อเป็นการบอกว่าเธอเข้าใจ
จุดประสงค์ที่แท้จริงของการเล่นเกมนี้ก็เพื่อรอช่วงเวลาที่กำลังจะเกิดขึ้นในตอนนี้
“พวกเธอเล่นไปแหละ ฉันไม่มีอารมณ์…” สุ่ยเซียนเห็นคนอื่นหัวเราะเธอก็หัวเราะ เวลาสนุกเธอก็สนุกด้วย แต่พอเสร็จแล้วจิตใจเธอก็จะกลับไปว่างเปล่าเหมือนเดิม รู้สึกเหมือนขาดอะไรไป
“เล่นกันหมดแล้วอย่าทำเสียบรรยากาศสิ มาๆๆ เล่นหน่อยนะ~” เสี่ยวเชี่ยนเอามือไปจับหน้าสุ่ยเซียนให้หันมามอง
“บอกฉันมาสุ่ยเซียน คนที่เธอชอบที่สุดคือจูเต๋อซีใช่ไหม”
น้ำเสียงที่เหมือนสะกดจิตนี้มีอิทธิพลต่อสุ่ยเซียนมาก เดิมทีเธอก็เป็นคนไข้ของเสี่ยวเชี่ยนอยู่แล้ว ถ้าเสี่ยวเชี่ยนจะใช้น้ำเสียงแบบตอนทำงานรับมือกับสุ่ยเซียนก็ไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ชื่อจูเต๋อซีใกล้จะถูกจัดอยู่ในโซนคำต้องห้ามแล้ว
สุ่ยเซียนพอได้ยินชื่อนี้ก็แสบจมูก มองพวกเสี่ยวเชี่ยนที่อยู่กันเป็นคู่ ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงเรื่องที่ตัวเองกลายเป็นคนโสด แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา
“เธอแพ้แล้ว ยอมรับมาเดี๋ยวนี้”
“พี่สะใภ้” หลิวเหมยทนดูต่อไปไม่ไหว ทำอะไรน่ะ พูดแทงใจดำจนสุ่ยเซียนร้องไห้ยังจะให้ยอมรับว่าแพ้อีก พี่สะใภ้ทำงี้ได้ไง
“พี่ฟู่กุ้ยดูแลแฟนพี่ด้วย ถ้ายังมาก่อกวนการรักษาของฉันอีก ฉันจะให้เสี่ยวเฉียงพาพี่ไปอาบอบนวด แล้วให้สาวๆมารุมพี่”
ฟู่กุ้ยรีบทำตามทันที จับมือหลิวเหมยไว้แล้วส่ายหน้าให้เธอ เชี่ยนเอ๋อไม่ใช่คนที่ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ ที่เธอทำแบบนี้ต้องมีเหตุผลแน่ อย่าก่อกวน เป็นเด็กดีนะ
“เร็วๆ แพ้ก็คือแพ้” เสี่ยวเชี่ยนทำเหมือนไม่เห็นว่าสุ่ยเซียนร้องไห้
“เชี่ยนเอ๋อ ฉัน…” สุ่ยเซียนเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองเก็บอารมณ์ไม่อยู่ จึงรีบเช็ดน้ำตา ทุกคนกำลังเล่นอย่างสนุกสนาน เธอเป็นแบบนี้คงทำเสียบรรยากาศ
“อะไรล่ะ เธอจะเลือกโดนลงโทษแบบไหน”
“แล้วแต่เธอเลย”
“งั้นได้ ฉันให้เธอเลือกสองทาง โทรหาจูขี้บ่นตอนนี้ บอกเขาว่าเธอท้องแล้ว เป็นลูกของอาเหม็ด พ่อไล่เธอออกจากบ้านแล้ว เธอไม่เหลือเงินติดตัวเลยสักบาท ถามเขาว่าขอยืมเงินทำแท้งได้ไหม”
“เฉินเสี่ยวเชี่ยน” สุ่ยเซียนถลึงตาใส่ นี่ ลงโทษแบบนี้ไร้จริยธรรมไปหน่อยหรือเปล่า
เธอกับอาเหม็ดขนาดจับมือยังไม่เคยด้วยซ้ำ แล้วลูกจะมาจากไหน
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเธอไปบอกกับจูขี้บ่นแบบนั้น แล้วต่อไปเธอยังจะมีหน้าเจอเขาอีกเหรอ ไม่ถูกสิ ความคิดนี้มันไม่ควรมีตั้งแต่แรก เลิกกันแล้วก็ไม่มีหวังจะได้เจอกันอีกเท่าไรหรอก แล้วเธอยังจะคาดหวังอะไรอีก
“ก็เกมอะ เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเลิกกันแล้ว เลิกกันคืออะไร ก็คือการไม่รู้สึกอะไรแล้วพอพูดถึงแฟนเก่าขึ้นมาอีก มันเป็นแค่อดีต ถ้าพูดถึงแฟนเก่าแล้วจิตใจเธอยังร้อนรุ่ม นั่นก็แสดงว่าในใจเธอยังมีเขา เธออยากจะเลิกกับเขามากไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงไม่กล้าทำตามล่ะ”
“ไม่ใช่ไม่กล้า ก็แค่รู้สึกว่าทำแบบนี้มันค่อนข้าง…” ไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ถ้าเธอไม่กล้าโทร ก็แสดงว่าในใจเธอยังมีเขา งั้นตอนนี้ก็กลับไปหาเขาสิ อย่ามานั่งทำหน้าสลดคิดว่าทำแบบนี้ไปก็เพื่อเขา ไม่อยากให้เขาเสียเวลา เธออยากให้เขาเป็นทหารอย่างที่ชอบต่อไปไม่ใช่เหรอ พูดแบบนี้ไปรับรองได้ผลดี ต่อไปเขาก็จะเลิกคิดถึงเธอ”
“ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว…” หลิวเหมยเห็นแบบนี้ก็เบือนหน้าหนี ฟู่กุ้ยรีบส่ายหน้าให้เธอ เมื่อกี้ที่เสี่ยวเชี่ยนบอกว่ารักษาเขาก็เข้าใจแล้วว่าเธอหมายถึงอะไร จึงจูงมือหลิวเหมยไปเดินเล่นชายหาด หลิวเหมยจะได้ไม่ก่อกวนเพราะทนดูไม่ไหว
หลิวเหมยหันกลับไปมองก็เห็นสุ่ยเซียนเหมือนกำลังเช็ดน้ำตาอยู่ เธอรู้สึกสงสาร
“ปกติพี่สะใภ้ไม่ใช่คนไม่รู้จักหนักเบานี่นา ทำไมต้องจ้องเล่นงานสุ่ยเซียนด้วย”
“นี่เป็นหนึ่งในวิธีรักษาที่ใช้บ่อยที่สุดในทางจิตวิทยา ถูกจัดอยู่ในประเภทการบำบัดแบบโมริตะ ซึ่งก็เป็นการรักษาที่ช่วยเยียวยาจิตใจ หลักการสรุปง่ายๆก็คือ บ่งหนองออกจากแผล แบบนั้นแผลจะยิ่งหายง่ายขึ้น ไม่อย่างนั้นในใจเขาก็จะรู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่”
“พี่ฟู่กุ้ยเก่งจัง” หลิวเหมยมองเขาอย่างชื่นชม ฟู่กุ้ยจึงแกล้งไอแก้เขิน
“นี่เป็นสิ่งที่พี่ต้องเรียนอยู่แล้ว ไม่มีอะไรหรอก…”
คนที่อยู่ในวงการเดียวกันต่างรู้ว่านี่เป็นวิธีรักษาอย่างหนึ่ง แต่สำหรับสุ่ยเซียนแล้ว นี่คือเรื่องเกินกว่าจะรับไหว
เสี่ยวเชี่ยนที่ปกติอ่อนโยนกับเพื่อนมาตลอด วันนี้อยู่ๆก็เล่นโหมดบีบคั้นจิตใจ ไม่ยอมปล่อยสุ่ยเซียน
สุ่ยเซียนยอมรับว่า ต่อให้เธอเลิกกับเขาแล้วก็ไม่อยากพูดกับจูขี้บ่นแบบนั้น การที่เสี่ยวเชี่ยนถามย้ำก็ยิ่งทำให้เธอเข้าใจว่าสาเหตุที่ทำให้เธอไม่อยากทำแบบนั้นก็เพราะในใจเธอยังมีเขาอยู่
แต่มีเขาอยู่ในใจแล้วไงล่ะ ก็เลิกกันแล้วนี่นา
“เชี่ยนเอ๋อ บทลงโทษนี้ฉันคงทำไม่ได้ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้เหรอ”
“ได้สิ เอาแบบลงโทษโหดๆก็ได้ งั้นเธอจูบกับเสี่ยวเฉียงห้านาทีแล้วกัน ขาดไปหนึ่งวินาทีก็ไม่ได้นะ”
หลิวเหมยที่ถูกฟู่กุ้ยพาออกไปเดินเล่นหันไปมองทางเสี่ยวเชี่ยนเพื่อดูความคืบหน้าการรักษาแล้วก็ได้ยินคำพูดของเสี่ยวเชี่ยนพอดี ทุกคนทำหน้าอึ้งออกมากันหมด
ขนาดอวี๋หมิงหลางที่นั่งดูการแสดงของเสี่ยวเชี่ยนมาตลอดยังถึงกับมุมปากกระตุก
เห้ย
ถึงจะรู้ว่านี่เป็นการรักษา แต่จะให้แฟนตัวเองไปจูบกับคนอื่น แฟนเขาเสียสละมากไปหรือเปล่า
เสี่ยวเชี่ยนแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกถึงรังสีอำมหิตของอวี๋หมิงหลางที่แผ่ออกมา แล้วก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้าตกใจอ้าปากค้างของคนอื่น
“เอาสิ ฉันมีเบียร์ให้เติมความกล้าด้วยนะ เริ่มการแสดงได้”
แบบนี้ใครจะไปเล่นได้
จูบกับแฟนเพื่อนสนิทห้านาที ไม่สู้ไปตายให้รู้แล้วรู้รอด
สุ่ยเซียนจับขวดเบียร์ขึ้นมากระดกดื่ม อวี๋หมิงหลางที่เริ่มขวัญหายค่อยๆถอยหลังออกไปเงียบๆ ถึงขนาดที่จะเอาเสี่ยวเชี่ยนมาบังหน้าด้วยซ้ำ
เดี๋ยวถ้าสุ่ยเซียนดื่มจนเมาเกิดรับปากทำขึ้นมา แล้วถ้ายัยตัวแสบที่เอาผู้ชายของตัวเองไปท้าพิเรนทร์นี่เกิดไม่ช่วยขึ้นมา พี่หลางก็ต้องช่วยตัวเองแล้วงานนี้
หน้าตา ศักดิ์ศรี อวี๋หมิงหลางไม่เอาแล้ว ถ้าสุ่ยเซียนกล้าเข้ามาเขาก็จะโกยแน่บ
เขาไม่เชื่อหรอกว่าระดับหัวหน้าใหญ่หน่วยรบพิเศษอย่างเขาจะหนีผู้หญิงพวกนี้ไม่พ้น
สุ่ยเซียนวางขวดเบียร์ แล้วเรอออกมา
“ฉันจะโทรหาเต๋อซี”
ยังไงก็ไม่ได้ติดต่อกันตั้งนานแล้ว อีกอย่างโทรศัพท์เขาก็ชอบปิดเครื่องบ่อยๆ บางทีตอนนี้อาจปิดเครื่องอยู่ก็ได้ ในใจของสุ่ยเซียนยังแอบมีความหวังเล็กๆ เธอไม่มีทางจูบกับอวี๋หมิงหลางหรอก
เสี่ยวเชี่ยนหันไปมองอวี๋หมิงหลางแล้วก็พบว่าตานี่ถอยหลังจนหายไปไหนไม่รู้แล้ว จึ๊ๆ คนขี้ขลาด