ชายผู้สง่างามเดินออกมายืนอยู่ตรงหน้าทหารเหล่านั้น เขาหันหน้าไปที่เจียงชื่อ และโค้งคำนับด้วยความเคารพ จากนั้นพูดอย่างเสียงดังว่า “เมษแห่งสิบสองปีนักษัตร ขออนุญาตสวัสดีปีใหม่พี่ใหญ่และซ้อใหญ่ครับ!”
ชายมีหนวดเคราร่างกำยำเดินออกมาแล้วพูดอย่างมาดเข้มว่า “พฤษภแห่งสิบสองปีนักษัตร ขออนุญาตสวัสดีปีใหม่พี่ใหญ่และซ้อใหญ่ครับ!”
จากนั้นตามด้วยคนที่สามที่มีหน้าตาดุร้ายและดูไม่เป็นมิตรกับใคร
“เมถุนแห่งสิบสองปีนักษัตร ขออนุญาตสวัสดีปีใหม่พี่ใหญ่และซ้อใหญ่ครับ!!!”
ทั้งกองทองสิบสองปีนักษัตร จากราศีเมษจนถึงราศีมีนต่างก็เดินออกมาแสดงความเคารพทีละคน
ซึ่งคนทั้งสิบสองคนนี้ล้วนมีฝีมือที่สามารถจัดการกับศัตรูเป็นร้อยคนด้วยตัวคนเดียวได้
และทั้งสิบสองคนนี้ต่างก็มีความสามารถพิเศษเป็นของตัวเอง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อแก้ปัญหาในทุกๆ ด้านให้กับเจียงชื่อเท่านั้น
พวกเขาเป็นผู้ช่วยที่น่ากลัวที่สุดของเจียงชื่อ
เมื่อเห็นชายทั้งสิบสองคนนี้ เจี่ยจ้านกลัวจนไม่กล้าขยับตัวและเกือบจะเยี่ยวเล็ดออกมา
เขาเป็นนักเลงมานานแล้ว แต่ไม่เคยเจอผู้คนที่น่าเกรงขามขนาดนี้มาก่อนเลย
แค่ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกและท่าทีในการพูดคุยก็รู้ว่าพวกเขานั้นน่ากลัวมากแค่ไหน
ไม่เพียงแต่แค่นั้น เมื่อเห็นทหารเป็นร้อยนายที่ถูกนำโดยทั้งสิบสองคนนี้ก็ควรรู้ว่าพวกเขามีอิทธิพลมากแค่ไหนแล้ว
แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ชายฉกรรจ์ทั้งสิบสองคนนี้กลับเป็นลูกน้องของเจียงชื่อ!
ได้ยินว่าพวกเขาออกมาทำความเคารพเจียงชื่อทีละคนแล้วไม่ใช่เหรอ?
ซึ่งครั้งนี้ทำให้เจี่ยจ้านรู้สึกตกตะลึงอย่างแท้จริง
เดินอยู่แถวแม่น้ำ รองเท้าจะไม่เปียกได้ยังไง?
ปกติแล้วเขามักจะกลั่นแกล้งผู้คนไปทั่ว ไม่เคยมีใครสั่งสอนเขาได้เลย ด้วยเหตุนี้เขาจึงกลายเป็นคนที่ก้าวร้าวมาตลอด แต่ในวันนี้ดูเหมือนเขาจะเตะก้อนหินในแม่น้ำเข้าแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจียงชื่อน่ากลัวมากแค่ไหน!
เมื่อต้องเทียบกับนักสู้เหล่านี้ คนของหมอกแดงเป็นได้แค่มดตัวน้อยเท่านั้น
เจี่ยจ้านรู้สึกกลัวมาก
การกลั่นแกล้งคนดีแต่กลัวคนที่ชั่วกว่านั้นเป็นนิสัยของพวกเขาไปแล้ว
ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กัน แต่เจี่ยจ้านก็เดินเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าเจียงชื่อแล้วพูดอย่างเสียงดังว่า “คือว่า……พี่ใหญ่ครับ ผมก็ขออนุญาตสวัสดีปีใหม่พี่ใหญ่ด้วยคนครับ”
ไอ้เชี่ย
มันค่อนข้างจะทำตัวไม่ถูก
ทุกคนเคยเห็นคนหน้าด้าน แต่ไม่เคยมีใครเคยเห็นคนที่หน้าด้านเท่านี้มาก่อน
ก่อนหน้านี้เขายังคู่ฆ่าคนอื่นอยู่เลย แต่หลังจากเห็นทหารกลุ่มนี้แล้วเขาถึงกับคุกเข่าอวยพรปีใหม่
ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเจี่ยจ้านนั้นมีความสามารถพิเศษในการเอาตัวรอดจริงๆ ด้วยความกะล่อนปริ้นปร้อนของเขา เขาถึงอยู่รอดถึงทุกวันนี้ได้
แต่ที่น่าเสียดายคือเจียงชื่อไม่ได้คิดจะปล่อยเขาไป
ติงเมิ่งเหยนเป็นคนสำคัญของเจียงชื่อ เขาจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามอย่างเด็ดขาด
นอกจากนี้เจียงชื่อเพิ่งแสดงความเห็นอกเห็นใจและให้โอกาสเขากลับไป แต่เขาไม่รักษาโอกาสนี้เอง
บางครั้ง โอกาสที่เสียไปแล้วไม่อาจหวนคืนมาได้
เจียงชื่อส่ายหัวเบาๆ “คุณ ไม่มีโอกาสแล้ว”
เจี่ยจ้านที่ได้ยินคำนี้ถึงกับหน้าซีดเซียวทันที
และในขณะนี้ คนของหมอกแดงขี่มอเตอร์ไซค์แล้วพุ่งเข้ามาจากด้านหลังของเจียงชื่อและตะโกนพูดว่า “จะอวดอะไรนักหนา? กูจะฆ่ามึงเองไอ้สวะ!ถ้าจะตายก็ตายพร้อมกันเถอะ”
เสียงรถจักรยานยนต์ดังขึ้นและพุ่งเข้ามาจากด้านหลังของเจียงชื่อ
ติงเมิ่งเหยนตกใจจนกรีดร้องออกมาดังๆ
แต่ถึงอย่างนั้น กองทองสิบสองปีนักษัตรรวมไปถึงเหล่าทหารที่ยืนอยู่ ไม่มีใครรู้สึกประหม่าและไม่มีใครคิดจะเข้ามาช่วยเลย
เพราะพวกเขาต่างก็รู้ดี คนที่กล้าแตะต้องเทพแห่งสงครามชูร่า จุดจบคือสิ่งเดียว นั้นคือ ‘ความตาย’
เจียงชื่อไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง แต่เขาแค่เอื้อมมือไปข้างหลัง
ด้วยฝ่ามือที่กว้างใหญ่และแข็งแรงของเขา เขาจับล้อมอเตอร์ไซค์และหยุดรถมอเตอร์ไซค์ที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างกะทันหัน!
ล้อของรถมอเตอร์ไซค์หยุดหมุนในทันที และมือของเจียงชื่อก็บีบมันไว้แน่นๆ
คนที่อยู่บนรถถึงกับผวา
นี่มันยังเป็นมนุษย์อยู่ใช่ไหม? ต้องใช้แรงเท่าไหร่ถึงจะหยุดรถด้วยวิธีนี้ได้?
“สัตว์ประหลาด นี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ!”