การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็รู้สึกตะลึง ไอ้บอดสง ลูกพี่ใหญ่ใต้ดินแห่งหลงหยันหยวน กลับคุกเข่าลงตรงหน้าของคนที่มาจากข้างนอกคนหนึ่ง
น่าเยาะเย้ยและน่าดูถูกเหยียดหยามแค่ไหนกัน
ถ้าหากคนของตระกูลหวงต้องคุกเข่าก็เพราะการเป็นพันธมิตร คนของหมอกแดงคุกเข่าก็เพราะขี้ขลาด แต่ไอ้บอดสงคุกเข่าเพราะเรื่องอะไรกันแน่
ไม่เข้าใจ ไอ้หนวดเซาไม่เข้าใจจริงๆ
ในสายตาของเขา ไอ้บอดสงคือที่หนึ่งไร้เทียมทาน ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับใครก็สามารถทำลายล้างได้ตามใจ
แต่ต่อหน้าผู้ชายที่ร้ายกาจอย่างที่สุดคนนี้ และต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ คุกเข่าให้เจียงชื่อ
ไอ้บอดสงตะลึงไปแล้วจริงๆ
แม้แต่ไอ้บอดสงยังไร้ทางรับมือเจียงชื่อได้ แล้วยังจะมีใครรับมือเจียงชื่อได้อีก
หาจนทั่วหลงหยันหยวน ก็คงจะหาคนแบบนี้ไม่ได้อีกอย่างแน่นอน
ไอ้บอดสงเองก็รู้สึกว่าตัวเองขี้ขลาดเกินไปหรือเปล่า แต่ขณะที่เขากำลังคิดจะลุกขึ้น ประสานสายตาเข้ากับเจียงชื่อ ก็ทิ้งความคิดที่จะลุกขึ้นยืนทันที
ขอเพียงเขากล้าจะลุกขึ้น เจียงชื่อก็จะเอาชีวิตเขา
เขารับรู้ถึงความร้ายกาจของเจียงชื่ออยู่ลึกๆ
อีกฝั่ง บนใบหน้าของไอ้หนวดเซาก็ไม่มีรอยยิ้มหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย หมุนตัวหันไปดูฉื่อหู่ ถามว่า “ฉันกำลังฝันไปหรือเปล่า ทำไมแม้แต่ไอ้บอดสงยังคุกเข่าให้เจียงชื่อ”
ฉื่อหู่สีหน้าเต็มไปด้วยความมึนงง
เขาพูดด้วยสีหน้าขมขื่นว่า “พี่ใหญ่ พวกเราไปล่วงเกินคนที่ไม่สมควรล่วงเกินหรือเปล่า”
ใช่หรือเปล่า
ไอ้หนวดเซาไม่เข้าใจจริงๆ เจียงชื่อคนนั้นทำไมจะล่วงเกินไม่ได้ ก็แค่ลูกน้องคนหนึ่งที่ตระกูลติงส่งมาปกป้องติงเมิ่งเหยนเท่านั้นไม่ใช่เหรอ
ก็แค่ฝีมือดีหน่อย ทำไมจะล่วงเกินไม่ได้
อย่าว่าแต่ล่วงเกินเจียงชื่อเลย แม้จะล่วงเกินทั้งตระกูลติง เขาไอ้หนวดเซาไม่กลัวเลยสักนิด
แต่ในความเป็นจริง วันนี้เขาแพ้อย่างราบคาบแล้ว
ตระกูลหวง หมอกแดง องค์กรหยุนหยาง ‘ผู้ช่วย’ทั้งหมดที่เขาเรียกมา สุดท้ายก็กลายเป็นผู้ช่วยของฝ่ายตรงข้าม
ไอ้หนวดเซาเรียกอยู่ครึ่งค่อนวัน เป็นการเรียกผู้ช่วยกลุ่มใหญ่มาให้เจียงชื่อแทน ตรงกันข้ามกลับบีบให้ตนเองจนตรอก
ไอ้บอดสงคุกเข่าอยู่ คนขององค์การหยุนหยางเองก็ไม่กล้าเคลื่อนไหว
พวกเขาไม่เคยเห็นพี่ใหญ่ของตัวเองน่าขายหน้าอย่างนี้มาก่อน
แต่ว่า ที่จุดหนึ่งที่พวกเขาต่างก็รู้ดี นั่นก็คือถ้าไอ้บอดสงยอมรับว่าขี้ขลาด นั่นก็เท่ากันแสดงว่าฝีมือของฝ่ายตรงข้ามนั้นร้ายกาจจนน่ากลัว
เจียงชื่อไม่มองไอ้บอดสงด้วยซ้ำ ให้เขาคุกเข่าเงียบๆอยู่ตรงนั้น
จากนั้น เขาก็หันไปพูดกับไอ้หนวดเซาว่า “เหมือนว่าคนขององค์การหยุนหยางก็ช่วยอะไรนายไม่ได้ ไอ้หนวดเซา นายรีบโทรหาคนมาช่วยอีกสิ”
หาคนช่วย?
ไอ้หนวดเซาทำหน้าลำบากใจ แม้แต่องค์กรหยุนหยางยังเอาไม่อยู่ หาคนอื่นมาจะมีประโยชน์อะไร
อีกทั้งคนที่หามาครั้งแล้วครั้งเล่าก็ล้วนกลายเป็นผู้ช่วยของเจียงชื่อไปหมด ไอ้หนวดเซาอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ถ้าขืนยังหาต่อไป เขายิ่งอยู่ก็ยิ่งจะกลายเป็นคนถูกกระตุ้น
ตอนนี้เอง ฉื่อหู่ที่อยู่ข้างๆก็พุ่งเข้าไปอย่างกะทันหัน พรึ่บหนึ่งเสียงคุกเข่าลงไป โขกหัวคำนับไม่หยุด
“พี่ใหญ่เจียง ทั้งหมดนี้เป็นการควบคุมของไอ้หนวดเซาคนเดียว เขาบีบให้ผมทำของด้อยคุณภาพให้พี่”
“ผมเป็นผู้บริสุทธิ์นะพี่”
“ฉะนั้น พี่ใหญ่เจียง ขอร้องพี่ไว้ชีวิตผมด้วย ผมยินดีจะบุกน้ำลุยไฟเพื่อพี่ ไม่บิดพลิ้วเด็ดขาด”
เห็นสถานการณ์ตรงหน้าไม่ดี ก็รีบหักหลังลูกพี่ของตัวเองทันที หันไปพึ่งพิงคู่ต่อสู้
ฉื่อหู่ที่เป็นเหมือนหญ้ายอดกำแพงล้มเอนทั้งสองฝั่งอย่างนี้มีเยอะมาก
แต่ว่า เจียงชื่อเกลียดคนประเภทหญ้ายอดกำแพงอย่างนี้มากที่สุด
เขาโบกมือ “หักขาทั้งสองข้างของเขา เพื่อเป็นตัวอย่างไม่ให้คนอื่นทำตาม”
“ครับ”
คนของตระกูลหวงชิงลงมือก่อน ไม่สนว่าฉื่อหู่จะร้องทรมานแค่ไหน ถูกคนของตระกูลหวงตีจนขาหักทั้งสองข้าง อีกครึ่งชีวิตที่เหลือคงต้องขอทานเพื่อเอาชีวิตรอดแล้ว