ณ ชั้นบนสุดของอาคารแบบสมัยใหม่
ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าหน้าต่างแบบฝรั่งเศสบานใหญ่ คีบบุหรี่ไว้ในมือและมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่าง
เขาคือเหวยซือที่กำลังใช้เงินทุนจำนวนมากเพื่อรวบบริษัทเทียนติ่ง
หลังจากการเข้าซื้อกิจการ เขาทำการรวบรวมทรัพยากรทั้งหมดเข้าด้วยกัน บ่มเพาะอย่างเงียบๆ สร้างแบรนด์ “เครื่องประดับเส้ายิน” เปิดทั้งสิบสองสาขาในเขตเจียงหนานในคราวเดียว
เขามุ่งมั่นที่จะทำให้แบรนด์ยิ่งใหญ่ขึ้น
เหวยซือพ่นควันบุหรี่ออกมา แล้วก็พึมพำกับตัวเอง “มาเยือนเขตเจียงหนานสักพักแล้ว ระวังตัวและเงียบมานาน ถึงเวลาที่จะต้องต่อสู้กับเทพแห่งสงครามชูร่าอย่างเจียงชื่อเสียหน่อยแล้ว”
ต่างจากคู่ต่อสู้ก่อนหน้านี้
เหวยซือรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร
เขาไม่ได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเจียงชื่อตอนที่มาถึงเจียงหนาน อย่างไรก็ตามในฐานะคนแปลกหน้า ต้องการเทียบกับ “คนเก่า” อย่างเจียงชื่อที่ที่ทำงานในเจียงหนานมาช้านาน ยังห่างกันอีกเยอะ
แต่มีช่วงเวลาบ่มเพาะนี้ ระบบพื้นฐานของเครื่องประดับเส้ายินก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว
ช่วงเวลาแบบนี้เลือกที่จะ “ประกาศสงคราม” กับเจียงชื่อ ก็เหมาะสมแล้ว
เหวยซือสูบบุหรี่ไป ในหัวก็นึกถึงตอนแรกที่อยู่ที่มิลาน มีโอกาสตั้งหลายครั้งที่เขาจะถูกเจียงชื่อทำลาย
นั่นคือความล้มเหลวครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขา
ทำให้เขาโงหัวไม่ขึ้นต่อหน้าท่านอู๋
เป็นผู้ชาย ไม่ว่าจะล้มลงที่ไหนก็ต้องลุกขึ้นมาให้ได้ มีดเล่มนี้ที่เจียงชื่อมอบให้เขา เขาต้องแทงกลับไปอย่างแน่นอน
ขณะที่กำลังคิด ประตูออฟฟิศก็ถูกคนเคาะ
“เข้ามา”
มีเสียงเอี๊ยดแล้วประตูก็เปิดออก ผู้ชายใส่แว่นดูสุภาพอ่อนโยนคนหนึ่งก็เดินเข้ามา
เขาคือผู้ช่วยของเหวยซือ—ตันหลงชิง
เวลานี้ ตันหลงชิงที่ถือแล็ปท็อปไว้ในมือข้างหนึ่ง รีบสาวเท้ามายืนอยู่ด้านหน้าของเหวยซือ
“ประธานกรรมการ ที่ท่านให้ผมจับตาดูเจียงชื่อไว้ วันนี้มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น”
“ว่ามา”
“พ่อบ้านคนเก่าของเจียงชื่อ—เฉิงไห่ถูกจูหยุนเฉียงฆ่า วันนี้ เจียงชื่อจะต้องลงมือกับจูหยุนเฉียง ส่วนจูหยุนเฉียงเพื่อให้มีชีวิตรอด เขาประกาศออกไป ใครหรืออะไรก็ตามที่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ เขาจะมอบทรัพย์สินทั้งหมดให้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน”
เหวยซือหรี่ตาลง ข้อความนี้ถือว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว
ตันหลงชิงเอ่ยถาม “ท่านประธานกรรมการ ช่วงนี้ท่านกำลังหาโอกาสต่อกรกับเจียงชื่ออยู่ใช่ไหม? ทำไมไม่ลองใช้โอกาสนี้สำรวจความสามารถของเจียงชื่อดู”
เหวยซือสูบบุหรี่เข้าไป แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “อืม นี่เป็นโอกาสที่ไม่เลว”
“โอเค งั้นผมจะจัดการให้ทันที”
“โธ่ ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น รอให้เจียงชื่อแก้ปัญหาเรื่องการพาตัวจูหยุนเฉียงมาให้ได้ก่อน พวกเราค่อยลงมือทีหลัง”
“ห้ะ?”
“ฉันไม่อยากให้จูหยุนเฉียงสวะนั่นมารวมอยู่กับฉัน ครั้งนี้ฉันต้องการแค่จะป่วนเจียงชื่อนิดหน่อย ให้เขารู้ว่าฉันมีตัวตน ถือเป็นการประกาศสงคราม ยังไม่ได้เอาจริง”
ตันหลงชิงรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น ท่านประธานกรรมการอยากให้ผมทำยังไง?”
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เหวยซือก็โบกมือเรียกเขา “มานี่ ฉันจะบอกรายละเอียดขั้นตอนให้นายฟัง”
ตันหลงชิงเอาหูเข้าไปใกล้ หลังจากฟังคำอธิบายของเหวยซือจบก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ท่านประธานกรรมการ แค่นี้เองเหรอ? มันแทบจะไม่มีผลกระทบกับเจียงชื่อเลยนะ”
เหวยซือหัวเราะ
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าอยากให้เจียงชื่อเจ็บหนักสักหน่อย ก็แค่อยากให้เขารู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของฉัน”
“ไปเถอะ”
ตันหลงชิงเก็บแล็บท็อปแล้วก็หมุนตัวเดินจากไป
เหวยซือยังคงสูบบุหรี่และมองฟ้าสีครามด้านนอกหน้าต่างต่อ แล้วก็กล่าวกับตัวเอง “เครื่องประดับเส้ายินกระจายออกไปรอบด้าน รากฐานมั่นคง เจียงชื่อ รอการโต้กลับทุกด้านจากฉันก่อนเถอะ”