แต่มีใครบางคนไม่สามารถทนดูภาพดังกล่าวได้
ติงจื่อยวี่พูดเหน็บแนมว่า ทั้งๆ ที่ทำได้ไม่ดี จะมาพูดซุ่ยซุ่ยผิงอันอะไร เถียงข้างๆ คูๆ ถ้าแตกหักได้อย่างปลอดภัยจริง ทำไมถึงเป็นเศษกระจัดกระจายเต็มพื้น นี่ไม่ใช่เค้กที่เสียเปล่าหรอกเหรอ?
ติงเมิ่งเหยนจ้องเขม็งใส่ติงจื่อยวี่
กว่าจะกอบกู้สถานการณ์ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผู้หญิงชั่วร้ายคนนี้ยังจะมาพูดอะไรให้แย่เหมือนเดิมอีก คิดๆ แล้วก็น่าโมโห
แต่เจียงชื่อตอบด้วยรอยยิ้มว่า เละแล้วไง? เค้กจะไม่เสียเปล่าเพราะเรื่องนี้
จากนั้นเขาก็นั่งยองๆ หยิบเค้กขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้ววางลูกเชอร์รี่ลงไป จากนั้นเจียงชื่อก็เอาเค้กเข้าปากต่อหน้าทุกคนที่อยู่ตรงหน้า!
เคี้ยวอย่างละเอียด
กลืนลงไป
อืม รสชาติไม่เลว เฟิงเฉิง ร้านเค้กที่คุณเลือกมาอร่อยมาก วันหลังผมจะไปสั่งเค้กกับพวกเขาด้วย
ติงเฟิงเฉิงกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
เพื่อเขาเจียงชื่อถึงกับหยิบเศษเค้กชิ้นเล็กๆ ที่อยู่บนพื้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย
จิตวิญญาณของการเสียสละตัวเองเพื่อผู้อื่นเช่นนี้ ทำให้หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นอย่างหาที่เปรียบมิได้
ขอบคุณ! ขอบคุณ!
ติงเฟิงเฉิงนั่งยองๆ ลงอย่างไม่ลังเล หยิบเค้กขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วกินกับเจียงชื่อ กินไปเช็ดน้ำตาไป อร่อย อร่อยจริงๆ
ติงเมิ่งเหยนที่อยู่ข้างๆ ก็นั่งลงแล้วหยิบเค้กชิ้นหนึ่งมาใส่ปากของเธอเช่นกัน
ทังจินหลงมองดูพวกเขาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า เฮ้ย พวกคุณช้าๆ หน่อย เหลือชิ้นใหญ่ๆ ไว้ให้ผมด้วย
เขาพูดพลางหยิบเค้กชิ้นใหญ่ขึ้นมากิน
ไม่นาน เค้กที่กระจัดกระจายเต็มพื้นไม่ได้ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเจียงชื่อและติงเฟิงเฉิง แต่กลับกลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการเสริมสร้างมิตรภาพของพวกเขาด้วยซ้ำ
และทั้งหมดนี้ก็มาจากความใจกว้างของเจียงชื่อ
เมื่อคนอื่นๆ เห็นภาพนี้ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อเป็นการเอาใจติงเฟิงเฉิง และสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรกับเครื่องประดับดาวฤกษ์ ผู้คนในสังคมชั้นสูงหลายคนจึงพากันก้มหยิบเค้กที่กระจัดกระจายไปกิน
เดิมทีคิดว่ามันน่าจะเป็นโศกนาฏกรรม แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องน่ายินดีไปได้
ติงจื่อยวี่โกรธจนจมูกย่น
เธอพูดอย่างโกรธเคือง นี่มันเกิดอะไรขึ้น? กลุ่มคนกำลังแย่งกินของที่อยู่บนพื้นเหมือนหมาป่าไม่มีผิด น่าขยะแขยง!
คนที่นั่งโต๊ะเดียวกันรู้สึกไม่พอใจ
เฮ้ คุณพูดจาอะไร? เริ่มแรกก็เอาแต่ด่า คุณมาหาเรื่องโดยเฉพาะเลยใช่ไหม?
ฉันไม่ถูกชะตากับเธอมาตั้งนานแล้ว ไอ้เหี้ย มักจะสร้างความเสียหายให้ตลอด
มีคนชี้ไปที่ติงจื่อยวี่ ให้เวลาคุณสามวินาที ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ออกไป ฉันจะเรียกรปภ.มาจับคุณโยนออกไป!
ติงจื่อยวี่ไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน เธอตัวสั่นด้วยความโกรธ
พวกแกกล้าดียังไง!!!
เธอยังคงคิดจะสู้กับคนเหล่านี้ แต่ติงหงเหย้าลุกขึ้นยืนทันที แล้วดึงมือเธอเดินออกไปข้างนอก
พี่ชาย พี่จะทำอะไรน่ะ? เราจะไปไหนไม่ได้ เราจะมาทำตัวเป็นผู้หลบหนีไม่ได้ เราจะแพ้ให้กับติงเฟิงเฉิงไม่ได้!
แพ้ไม่ได้ แต่ก็แพ้ไปแล้ว ความจริงก็คือความจริง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ติงหงเหย้าดึงมือติงจื่อยวี่เดินออกไปข้างนอกโดยไม่หยุดพัก
ใบหน้าของเขาซีดเผือดราวกับกระดาษ
หาก ‘การทรยศ’ ของทังจินหลง ไม่ได้คิดใคร่ครวญให้รอบคอบพอ ความล้มเหลวของเค้กก็คือ ติงหงเหย้าแพ้ให้กับเจียงชื่อ
ยิ่งเขาต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าเจียงชื่อมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งได้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามมากขึ้นเท่านั้น
ติงหงเหย้าเริ่มรู้สึกกลัวอย่างช้าๆ
นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขารู้สึกว่าเขาอาจจะแพ้ให้กับคนอื่น ความกลัวเช่นนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยประสบมาก่อน
ฟ้าให้จิวยี่มาเกิด ไฉนให้ขงเบ้งมาเกิดด้วย
บางทีเจียงชื่ออาจเป็นคนเดียวที่ถูกกำหนดให้มาควบคุมเขา
ท่ามกลางฝูงชน หลังจากกินเค้กเสร็จ เจียงชื่อก็หยิบแก้วของเขาขึ้นมาจิบไวน์ ในขณะเดียวกันก็มองดูติงหงเหย้าที่ออกจากห้องโถงไปอย่างเงียบๆ ดวงตาเป็นประกายที่คาดเดาไม่ได้
หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เจียงชื่อได้ตัดสินใจว่า ติงหงเหย้าต้องถูกกำจัด
ไม่สามารถปล่อยเอาไว้ได้อีกต่อไป
ในเวลานี้ติงเมิ่งเหยนก็โน้มเข้ามาใกล้เจียงชื่อและพูดเบาๆ ว่า ที่รัก ขอบคุณนะ
เจียงชื่อมองไปที่ติงเมิ่งเหยนและพูดด้วยรอยยิ้ม แค่ขอบคุณคำเดียวเองเหรอ? มันไม่ทำส่งๆ ไปหน่อยเหรอ?
ติงเมิ่งเหยนบุ้ยปาก แล้วคุณต้องการอะไรอีก?
ผมต้องการ… เจียงชื่อจงใจหันหน้าไปด้านข้าง แล้วชี้ที่แก้มของตัวเอง
ติงเมิ่งเหยนหน้าแดงด้วยความเขินอาย ทำอะไรน่ะ? คนเยอะขนาดนี้!
เจียงชื่อถอนหายใจ เฮ้อ ดูท่าทางคุณจะทำแบบส่งๆ กับผมจริงๆ
ถ้าจะเถียง ไม่มีทางเถียงชนะเจียงชื่อได้เลย
ติงเมิ่งเหยนหน้าแดงและตัดสินใจ เธอรวบรวมความกล้าและโน้มตัวเข้าไปหา ตั้งใจจะจูบเข้าที่แก้มของเจียงชื่อ
แต่บังเอิญว่า……
เจียงชื่อคนเลวนี่ได้แอบหันกลับมาในช่วงเวลาสำคัญนี้
ไม่มีเวลาให้ติงเมิ่งเหยนได้ตั้งตัว
ภายใต้สายตาที่จับจ้องของสาธารณชน ติงเมิ่งเหยนจูบเข้าไปที่ริมฝีปากของเจียงชื่ออย่างแรง เจียงชื่อโยนแก้วทิ้งแล้วกอดติงเมิ่งเหยนเอาไว้อย่างเสน่หา
โอ้ยๆๆ ติงเฟิงเฉิงที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบตะโกนเสียงดังขึ้นมา
บรรยากาศกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง