ตอนที่ 613 ต่างคนต่างยึดถือความเห็นของตนเอง
กู้ฮอนมองที่หยินปู้ฝันและส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “จริงๆแล้วคดีนี้ยังไม่ได้คืบหน้าสักนิดเดียว แต่เมื่อคืนฉันไปเยี่ยมแม่ของฉันมา และในที่สุดเธอก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว!”
เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆที่นั่งอยู่ได้พูดกับกู้ฮอนว่า “ยินดีด้วยนะ ขอให้แม่ของคุณหายเร็วๆ”
กู้ฮอนพยักหน้าอย่างมีความสุขกับเพื่อนร่วมงาน “ขอบคุณสำหรับคำอวยพรของทุกคน”
เมื่อหยินปู้ฝันได้ยิน ก็ต้องตกใจมาก “ในที่สุดคุณน้าก็ฟื้นแล้ว วันดีๆของเธอกำลังมาถึงแล้ว”
ในขณะที่ทุกคนกำลังแสดงความยินดีกับกู้ฮอน ยังมีเพียงคนเดียวที่ยังคงนั่งเขียนหนังสืออยู่ในห้อง ก้มหน้าก้มตาอ่านไฟล์ เขาขมวดคิ้ว กำลังใช้สมองคิดหาวิธีที่จะชนะคดี
คนคนนั้นก็คือทนายความหวัง เขาไม่เคยที่จะสนใจกู้ฮอนเลย
อันที่จริงกู้ฮอนก็พบกันเขาแล้ว แล้วก็นำแอปเปิลลูกหนึ่งไปให้เขาที่ห้องเขียนหนังสือ ส่งแอปเปิลให้กับเขา
ทนายความหวังมองแล้ว ก็พูดอย่างไม่แยแส “ขอบคุณสำหรับน้ำใจ แต่ผมไม่ชอบกิน” พูดจบเขาก็อ่านไฟล์ต่อไป
กู้ฮอนโดนเมินเฉย เธอรู้ดีว่าทนายความหวังกำลังทำอะไร ในฐานะผู้ช่วยของเขา ก็ได้แต่เพียงกลับไปนั่งยังตำแหน่งของตนเองเพื่อเริ่มทำงาน
ตอนนี้หากต้องการที่จะชนะคดี ก็ต้องเข้าไปสืบที่บริษัทบันเทิงใหม่
กู้ฮอนคิดถึงตรงนี้ และเก็บข้าวของของตัวเองลงในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินไปที่ห้องของ
ทนายความหวังและพูดว่า “ฉันคิดว่าพวกเราจะต้องไปสืบที่บริษัทบันเทิงใหม่นี้สักหน่อย และอาจจะมีความคืบหน้าในคดีนี้”
ทนายความหวังเงยหน้าขึ้นมองกู้ฮอน “ผมก็คิดที่จะลงมือเข้าไปยังบริษัทนี้เหมือนกัน เพียงแต่ผมได้เช็คข้อมูลและข่าวคราวเกี่ยวกับพวกเขาในอินเทอร์เน็ต ก็ไม่มีการรายงานอะไรในเชิงลบ”
กู้ฮอนกลับรู้สึกว่าคำพูดของทนายความหวังดูลึกซึ้ง “ทนายความหวัง แม้ว่าจะไม่มีรายงานแบบนี้บนอินเทอร์เน็ต พวกเขาก็บริสุทธิ์จริงๆรึเปล่า ฉันเชื่อว่า มีแต่เพียงต้องไปสืบมาเท่านั้น จึงจะเปิดเผยความจริงได้”
ทนายความหวังมองไปยังกู้ฮอนอย่างดูถูก “คุณกู้ ตอนนี้คุณเป็นเพียงผู้ช่วยทนาย ยังขาดประสบการณ์อีกมาก ผมไม่ต้องการให้คุณมาบอกว่าผมต้องทำอะไร”
***
ที่ทำงานของทนายความหวังกับสำนักงานของหยินปู้ฝันจริงๆแล้วอยู่ไม่ไกลกัน คำพูดของทนายความหวังและกู้ฮอนเขาได้ยินทั้งหมด
เขาขมวดคิ้ว วางคดีทั้งหมดที่กำลังจัดการลงและเดินออกจากสำนักงาน พูดกับทนายความหวังและกู้ฮอน “พวกคุณสองคนมาที่ออฟฟิศของผมสักครู่”
ทนายความหวังเหลือบตามองกู้ฮอน ราวกับว่าทั้งหมดเป็นเพราะตัวเธอเอง
กู้ฮอนไม่สนใจอะไร เธอรู้สึกว่าแผนการของตัวเองนั้นจะสามารถทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์ได้ เพียงแต่ทนายความหวังยังคงคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
หยินปู้ฝันกลับไปนั่งที่เก้าอี้ออฟฟิศของตัวเอง ไม่นานนักทั้งสองคนก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา
เขาขมวดคิ้วและมองไปที่ทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า “ที่พวกคุณเพิ่งจะพูดกัน ผมได้ยินหมดแล้ว มุมมองของพวกคุณแต่ละคนก็ล้วนดูสมเหตุสมผล เพียงผมหวังว่าข้อพิพาทระหว่างพวกคุณจะทำให้มีความก้าวหน้าในคดี และไม่ใช่เป็นเพราะความคับข้องใจของเมื่อวานนี้”
กู้ฮอนเข้าใจในความหมายของหยินปู้ฝัน “ปู้ฝัน ฉันยังคงยึดมั่นในมุมมองของตัวเอง แต่ฉันไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาใดๆของสำนักงานได้”
“ผมไม่ปฏิเสธในมุมมองของคุณกู้ แต่ข้อคิดเห็นทั้งหมดของเธอ ผมได้ยืนยันไปหมดแล้ว ถ้าจะต้องให้ไปยืนยันด้วยตัวเอง ผมรู้สึกว่าเป็นการเสียเวลา” ทนายความหวังพูดอย่างไม่ไว้หน้า
หยินปู้ฝันมองดูทั้งสองคน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดขึ้นมา “ในเมื่อพวกคุณทั้งสองถือความคิดเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ อย่างนั้นผมก็มีวิธีที่ง่ายมาก ในเมื่อพวกคุณล้วนทำไปเพื่อคดีนี้ อย่างนั้นก็ให้พวกคุณสองคนแยกกันทำ ทำตามวิธีการที่ตัวเองต้องการจะทำ ท้ายที่สุดเมื่อถึงเวลาค่อยมาดูกันว่ามุมมองของใครถูกต้อง”
พูดถึงจุดนี้ หยินปู้ฝันก็ค่อยๆยืนขึ้น “ท่านสุภาพสตรี ท่านสุภาพบุรุษทุกคน เวลาสำหรับคดีนี้มีไม่มากแล้ว ผมหวังว่าพวกคุณคงจะรีบเร่งมือ”
ในตอนนี้กู้ฮอนเข้าใจอารมณ์ของหยินปู้ฝันดี เธอพยักหน้า “ในเมื่อคุณพูดอย่างนี้แล้ว อย่างนั้นฉันกับทนายความหวังก็จะทำตามความคิดของพวกเราเอง”
ทนายความหวังเหลือบมองไปที่กู้ฮอน “ดูเหมือนจะทำได้แค่นี้แล้ว ถึงแม้ว่ามุมมองของพวกเราจะต่างกัน แต่ผมหวังว่าคุณจะสามารถหาหลักฐานที่มีน้ำหนักเจอ ผมไม่อยากจะให้กระทบต่ออาชีพทนายความของผมในอนาคตเพราะคดีนี้”
เขายังคงพูดราวกับกำลังถือมีดอยู่ กู้ฮอนก็ไม่แสดงจุดอ่อนใดๆ และตอบกลับทันทีว่า “ฉันก็คิดเหมือนกับคุณ”
พูดจบ ทั้งสองก็หันหลังเดินออกจากออฟฟิศ
หยินปู้ฝันยื่นมือออกและลูบหน้าตัวเองอย่างแรง เลือกพวกเขามาเป็นคู่หูเพื่อคิดแก้แค้นเป่หมิงโม่ สรุปแล้วการตัดสินใจแบบนี้ถูกหรือผิดล่ะ
กู้ฮอนถือกระเป๋าของตัวเอง และออกจากสำนักงาน
หลังจากขึ้นรถ เธอหยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าแผ่นหนึ่งแล้วส่งให้ลุงคุน จากนั้นพูดว่า “ลุงคุน โปรดส่งฉันที่นี่”
ลุงคุนคุ้นเคยกับถนนใหญ่และตรอกซอกซอยของเมือง Aเป็นอย่างมาก พูดได้ว่าเป็นหนึ่งในแผนที่ที่มีชีวิต หลังจากเขาก้มลงมองที่อยู่แล้วก็พูดว่า “คุณ กรุณาคาดเข็มขัดให้ดีๆ พวกเราจะออกเดินทาง”
บริษัทบันเทิงใหม่ ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจบันเทิงทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง A บริษัทแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นมาไม่ถึงห้าปี และมีความเชี่ยวชาญในด้านการรายงานเกี่ยวกับดาราและบุคคลที่มีชื่อเสียงซึ่งกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรม
ทักษะการขับขี่ของลุงคุนไม่เบา รถบีเอ็ม M6 คันสีแดงอยู่ในมือของเขา ก็ดูเหมือนปลาตัวหนึ่งที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำ ดูเหมือนว่ากำลังเคลื่อนไหวอย่างคล่องตัวอยู่บนถนนที่จอแจ
ใช้เวลาไม่นาน รถก็ได้จอด อยู่ตรงหน้าประตูใหญ่ของอาคารสำนักงานซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทบันเทิงใหม่
***
กู้ฮอนลงจากรถ เมื่อเธอกำลังจะเดินเข้าไป ลุงคุนได้เปิดกระจกรถแล้วถามว่า “คุณ ต้องการให้ผมตามเข้าไปด้วยไหม”
กู้ฮอนส่ายหน้า ค่อยๆยิ้มแล้วพูดว่า “ลุงคุน ไม่ต้อง ฉันแค่เข้าไปทำธุระนิดหน่อย เดี๋ยวก็ออกมา”
พูดจบ เธอก็หันกลับเดินเข้าไปยังอาคารสำนักงาน
ในล็อบบี้ของอาคารสำนักงานแห่งนี้ มีคนอยู่จำนวนมากจริงๆ ฝีเท้าเดินไปเดินมาล้วนแสดงให้เห็นว่าค่อนข้างจะเร่งรีบ
บนผนังของลิฟต์ มีคำแนะนำติดชื่อของบริษัทและชั้นที่ตั้งเอาไว้
ตามคำแนะนำ กู้ฮอนเดินเข้าไปในลิฟต์ กดปุ่มไปยังชั้นที่ยี่สิบสอง
ในไม่ช้า เธอก็มายืนอยู่ที่หน้าประตูของบริษัทบันเทิงใหม่
เพียงแต่เห็นว่าคนในบริษัทแห่งนี้มีอยู่ไม่มาก ดูยังไงก็ไม่เหมือนกับลักษณะที่อธิบายไว้ในเอกสารของคดี ว่าเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่
ดูเหมือนว่าเคสคดีนี้จะมีความแปลกประหลาดอยู่
“คุณ ไม่ทราบมาหาใคร”
กู้ฮอนกำลังคิดว่าสุดท้ายแล้วจะเข้าหรือไม่เข้าไปดี เมื่อหลังจากเข้าไปแล้วจะพูดอย่างไรดี จู่ๆก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอ
เธอตกใจจนตัวสั่น เธอหันกลับไปอย่างรวดเร็ว พบว่ามีคนคนหนึ่งที่แขวนป้ายพนักงานยืนอยู่ด้านหลังของเธอ ผู้หญิงที่แต่งตัวดูสวยและมีเสน่ห์ ดูเหมือนจะอายุอยู่ในช่วงยี่สิบต้นๆ
กู้ฮอนเหลือบมองไปยังป้ายพนักงานของเธอ ชื่อที่เขียนอยู่บนนั้นคือเสี่ยวเช่น
เธอจึงรีบยิ้มออกมา “สวัสดีค่ะ ฉันมาสมัครงานเป็นนักเขียนโฆษณา”
พูดจบ เธอก็หยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าชุดหนึ่ง นั่นคือเรซูเม่ที่ได้เตรียมเอาไว้อย่างดีชุดหนึ่ง
*
เหตุผลที่ทำให้เธอรู้ว่าที่นี่กำลังรับสมัครงาน จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ค่อนข้างบังเอิญมาก
เมื่อคืนหลังจากเธอเฝ้าดูแม่จนหลับไป จึงออกมาจากโรงพยาบาล
อารมณ์ดี ขณะที่เดินอยู่บนถนนคนเดียว อยู่ๆก็ได้ซื้อนิตยสารบันเทิงรายสัปดาห์ฉบับหนึ่งซึ่งไม่เคยซื้อมาก่อนหน้านี้
เพราะเธอไม่เคยให้ความสนใจข่าวสารพวกนี้มาก่อน เหตุผลที่ซื้อมาก็อาจจะเป็นความต้องการที่นึกขึ้นมากะทันหัน
เนื้อที่ตีพิมพ์ในหนังสือเล่มนี้ โดยทั่วไปแล้วเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของดารา เรื่องดาราคนนั้นคบซ้อน หรือประเภทดาราคนไหนที่ออกงาน
หลังจากเธอได้อ่านไปไม่กี่ครั้ง เธอรู้สึกไร้อรรถรส ขณะที่กำลังจะเอาหนังสือใส่ลงไปในกระเป๋า จู่ๆเธอก็ได้เห็นตรงมุมล่างขวาของกระดาษหน้าหนึ่ง พิมพ์ประกาศหางานเอาไว้
หากคนส่วนใหญ่ไม่ดูให้ละเอียด ก็คงจะคิดว่าเป็นเพียงเครื่องหมายป้องกันการปลอมแปลง
ถึงแม้ว่าจะเป็นสถานที่เล็กๆ แต่ก็มีการตีพิมพ์ข่าวรับสมัครงานไว้หลายตำแหน่ง มีรับสมัครนักข่าว รับสมัครบรรณาธิการ แม้แต่พนักงานทำความสะอาด…….
นึกไม่ออกเลยว่าคนที่ต้องการจะสมัครงานทำความสะอาด จะสามารถซื้อหนังสือเล่มนี้ได้หรือไม่ ดูแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะถูกเลย
และในบรรทัดสุดท้ายบนข้อความรับสมัครงาน ต้องการรับสมัครนักเขียนโฆษณา ซึ่งมีชื่อเขียนไว้ว่าบริษัทบันเทิงใหม่
เมื่อกู้ฮอนเห็นก็ไม่สามารถระงับความตื่นเต้นในใจเอาไว้ได้ เธอพยายามหาวิธีว่าทำอย่างไรถึงจะเข้าไปตรวจสอบในบริษัทบันเทิงใหม่ แต่ก็ยังเป็นวิธีการที่ไม่ค่อยดี
ไม่คิดเลยว่ามันจะไม่สะดวก เธอมีความคิดที่กล้าหาญ ที่เข้าไปในบริษัทนี้ เพื่อที่จะรับข้อมูลเบื้องต้น
*
ผู้หญิงที่ชื่อเสี่ยวเช่นคนนั้นได้หยิบเรซูเม่ในมือของเธอ หลังจากนั้นได้สแกนอย่างรวดเร็ว และเงยหน้าไปมองกู้ฮอน
จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเฉื่อยๆ “คุณตามฉันมา”
พูดจบเธอก็เดินไปข้างหน้า มือหนึ่งผลักเปิดประตูกระจก เดินเข้าไป
กู้ฮอนก็รีบเดินไปไม่กี่ก้าวแล้วตามเข้าไป
เธอและเสี่ยวเช่นเดินตามหลังกันเข้าไปในบริษัทบันเทิงใหม่
***
กู้ฮอนเดินไปพลางมองสำรวจโดยรอบอย่างละเอียด
ในพื้นที่สำนักงานของบริษัทแห่งนี้ มีการกั้นล็อกรวมแล้วประมาณยี่สิบล็อก แต่มีเพียงพนักงานที่ดูเกียจคร้านนั่งทำงานอยู่ข้างในสิบคน
พวกเขาไม่ได้นั่งเล่นกล้องที่อยู่ในมือ เอาแต่นั่งพูดคุยโวโอ้อวดอยู่ด้วยกันที่โต๊ะทำงาน
หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งที่หัวล้านดูท่าทางนักเลง เขาทำโอ้อวดอย่างภาคภูมิใจ
คนที่อยู่ด้านข้างเขาคนหนึ่งพูดขึ้นมา “ซานหุ่น ถึงแม้ว่าพี่ของคุณจะเป็นเจ้านายของพวกเรา แต่เรื่องมันกลายเป็นเรื่องใหญ่โต และอีกสองวันศาลก็จะเริ่มพิจารณาคดีแล้ว คุณไปหาเรื่องเป่หมิงโม่ เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีอะไรกับคุณเลย ได้ยินมาว่าทางเขานั้นมีทนายชั้นนำจำนวนมาก กลัวว่าจะไม่ง่ายที่จะต่อสู้คดีนี้”
คนหัวล้านนั้นชื่อว่าซานหุ่น สายตามองไปยังคนที่เพิ่งจะพูด จากนั้นแบะปากด้วยใบหน้าที่อวบอิ่ม “ฮึ มันไม่ง่ายที่กูจะรอจนเป็นแบบนี้ ที่จะทำให้บริษัทของพวกเรามีโอกาสจะโด่งดัง เราจะยอมแพ้ง่ายๆได้อย่างไร แต่หลักฐานแน่นหนาดุจภูเขา แม้ว่าเป่หมิงโม่นั้นจะมีเงินและอำนาจ แต่เรื่องนี้อยู่ในสายตาของผู้คนมากมาย เขาก็คงจะไม่สามารถแก้ตัวไปอย่างน้ำขุ่นๆได้ หากว่าเขาโชคไม่มีก็คงจะต้องเจอกับผมแล้วล่ะ”
“โธ่โธ่ นี่พวกคุณมีเวลามานั่งคุยกัน คงจะไม่มีเรื่องอะไรทำแล้วใช่ไหม” เสี่ยวเช่นพูดจบก็เหลือบไปมองทางซานหุ่น
ซานหุ่นรีบลงมาจากโต๊ะ และยิ้มให้กับ เสี่ยวเช่น “พี่เช่น ผมเพิ่งกลับมาจากทำงาน ก็แค่พักผ่อนสักประเดี๋ยวเองไม่ได้เหรอ”
พูดจบเขาก็ยังหันไปมองกู้ฮอนอีกรอบ ตาคู่นั้นของเขาก็เบิกกว้างทันที เปรียบเทียบกับความเจ้าชู้ที่มีกับเสี่ยวเช่น กู้ฮอนดูสวยและสง่ากว่ามาก
“โย่ คุณผู้หญิงคนนี้ไม่ทราบว่ามาทำอะไรเหรอ” ซานหุ่นรีบก้าวเข้าไปใกล้เสี่ยวเช่น สายตายังคงมองไปยังร่างของกู้ฮอนอยู่เป็นช่วงๆ
เสี่ยวเช่นเหลือบตามองเขา “นี่มาสมัครงาน ฉันคิดว่าคุณควรจะอยู่ห่างๆไว้นะ ถ้าเจ้านายมาเห็นเข้า คุณระวังผลที่จะตามมานะ”
เมื่อซานหุ่นได้ยินดังนั้นก็หยุดยิ้มทันที แล้วรีบหันกลับ “ใช่สิ ผมยังมีงานยุ่งของตัวเองที่ต้องทำ”