ตอนที่ 775 คำตอบเหนือความคาดหมาย
“คุณแม่……” กู้ฮอนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หรือว่าเธอไม่โกรธแค้นชิงชังหวีหรูเจี๋ยที่ทำให้ตัวเองกับลูกสาวต้องแยกจากกันไป 20 กว่าปีแล้วแม้แต่น้อยกัน
ในมุมมองของกู้ฮอนนั้น ไม่ว่าหวีหรูเจี๋ยจะเคยปฏิบัติกับตัวเองอย่างไร แสดงออกว่าเป็นมิตรเป็นกันเองมากเพียงใด
แต่ว่าหลังจากตัวเองรับรู้เรื่องราวความจริงแล้ว เธอก็ยังรู้สึกว่ารับไม่ได้อยู่บ้าง
สำหรับหวีหรูเจี๋ยนั้นไม่ถึงกับโกรธเกลียด แต่ว่าความประทับใจอันงดงามที่เธอสร้างไว้ให้กับกู้ฮอนแต่ก่อนทั้งหมดล้วนจางหายไปเหมือนไม่เคยมีอีกแล้ว
แต่การแสดงออกว่าไม่โกรธเกลียดของคุณแม่นั้นทำให้กู้ฮอนยากที่จะยอมรับได้อยู่บ้างจริงๆ
“ลู่ลู่ เธอคิดอย่างนั้นจริงๆหรือ เธอทำให้พวกเธอแม่ลูกต้องแยกจากกันถึง 20 กว่าปี เธอทำให้หลายปีมานี้เธอใช้ชีวิตแบบที่คนก็ไม่ใช่คน ผีก็ไม่ใช่ผี” น้ำเสียงของเจียงฮุ่ยซินเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
เธอแทบจะไม่ได้สังเกตตัวเองเลยว่า ตอนที่ถามประโยคนี้ออกไป น้ำเสียงของเธอสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัวไม่น้อย
ลู่ลู่มองลูกสาวของตัวเอง จากนั้นก็มองไปที่เจียงฮุ่ยซิน สีหน้าเธอในตอนนี้ผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด “อย่างไร พวกเธอล้วนคิดว่าฉันควรจะเก็บความโกรธแค้นชิงชังนี้ไว้ในใจไปตลอด ไม่ว่าจะกี่ปี สิบกว่าปี จนถึงกี่สิบปีล้วนด่าว่าสาปแช่งเธอในใจตลอดเวลา สาปแช่งให้คนคนหนึ่งตายอย่างนั้นหรือ นี่มันเหนื่อยเกินไปแล้ว อีกทั้งเหนื่อยอย่างไร้ความหมายด้วย ฉันรู้ว่าพวกเธอล้วนคิดแบบนี้ อีกทั้งยังรู้ด้วยว่าพวกเธอล้วนหวังดีต่อฉัน แต่ว่า ก็เหมือนกับที่ฉันพูด หลังจากผ่านเหตุการณ์ขึ้นๆลงๆมา สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญอีกแล้ว ใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีถึงจะสำคัญมากที่สุด”
คำพูดของลู่ลู่ทำให้กู้ฮอนเงียบอีกครั้ง เธอพูดไม่ผิด การไม่ผูกใจเจ็บนั้นทำให้ตัวเองมีพลังมากกว่าการจับไม่ปล่อยอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากเจียงฮุ่ยซินเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็เอ่ยพูดกับลู่ลู่ด้วยใบหน้ามึนตึง “ลู่ลู่ ฉันนับถือความใจกว้างแบบนี้ของเธอมากจริงๆ แต่ว่าความใจกว้างแบบนี้ของเธอนั้น บางทีอาจเป็นเพราะหวีหรูเจี๋ยตายไปแล้ว แต่ว่า ฉันจะบอกกับเธอว่า เธอยังมีชีวิตอยู่ แบบนั้นเธอยังจะพูดคำพูดเมื่อครู่นี้ออกมาอีกหรือไม่”
ประโยคนี้ของเจียงฮุ่ยซินก็เหมือนกับฟ้าผ่าสายหนึ่งภายใต้อากาศปลอดโปร่งพาดผ่านบนใจของลู่ลู่จนเกิดเป็นรอยแยกคดเคี้ยวไปมา
เธอรู้ได้อย่างไรกันว่าหวีหรูเจี๋ยยังมีชีวิตอยู่ กู้ฮอนนั้นมีท่าทีเหลือเชื่ออย่างเห็นได้ชัด
เกี่ยวกับข่าวคราวการเสียชีวิตปลอมๆของหวีหรูเจี๋ย กู้ฮอนนั้นปิดปากเงียบกริบมาโดยตลอด กระทั่งลูกๆ เธอยังไม่เคยเอ่ยด้วย
คิดไม่ถึงว่าแบบนี้ เจียงฮุ่ยซินก็ยังคงรู้ความจริง
หรือว่าคนของตระกูลเป่หมิงแต่ละคนล้วนเป็นนักสืบกัน ขอเพียงแค่พวกเขามีความสนใจที่จะตรวจสอบเรื่องนั้น แม้ว่าจะมีการปิดบังอำพรางอยู่ก็จะค่อยๆถูกขุดออกมาพบกับแสงสว่างอีกครั้ง
สีหน้าของกู้ฮอนในตอนนี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอมองไปที่คุณแม่อย่างตึงเครียด ในเวลาเดียวกันเธอก็แอบเหลือบมองไปที่เจียงฮุ่ยซินครั้งหนึ่ง
เพียงแต่เธอเห็นภายในแววตาของเธอปรากฏบางสิ่งที่ไม่เหมือนกันกับก่อนหน้านี้ เธอกำลังรอคำตอบของคุณแม่ หรือไม่ก็เตรียมตัวมองอาการเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของคุณแม่…..
อย่างไรก็ตาม ท่าทางของเธอในตอนนี้ กู้ฮอนเห็นแล้วรู้สึกว่าไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
ลู่ลู่ได้ยินข่าวนี้ เธอก็เข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง
เกลียดกับไม่เกลียด เริ่มมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดอีกครั้งภายในใจของเธอ
เธอเงยหน้ามองไปทางเจียงฮุ่ยซินอย่างงุนงงเล็กน้อย แล้วก็หันหน้ากลับไปมองลูกสาวของตัวเอง กู้ฮอน
ราวกับว่ากำลังขอความช่วยเหลือบางอย่าง
เพียงแต่เมื่อเธอเห็นนัยน์ตาสองคู่มองมาที่ตัวเองเขม็ง ใบหูทั้งสองคู่กำลังรอฟังการตัดสินใจของเธอ
***
ความจริงแล้ว ในตอนนี้ลู่ลู่ก็พบกับความทุกข์ทรมานในจิตใจของตัวเอง
ถึงอย่างไรในปีนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลู่ลู่นั้นดีกว่าหวีหรูเจี๋ย ไม่อย่างนั้นในตอนนั้นจะไว้วางใจให้เธอมาดูแลลูกของตัวเองได้อย่างไรกัน
แต่ประจวบเหมาะที่เพื่อนที่เป็นคนสนิทคนนี้ได้ทำเรื่องที่ผิดต่อตัวเองเรื่องหนึ่ง
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ลู่ลู่ก็ยังคงเลือกที่จะส่ายหน้า
“หลิงหลิง ฮอน ฉันรู้ว่าพวกเธอกำลังคิดอะไรอยู่ พวกเธอไม่ต้องบอกฉัน ความทุกข์ทรมานหลายปีมานี้ล้วนเป็นเธอมอบให้กับฉัน เรื่องพวกนี้ฉันล้วนเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยเตือนอะไรอีก ผ่านไปตั้งครึ่งชีวิตแล้ว ยังจะมีอะไรให้คิดหยุมหยิมอีก”
กู้ฮอนมองคุณแม่ เธอบอกกับตัวเองด้วยใบหน้าสงบเยือกเย็น เธอไม่ได้พูดคำพูดที่ไม่ตรงกับใจ แต่ละคำล้วนเป็นความรู้สึกภายในใจ
“ลู่ลู่ ในบรรดาพวกเราที่เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ก่อนก็เป็นเธอที่มีจิตใจกว้างมากที่สุด คิดไม่ถึงว่าหลังจากผ่านความทุกข์ทรมานมามากมายขนาดนี้ เธอก็ยังคงรักษาจิตใจเช่นนี้เอาไว้ได้ นั่นทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกนับถือ ฉันดีใจแทนหวีหรูเจี๋ยจริงๆที่มีเพื่อนแบบเธอ” แม้ว่าบนใบหน้าของเจียงฮุ่ยซินจะมีรอยยิ้ม แต่ว่าในใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยความไม่พออกพอใจ ทำไมลู่ลู่ที่ทำลูกหายไปหลายปีมานี้ถึงได้ไม่มีความรู้สึกโกรธแค้นชิงชังกับหวีหรูเจี๋ย กระทั่งรู้ว่าเธอยังไม่ตายก็ยังคงเลือกเช่นเดิม
แม้ว่าในวันนี้ เธอจะเห็นแล้วว่าหวีหรูเจี๋ยนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย แม้ว่าวันนั้นเธอจะโวยวายจนไม่ยอมพักอาศัยอยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกันกับเธอ
แต่เมื่อออกมาจากโรงพยาบาลได้ไม่กี่วัน ได้ปฏิสัมพันธ์กับลูกสาวและเด็กๆช่วงเวลาหนึ่งแล้ว เธอก็คิดปลงตกกับปัญหาได้มากมาย
โดยเฉพาะเมื่อลู่ลู่พูดออกมาว่าไม่โกรธเกลียดหวีหรูเจี๋ยแล้ว ในใจของเธอก็รู้สึกโล่งสบายขึ้นมาก อาจจะเป็นเพราะว่าในที่สุดก็โยนภาระอันหนักอึ้งทิ้งไปได้เสียที
“หลิงหลิง เธอบอกว่าหวีหรูเจี๋ยยังมีชีวิตอยู่ อย่างนั้นเธอไปเจอเธอเมื่อไรกัน”
เจียงฮุ่ยซินคิดไม่ถึงว่าลู่ลู่จะเอ่ยถามที่อยู่ของหวีหรูเจี๋ยต่อ
ในเมื่อไพ่ตานี้เธอแพ้แล้ว ก็ไม่มีอะไรจะต้องปิดบังอีก
“ฉันพบเธอในวันนั้นตอนที่ฉันพาหยางหยางไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล เพียงแต่ว่า ตอนนั้นฉันเห็นโม้จิ่งเฉิงเดินผ่านไปอย่างเร่งรีบ ทำให้ฉันรู้สึกสนใจ ดังนั้นฉันจึงตามไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น สุดท้ายแล้วก็เห็นหวีหรูเจี๋ยกำลังนอนอยู่ด้านในที่หน้าประตูห้อง ICU ดูท่าว่าอาการป่วยจะหนักมาก
“อ่อ” ลู่ลู่พยักหน้าแล้วไม่เอ่ยพูดอะไรอีกแล้ว
ในที่สุดกู้ฮอนก็เข้าใจว่าทำไมเป็นตายร้ายดีอย่างไร คุณแม่ก็ต้องการออกจากโรงพยาบาล เดิมเธอก็เห็นคุณป้าหวีหรูเจี๋ย ในเวลาเดียวกัน เธอก็มีคำถามสงสัยผุดขึ้นมาอีกข้อหนึ่ง ห้อง ICU ล้วนเป็นผู้ป่วยวิกฤตเท่านั้นถึงจะไปนอน คุณป้าหวีหรูเจี๋ยป่วยเป็นอะไรกันแน่ เป่หมิงโม่รู้ข่าวนี้หรือไม่กันนะ คาดว่าเขารู้แล้วก็คงจะไม่เป็นฝ่ายไปเยี่ยมเธอหรอก
ภายในหนึ่งชั่วโมงกว่าหลังจากนั้น การพูดคุยระหว่างลู่ลู่กับเจียงฮุ่ยซินก็ไม่ได้สนิทสนมใกล้ชิดแบบนั้นแล้ว
จุดนี้คนที่นั่งอยู่ข้างๆตลอดอย่างกู้ฮอนนั้นสังเกตเห็นได้
*
ระหว่างทางกลับบ้าน กู้ฮอนขับรถอย่างระมัดระวัง แอบมองคุณแม่ที่หลับตาพักความคิดอยู่ที่เบาะด้านหลัง
“ฮอน ลูกมีอะไรอยากจะถามหรือเปล่า” ลู่ลู่ค่อยๆลืมตาขึ้นมา เดิมเธอก็ไม่ได้พักอยู่แล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าเธอเองก็กำลังรอให้ลูกสาวเอ่ยถามตัวเอง
กู้ฮอนพยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหน้า “คุณแม่ หนูไม่มีเรื่องอะไรค่ะ ทางกลับไปยังอีกไกล คุณแม่พักผ่อนสักพักเถอะค่ะ”
“ฮอน ลูก แม่หวังว่าลูกจะไม่โกรธเกลียดคุณป้าหวีหรูเจี๋ยอีกแล้ว” ลู่ลู่เอ่ยต่อ
***
ประโยคนี้ทำให้กู้ฮอนตอบสนองด้วยการเหยียบเบรครถ
โชคดีที่ด้านหลังรถเธอไม่มีรถคันอื่นๆขับตามมา ไม่อย่างนั้นล่ะก็จะต้องทำให้เกิดการจราจรติดขัดภายในระยะเวลาอันสั้นแน่นอน
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ รถคันที่ขับผ่านเธอคันข้างๆก็ยังบีบแตรอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง
“ฮอน ลูกเป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือ” ลู่ลู่ลืมตาขึ้นมา มองไปทางลูกสาวอย่างเคร่งเครียด แล้วเธอก็รู้ได้อย่างรวดเร็วว่า น่าจะเป็นประโยคเมื่อครู่นี้ที่ไปกระตุ้นเธอ
กู้ฮอนขับเคลื่อนตัวรถใหม่อีกครั้ง ผ่านสี่แยกไปสองครั้งแล้ว ก็ขับรถมาถึงสตรีทพาร์คที่เธอและ Noton มาให้อาหารนกพิราบในครั้งนั้นโดยไม่รู้ตัว
เธอจอดรถให้เรียบร้อย หยิบเก้าอี้รถเข็นลงมา ช่วยพยุงคุณแม่ให้ขึ้นไปนั่ง
สองแม่ลูกเดินเล่นอยู่บนผืนหญ้าเขียวชอุ่ม มองไปยังฝูงนกพิราบที่ต้องการอาหารจากผู้คนกางปีกบินอยู่ไม่ไกล
ลู่ลู่หันหน้ากลับมามองลูกสาวที่อยู่ด้านหลังครั้งหนึ่ง “ฮอน แม้ว่าลูกจะไม่พูด แต่แม่รู้ว่าตอนนี้ลูกจะต้องมีคำถามสงสัยอย่างแน่นอน ทำไมแม่ถึงไม่ให้ลูกโกรธเกลียดหวีหรูเจี๋ยอีกสินะ”
กู้ฮอนหยุดฝีเท้า เธอล็อคล้อให้แน่น หลีกเลี่ยงไม่ให้เก้าอี้รถเข็นลื่นไหลลงไป
จากนั้นเธอก็เดินมาด้านหน้าของคุณแม่ ย่อตัวลงมา เงยหน้าถามว่า “คุณแม่ ก่อนหน้านี้หนูไม่รู้ว่าทำไมคุณแม่ถึงต้องการออกจากโรงพยาบาล แต่ตอนนี้หนูเข้าใจแล้ว แต่ว่าวันนี้ตอนที่คุณป้าซินถามคุณแม่ คุณแม่กลับให้คำตอบที่หนูคาดไม่ถึงคำตอบหนึ่ง”
ลู่ลู่ยืนมือไปลูบผมลูกสาวเบาๆ บนใบหน้าไม่มีอะไรผิดปกติ มองไปที่ลูกสาวพลางเผยรอยยิ้มเมตตาและอ่อนโยนออกมา “ฮอน ลูกรู้ไหมว่า ตอนที่แม่อายุเท่าลูกนั้นก็มีปัญหาเยอะแยะมากมายที่คิดไม่ตกแบบนี้ แต่เมื่อผ่านช่วงอายุที่ถูกเคี่ยวกรำไปแล้ว ก็ไม่เหมือนกันอยู่บ้าง วันนั้นที่แม่รีบออกจากโรงพยาบาล นอกจากเพราะเห็นหวีหรูเจี๋ยแล้ว ก็เพราะได้พบกับคนอีกคนหนึ่ง
กู้ฮอนไม่เข้าใจอยู่บ้าง เธอคิ้วขมวดเล็กน้อย ราวกับว่าในใจผุดชื่อของคนคนหนึ่งขึ้นมา “คนอีกคนหนึ่ง ใช่คนเดียวกันกับที่คุณแม่พบที่สนามหญ้าในคราวนั้นใช่ไหมคะ”
ลู่ลู่หลับตา พยักหน้าเงียบๆ “ไม่ผิด เป็นเขา เขาปรากฏตัวขึ้นมาอีกแล้ว”
กู้ฮอนรู้สึกว่า น่าจะอาศัยโอกาสนี้ในการถามคุณแม่เกี่ยวกับเรื่องของคุณพ่อ
ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปจนไม่น่าดูเล็กน้อย แสดงท่าทีไม่ยินยอมที่จะเอ่ยถึงผู้ชายคนนี้อีก
“คุณแม่ หนูโตขนาดนี้แล้ว มีสิทธิ์และควรจะได้รู้ว่าคุณพ่อที่ให้กำเนิดหนูเป็นใคร อีกทั้งหนูอยากจะรู้มากว่าระหว่างคุณแม่กับคุณพ่อเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” ในใจกู้ฮอนตอนนี้อยากจะรู้เรื่องราวในชีวิตตัวเองอย่างร้อนใจ
ลู่ลู่เงยหน้าขึ้นมามองกลุ่มเมฆที่ลอยเอื่อยๆอยู่บนท้องฟ้าอย่างไร้ทางเลี่ยง ถอนหายใจยาว “ลูกเดาไม่ผิด คนที่ชื่อหลี่เชินคนนั้นเป็นคุณพ่อของลูกจริงๆ”
กู้ฮอนพยักหน้า
ลู่ลู่เอ่ยต่อว่า “เรื่องระหว่างแม่กับพ่อของลูกพูดขึ้นมาแล้วก็ยาว ตอนนั้นแม่ หวีหรูเจี๋ยและเจียงฮุ่ยซินล้วนไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรในวงการบันเทิง แต่ทุกครั้งที่แม่แสดงก็จะมีผู้ชายคนหนึ่งมาเอ่ยชมสรรเสริญ ไม่ว่าฝนจะตก ฟ้าจะร้อง ก็ไม่เคยพลาดแม้แต่ครั้งเดียว”
***
กู้ฮอนนั่งฟังคุณแม่เล่าเรื่องอย่างตั้งใจ เธอเงยหน้ามองคุณแม่ สีหน้าของเธอในตอนนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกดีที่มีต่อความทรงจำในอดีตที่งดงาม
กู้ฮอนเข้าสู่ความเงียบ จากปากของคุณแม่ คุณพ่อเป็นผู้ชายที่ทุ่มเทมากคนหนึ่ง ทั้งยังมีตาที่แหลมคม
เพราะว่าหลังจากนั้นไม่นาน ลู่ลู่ หวีหรูเจี๋ย ยังมีเจียงฮุ่ยซินต่างก็อาศัยความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์สร้างผืนฟ้าของพวกเธอเองในวงการบันเทิงขึ้นมา