ตอนที่ 832 ต่อยเขาสักหมัด
ส่วนอีกคนหนึ่ง ดูค่อนข้างจะมีอายุ อีกทั้งยังรู้สึกคุ้นหน้า เพียงแต่ว่านึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
การปรากฏตัวของถังเทียนจื๋อ ทำให้เป่หมิงโม่รู้สึกว่าเรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่ง่าย
นอกจากนี้ตอนที่กู้ฮอนอยู่ต่อหน้าพวกเขาสองคน โดยเฉพาะชายอาวุโสคนนั้นก็ไม่มีท่าทีว่าจะเป็นคนแปลกหน้า
เมื่อกล้องวงจรปิดเริ่มเล่นซ้ำ เห็นได้ชัดว่ากู้ฮอนเป็นคนโทรศัพท์เรียกสองคนนี้ให้มาหา
ยิ่งไปกว่านั้นถังเทียนจื๋อยังเดินตามหลังชายอาวุโส นี่มันหมายความว่าอย่างไร
เป็นไปได้ว่าถังเทียนจื๋อคือลูกน้องของคนๆนี้
ถ้าหากเป็นอย่างนั้นล่ะก็…
เมื่อเป่หมิงโม่สรุปได้ถึงตรงนี้ ไม่ช้าก็สามารถไขข้อข้องใจก่อนหน้านี้ของเขาไปได้
เมื่อก่อนเขาสงสัยว่าการที่ถังเทียนจื๋อเข้าใกล้กู้ฮอนและพวกเด็กๆก็เพราะจะใช้เป็นเหยื่อล่อเพื่อการแก้แค้นของตัวเอง
ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีเป้าหมายอย่างอื่น
เขาเคยฟังเรื่องราวชีวิตของกู้ฮอนจากหวีหรูเจี๋ยและก็รู้ด้วยว่าเธอมีพ่อที่ทิ้งแม่ไปหลังจากที่เธอหายไป
ภารกิจที่แท้จริงของถังเทียนจื๋อคือการตามหาลูกสาวที่หายไปนานแทนชายอาวุโสคนนี้
เพียงเพราะเรื่องบังเอิญ จากเดิมทีที่ถังเทียนจื๋อคิดจะใช้กู้ฮอนให้เป็นประโยชน์ และไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะค้นพบเรื่องราวชีวิตของเธอ
***
สุดท้ายแล้วสิ่งที่ถังเทียนจื๋อมีอยู่ในกำมือ ไพ่ใบสุดท้ายที่ตัวเขาสามารถใช้ข่มขู่กลับกลายเป็นว่าไร้ประโยชน์ไปโดยปริยาย
ในขณะที่วิดีโอเล่นซ้ำอยู่นั้น เขาเห็นภาพกู้ฮอนฟุบหน้าลงบนร่างของลู่ลู่ ร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ริมฝีปากที่ปิดสนิทของเป่หมิงโม่ กล้ามเนื้อแก้มทั้งสองข้างตึง
ณ ตอนนั้น กู้ฮอนดูเสียใจมาก หลังจากที่แม่เสียไปก็ราวกับหมดหนทาง
มาถึงช่วงท้ายที่เป็นจุดสำคัญ เมื่อลู่ลู่ถูกพยาบาลนำตัวไป กู้ฮอนอยากจะตามไปด้วย แต่ถูกถังเทียนจื๋อห้ามไว้ ดูเหมือนว่าเธอจะเสียใจมากจนเป็นลมล้มไป
ถังเทียนจื๋ออุ้มเธอขึ้นมา รีบออกจากห้องฉุกเฉินพร้อมกับชายอาวุโส
ตอนนี้ดูเหมือนว่าการหายตัวไปของกู้ฮอนอาจเกี่ยวข้องกับถังเทียนจื๋อ
“พวกคุณมีข้อมูลกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้ๆกับห้องฉุกเฉินอีกไหม รีบเอาออกมาที”เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเป่หมิงโม่เริ่มวิตกกังวลเล็กน้อย
คนของโรงพยาบาลไม่กล้าเพิกเฉย รีบตรวจสอบข้อมูลกล้องวงจรปิดที่อยู่รอบๆอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ว่ามันทำให้เขาผิดหวัง เพราะไม่มีอะไรที่สามารถบันทึกเส้นทางตอนพวกเขาออกไป
เป่หมิงโม่เดินออกจากห้องควบคุม จุดบุหรี่สูบ
เขาย่นคิ้วพลางสูบบุหรี่ ในขณะเดียวกันก็เดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายในโรงพยาบาล
เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ใหญ่สามคนจะหายไปในโรงพยาบาลอย่างกับหายไปในอากาศแบบนี้
ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาไปที่ไหนก็กลายเป็นอีกหนึ่งปริศนา
ขณะนี้ เขาเดินไปตามทางเดินที่คาดว่าจะเป็นทางไปแผนกผู้ป่วยใน เงยหน้าขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
มองไปยังทางเดินที่อยู่ข้างหน้า เห็นชายร่างสูงเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ลักษณะของผู้ชายคนนี้เป็นเอกลักษณ์มาก ด้านหลังศีรษะถักเปียเล็กที่ดูกระฉับกระเฉง
ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือถังเทียนจื๋อ!
เขาอยู่กับกู้ฮอนเมื่อคืน หลังจากนั้นก็หายไป
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าถังเทียนจื๋อไม่ทำอันตรายใดๆกับกู้ฮอน แต่ยังคงรู้สึกเป็นห่วงเธออยู่ดี
เป่หมิงโม่รีบไล่ตาม เพราะกลัวว่าเขาจะคลาดสายตาไปอีกครั้ง หากเป็นอย่างนั้นการตามหาที่อยู่ของกู้ฮอนจะยิ่งยากขึ้น
เพื่อไม่ให้ถังเทียนจื๋อเห็นตัวเอง เขาจึงพยายามที่จะรักษาระยะห่าง
เห็นแค่เขาเดินมาถึงหน้าประตูห้องคนไข้และเปิดประตูเดินเข้าไป
เป่หมิงโม่เดินไปอย่างรวดเร็ว สังเกตสถานการณ์โดยรอบ
ที่ตั้งของห้องคนไข้อยู่ห่างจากห้องอื่นๆ อีกทั้งยังไม่ค่อยชัดเจน
เหตุผลที่ถังเทียนจื๋อเลือกห้องนี้ คงเพราะกำลังปกปิดบางอย่าง อาจเพราะว่าเขาต้องการกีดกันไม่ให้ตัวเองค้นพบ ถึงได้เจาะจงเลือกที่นี่
เขายืนอยู่หน้าห้องคนไข้ ฟังเสียงในห้องที่ดูจะไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
คาดว่าในห้องคนไข้ นอกจากถังเทียนจื๋อแล้ว กู้ฮอนก็น่าจะอยู่ข้างในนั้นด้วย
เป่หมิงโม่ในเวลานี้ไม่มัวคิดอะไรให้มากความ มือกำลูกบิดแน่น ประตูเปิดออกด้วยแรงบิดเบาๆ
ถังเทียนจื๋อไม่ได้ล็อคประตู เพราะน่าจะคิดว่าคงไม่มีใครสังเกตที่นี่
เป่หมิงโม่เข้าไปในห้องคนไข้อย่างที่อีกฝ่ายคาดไม่ถึง
ภาพแรกที่เขาเห็นคือกู้ฮอนกำลังนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล ดวงตาของเธอปิดสนิทที่ดูเหมือนว่ากำลังหลับอยู่
ถังเทียนจื๋อนั่งอยู่บนโซฟาที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงของเธอ
เขานิ่งอึ้ง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เตรียมรับมือกับการปรากฏตัวอย่างฉับพลันของเป่หมิงโม่
หลังจากที่เห็นว่าเป็นเป่หมิงโม่ เขายังคงแปลกใจอยู่“คิดไม่ถึงว่าคุณจะเจอที่นี่ได้เร็วอย่างนี้”
“แกทำอะไรเธอ”ตอนนี้เป่หมิงโม่กำลังลุกโชนไปด้วยไฟความโกรธ หากกู้ฮอนได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย มันสามารถทำให้เขาคลุ้มคลั่งได้
***
ถังเทียนจื๋อค่อยๆลุกขึ้นยืน รอยยิ้มที่เคยชินของเขากลับมาบนใบหน้าตามเดิม
เขาทำมือให้เป่หมิงโม่ลดเสียงลง จากนั้นก็พูดเบาๆ“คุณช่วยเบาเสียงหน่อยได้ไหม เดี๋ยวเธอก็ตื่นหรอก”จากนั้นก็ชี้ไปที่ประตู“มีอะไรก็ออกไปคุยกันข้างนอก”
พูดจบ เขามองเป่หมิงโม่ที่ยังไม่ขยับไปไหน“ทำไม คุณยังกังวลอะไรอีก?ที่นี่คืออาณาเขตของคุณ ผมไม่สามารถทำอะไรคุณหรือเธอได้”
แน่นอนว่าเป่หมิงโม่ไม่สนใจเล่ห์เหลี่ยมเล็กๆน้อยๆของเขา หันหลังเปิดประตูเดินออกไป
ถังเทียนจื๋อเดินตามเขาออกไปและปิดประตูเบาๆ
ไม่รอให้เป่หมิงโม่เอ่ยปาก เขาก็ชิงพูดขึ้นก่อน“คุณไม่จำเป็นต้องถามอะไรผม ก็แค่เมื่อคืนผมรับสายกู้ฮอน บอกว่าแม่ของเธอถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉิน บางทีคุณอาจจะยังไม่รู้ เจ้านายของผมคือพ่อแท้ๆของเธอ”
“นายไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้ ฉันรู้หมดแล้ว ตอนนี้กู้ฮอนเป็นยังไงบ้าง ทำไมนายถึงต้องให้เธออยู่ที่แบบนี้ นายรู้ไหม ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา นายไม่สามารถแบกความรับผิดชอบนี้ได้หรอก”เป่หมิงโม่คิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะตะโกนใส่เขาหลังจากนั้นค่อยจัดการกับเขาภายหลัง
ถังเทียนจื๋อยักไหล่ในท่าทีที่ดูผ่อนคลาย“เรื่องนี้คุณสบายใจได้ แค่ในเวลานี้เธอยังรับเรื่องที่แม่เสียชีวิตไม่ได้ จนเศร้ามากเกินไป เมื่อคืนเธอเลยเป็นลม แต่หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้ อารมณ์ของเธอก็ยังคงไม่นิ่ง เพราะอย่างนั้นผมก็เลย……”
เมื่อเป่หมิงโม่ได้ยินถึงตรงนี้ สายตาเย็นชาจ้องมาที่เขาอย่างดุเดือด“เพราะอย่างนั้นนายทำอะไรเธอ?”
“ผมเลยฉีดยาระงับประสาทให้เธอไปหนึ่งเข็ม มันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเธอในเวลานี้”
เป่หมิงโม่กัดฟันแน่น มือที่อยู่ข้างลำตัวบีบจนเปลี่ยนเป็นกำปั้น ส่งเสียงดังกึกๆ
ไม่ว่ากู้ฮอนจะเป็นอย่างไร เขาจะไม่ใช่วิธีนี้กับเธอแน่นอน แต่ถังเทียนจื๋อกลับทำแบบนี้ อีกทั้งยังพูดว่ามันเป็นประโยชน์ต่อตัวของเธอ
นี่มันไร้สาระสิ้นดี
เป่หมิงโม่ไม่สามารถสะกดความโกรธของเขาได้อีกต่อไป
“ไอ้สารเลว!”เป่หมิงโม่ตะโกนออกมา เหวี่ยงกำปั้นต่อยไปที่ถังเทียนจื๋อ
ถังเทียนจื๋อเองก็ไม่ยอมให้เขาต่อยฟรีๆ เขาสังเกตได้ว่าอารมณ์ของเป่หมิงโม่เริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะอย่างนั้นจึงเตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
เมื่อเป่หมิงโม่ต่อยมาทางตัวเอง เขาก็รีบยื่นมือออกไปตั้งรับอย่างรวดเร็ว
“ปึก”
เสียงอู้อี้
กำปั้นของเป่หมิงโม่ชกไปบนฝ่ามือของถังเทียนจื๋ออย่างเต็มแรง
แม้ว่าใบหน้าของถังเทียนจื๋อจะยังคงมีรอยยิ้มอยู่ แต่เขาก็ลอบขมวดคิ้ว
แรงของเป่หมิงโม่ที่มากเกินไป มือของเขาสั่น รู้สึกได้ถึงความชาเล็กน้อย
“สิ่งที่กู้ฮอนต้องการคือการดูแลที่ดี ไม่ใช่เอะอะก็ฉีดยาระงับประสาท ถึงนายจะพัฒนาขึ้นจากเมื่อก่อน แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันอยู่ดี”เป่หมิงโม่มองไปที่ถังเทียนจื๋อด้วยสายตาเย้ยหยัน เลี่ยงจากเขาผลักประตูเดินเข้าไปในห้องคนไข้
สำหรับเรื่องที่เป่หมิงโม่จะนำตัวกู้ฮอนไป ตั้งแต่ทันทีที่เขาเห็นเป่หมิงโม่ เขาก็ได้เตรียมใจไว้แล้ว
ความจริงในใจของถังเทียนจื๋อ เขาเองก็อยากทำดีต่อกู้ฮอน แต่เพราะความสามารถที่มีอย่างจำกัด ทำให้ไม่สามารถดูแลเธอให้ดีกว่านี้
ตอนนี้เป่หมิงโม่ปรากฏตัวแล้ว ความรับผิดชอบของตัวเองในการอยู่ที่นี่ก็ถือว่าเสร็จสมบูรณ์
ดังนั้นเขาจึงไม่ทำอะไรเพื่อขัดขวางเป่หมิงโม่ ปล่อยให้เขาอุ้มกู้ฮอนออกไปจากห้องคนไข้
***
เป่หมิงโม่พากู้ฮอนออกไปและหาห้องคนไข้ที่ดีที่สุดในโรงพยาบาลเพื่อให้เธอได้พักผ่อน
มองดูเธอนอนหลับตาอยู่บนเตียง หายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
ที่นี่มีหมอที่สามารถดูแลเธอได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับเรื่องที่แม่ของเธอเสียชีวิต ตัวเองไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย แต่สิ่งที่ทำได้อาจเป็นสิ่งที่เหลืออยู่เหล่านี้
เมื่อได้นอนหลับ กู้ฮอนก็หลับไปหลายชั่วโมง อาจเป็นเพราะถังเทียนจื๋อให้ยาเธอในปริมาณที่ค่อนข้างมาก
ตอนเธอลืมตาขึ้นก็พบว่าห้องที่ตัวเองนอนอยู่เปลี่ยนไป
แม้กระทั่งคนที่อยู่ข้างเธอก็ไม่ใช่ถังเทียนจื๋อ แต่กลับเป็นเป่หมิงโม่
อาจเพราะว่าเหนื่อยเกินไปหรืออะไรก็ตาม เขาหลับตา นั่งอยู่บนโซฟาใกล้ๆ
ภายในห้องคนไข้ปิดม่านสนิท ทำให้เธอไม่มีทางรู้เลยว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว
เธอค่อยๆยกผ้าห่มที่คลุมตัวเองออกและลุกจากเตียงอย่างเงียบๆ
ทันทีที่เท้าทั้งสองข้างแตะถึงพื้น เธอรู้สึกอย่างกับว่าขาของเธอกลับไม่ใช่ของเธออย่างไรอย่างนั้น มันทั้งไม่มีแรงและไม่ค่อยจะทำตามคำสั่ง
ถึงขนาดที่ว่าเธอไม่สามารถเดินไปไหนได้อย่างอิสระ ทำได้แค่ใช้มือจับสิ่งของช่วยประคอง
ด้วยวิธีนี้ ทำให้เกิดเสียงเบาๆออกมา ส่งผลให้เป่หมิงโม่ตื่นขึ้น
“กู้ฮอน ตอนนี้เธอไม่ควรขยับตัว กลับไปนอนพักที่เตียงต่อเถอะ”เป่หมิงโม่ยืนขึ้นและเอื้อมมือไปพยุงร่างที่ยังสั่นเทาของเธอ
ต่อหน้าเป่หมิงโม่ ดูเหมือนว่ากู้ฮอนจะไม่อารมณ์เสียเหมือนตอนอยู่กับถังเทียนจื๋อ แต่กลับกลายเป็นลูกแกะเชื่องๆตัวหนึ่ง
นี่อาจเป็นประสบการณ์ที่สะสมมาจากการต่อสู้ที่ยาวนานระหว่างเธอและเขา การต่อต้านในหลายๆครั้ง อาจเปลี่ยนเป็นชัยชนะเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ที่เหลือส่วนใหญ่มักจบลงด้วยความพ่ายแพ้
เป่หมิงโม่ประคองกู้ฮอนกลับไปที่เตียง เพียงแต่เขาให้เธอลุกขึ้นนั่ง หลังจากนั้นตัวเองก็นั่งลงตรงขอบเตียง
ไม่ได้เจอกันหนึ่งวัน เขาพบว่าสีหน้าของเธอดูไม่ดีเลย ราวกับเพิ่งฟื้นจากอาการป่วยหนัก
บอกตามตรง ตอนนี้หัวใจของเขากำลังเจ็บปวด
เวลานี้เอง มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากกระเป๋าติดตัวของกู้ฮอน
เป่หมิงโม่หยิบกระเป๋าใบเล็กจากโต๊ะหัวเตียง ส่งให้กู้ฮอน
“คุณรับเถอะ น่าจะเป็นพวกเด็กๆโทรมา พวกเขามักจะโทรมาบอกให้ฉันปลอดภัย” กู้ฮอนคิดว่าในตอนนี้เธอยังไม่สามารถคุยกับเด็กๆผ่านทางโทรศัพท์ เธอกลัวว่าเธอจะคิดถึงแม่แล้วอดที่จะร้องไห้ไม่ได้
เป่หมิงโม่พยักหน้า หยิบโทรศัพท์ออกมา“ฮัลโหล”
“ฮะ นี่คุณพ่อเหรอ ผมนึกว่าคุณแม่รับสายซะอีก”เห็นได้ชัดว่าหยางหยางไม่คิดว่าเขาจะอยู่เคียงข้างแม่ในเวลานี้
นี่เป็นครั้งแรกที่เป่หมิงโม่ได้ยินเสียงของเด็กๆ นับตั้งแต่ที่พวกเขาไม่อยู่นานกว่าครึ่งเดือน
แม้ว่าปกติเขาไม่เคยคิดที่จะโทรหาพวกเขาหรือถามเรื่องราวต่างๆก็ตาม