Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล – ตอนที่ 1279

ตอนที่ 1279

บทที่ 1279 – ยาเม็ดโลหิตพิโรธ, ยาเม็ดผสานวิญญาณ, มุ่งหน้าไปยังเทือกเขาปู๋โถวทะเลใต้

 

เมื่อชิงสุ่ยกล่าวออกมาเช่นนี้ คำพูดของเขาเหมือนจะมีน้ำหนักขึ้นมาต่างจากก่อนหน้า เหล่าลูกหลานของฟู่ตงเชียงต่างรู้สึกว่านี่เป็นข้อเสนอครั้งใหญ่ โดยเฉพาะฟู่ซางผู้ที่ยังอยู่ในความงุนงงเหมือนกับหุ่นเชิด ส่วนคนอื่นๆก็มีอาการไม่ต่างกันนัก

 

ในตอนนี้ฟู่ตงเชียงยังไม่ได้เผยความในใจออกมา มีคำกล่าวไว้ว่าอย่าดูถูกคนหนุ่มที่ยากจนเพราะพวกเขายังมีหนทางอีกมากมายในอนาคต ในตอนนี้ศักยภาพในตัวของชิงสุ่ยถูกเผยให้เห็นอย่างยิ่งใหญ่ แม้แต่ตัวฟู่ตงเชียงเองยังรู้สึกว่าไม่อาจเทียบเคียงได้ ในเวลาไม่นานนักชิงสุ่ยได้บรรลุเป้าหมายมากมาย

 

“ตกลง ข้าเห็นด้วย แต่เจ้าต้องเป็นคนดำเนินงานพวกนี้ด้วยตัวเอง ในภายภาคหน้าเจ้าต้องขึ้นเป็นผู้นำเช่นกัน ข้าจะปฎิเสธทันทีหากว่าคนอื่นมาทำหน้าที่แทนเจ้า” ฟู่ตงเชียงมองไปยังชิงสุ่ยและกล่าวอย่างจริงจัง

 

“ข้าต้องขอขอบคุณลุงฟู่เป็นอย่างยิ่ง ไม่ต้องกังวลไป ข้าขอยืนยัน หากจักรวรรดิเดชสวรรค์เข้าร่วมการจัดตั้งพันธมิตร พวกท่านจะไม่ประสบความสูญเสียใดๆข้าไม่ได้มีเป้าหมายทีจะควบคุมจักรวรรดิเดชสวรรค์และนำมาปกครองเอง เป้าหมายของข้าคือการเดินทางไปยังอีกสามมหาทวีปที่เหลือเท่านั้น ดังนั้นลุงฟู่โปรดวางใจ  ”

 

คำพูดของชิงสุ่ยมีความชัดเจนอย่างยิ่ง เขาไม่ได้สนใจมหาทวีปอู่เซียตะวันตกและฟู่ตงเชียงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องที่ชิงสุ่ยจะเป็นศัตรูกับจักรวรรดิเดชสวรรค์อีกต่อไป

 

เมื่อได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย ฟู่ตงเชียงรู้สึกสับสนแต่สิ่งโดดเด่นออกมาจากความรู้สึกเหล่านั้นคือความประหลาดใจ แม้แต่คนในระดับฟู่ตงเชียงเองยังไม่มีความคิดที่จะเดินทางไปยังอีกสามมหาทวีปที่เหลือเพราะมันเป็นสิ่งที่ยากเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ แต่ในตอนนี้มีใครบางคนช่วยขุดความคิดนี้กลับมาอีก ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่ง ฟู่ตงเชียงรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่แค่เพียงคำพูดที่เอาไว้โอ้อวดแต่เขาคงอยากทำให้สำเร็จจริงๆ

 

“ชิงสุ่ย หากเจ้าเป็นลูกหลานแห่งตระกูลฟู่ ข้าคงจะยิ้มได้ตลอดไปแม้กระทั่งในความฝัน ในวันนี้ข้าขอประกาศว่า ตระกูลฟู่จะคอยสนับสนุนเจ้า ข้าไม่ได้กล่าวออกมาลอยๆเท่านั้น และหากในอนาคตเจ้าประสบความสำเร็จแล้ว โปรดให้การช่วยเหลือตระกูลฟู่ด้วย ” ฟู่ตงเชียงยิ้มและกล่าวออกมา

 

ชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงความจริงใจจากสายตาของฟู่ตงเชียง ฟู่ตงเชียงถือเป็นคนหนึ่งที่มีความปราดเปรื่อง ชิงสุ่ยยิ้มตอบและพยักหน้า “ถ้าวันเช่นนั้นมาถึง ข้าจะช่วยเหลืออย่างแน่นอน ข้าได้กล่าวไว้แล้วว่าตระกูลฟู่จะไม่สูญเสียสิ่งใดทั้งนั้น พวกท่านมีแต่จะได้รับผลประโยชน์อันมหาศาล”

 

เรื่องนี้ได้ถูกตัดสินแล้ว เหล่าผู้ฝึกยุทธล้วนรักษาคำพูดของพวกเขา ชิงสุ่ยไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะสามารถโน้มน้าวได้ถึงสองฝ่ายในเวลาอันสั้น อย่างน้อยในตอนนี้นิกายบงกชเทวะก็ไม่มีปัญหาในการทำงานร่วมกันกับชิงสุ่ย

 

“พี่ชิง ข้ามียาอยู่จำนวนหนึ่ง โปรดช่วยข้าปรับปรุงมันเสียหน่อย” ในตอนนี้ฟู่ร่งมองไปยังชิงสุ่ยด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป สาวน้อยปฏิบัติต่อชิงสุ่ยอย่างเรียบง่ายราวกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกันจริงๆ

 

ฟู่ตงเชียงก็มียาอยู่สองแบบที่ต้องการให้ชิงสุ่ยช่วยปรุงอยู่เช่นกัน พวกมันคือยาเม็ดโลหิตพิโรธ และยาเม็ดผสานวิญญาณ

 

ยาเม็ดโลหิตพิโรธเป็นยาที่มีสรรพคุณเหนือชั้น มันมีประสิทธิภาพต่อคนที่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น เมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัสและใช้ยานี้จะได้รับพลังเพิ่มขึ้นสองเท่า ยิ่งบาดแผลหนักท่าไหร่พลังที่จะได้รับก็จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น หากได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยพลังที่ได้รับก็จะน้อยลง แน่นอนว่ามันเป็นยาที่ถูกใช้ในสถานการณ์อันตราย นอกเหนือจากนั้นยาชนิดนี้ไม่มีสรรพคุณในการรักษาหรืออาจเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ

 

เมื่อชิงสุ่ยได้เห็นยาเม็ดชนิดนี้ ดวงตาของเขาถึงกับเป็นประกาย ยาชนิดนี้เหมาะสมกับคนที่มีพลังมหาศาล เมื่อตกอยู่ในการต่อสู้ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ยาเม็ดโลหิตพิโรธจะสามารถช่วยพลิกสถานการณ์กลับมาได้อย่างง่ายดาย

 

อย่างไรก็ตามถ้าหากผู้ใช้ไม่แข็งแกร่งมากพอ และได้รับบาดเจ็บสาหัสอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ตายได้ทุกเวลา ถ้าหากต้องตายลงยาเม็ดโลหิตพิโรธหรือยาวิเศษชนิดใดก็ตามคงไม่สามารถช่วยอะไรได้

 

ส่วนยาเม็ดผสานวิญญาณใช้สำหรับฟื้นฟูพลังวิญญาณ การทำงานของมันเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ยาหนึ่งเม็ดมีสรรพคุณในการฟื้นฟูพลังวิญญาณกว่าสิบห้านาที ยาชนิดนี้ใช้สำหรับฟื้นฟูพลังวิญญาณเท่านั้น

 

ชิงสุ่ยมียาฟื้นฟูแก่นแท้อยู่แล้วแต่ถ้าเขาใช้มันสลับกันกับยาเม็ดผสานวิญญาณก็คงดีไม่น้อย อย่างไรก็ตามยาเม็ดผสานวิญญาณไม่ได้ทำให้ชิงสุ่ยสนใจได้มากนัก

 

ชิงสุ่ยพักอยู่กับตระกูลฟู่ต่ออีกสองสามวันและช่วยพวกเขาปรุงยาเม็ดเทพโอสถ แน่นอนว่าชิงสุ่ยย่อมเรียกร้องถึงสิ่งตอบแทน นั่นคือยาเม็ดโลหิตพิโรธที่เขาสนใจ

 

ในสองสามวันนี้ ชิงสุ่ยและเหล่าคนรุ่นใหม่ในตระกูลฟู่สนิทสนมกันมากขึ้น แต่ว่าฟู่ซางไม่อยู่ร่วมวงด้วย
การฟื้นฟูความสัมพันธ์ของพวกเขาอาจต้องแตกต่างออกจากคนอื่นๆไปบ้าง ฟู่เจียนและชิงสุ่ยเข้ากันได้ดีแต่ฟู่เจียนเป็นฝ่ายที่เคารพนับถือต่อชิงสุ่ยมาก เมื่อมองดูถึงความอาวุโสแล้ว ฟู่เจียนมีอายุน้อยกว่าชิงสุ่ยอยู่ขั้นหนึ่ง

 

ซึ่งต่างออกไปจากฟู่ร่ง นางเป็นคนที่อายุน้อยที่สุด นางเป็นลูกสาวคนเล็กของฟู่ตงเชียง แม้ไม่ได้มีอายุที่มากนัก แต่ก็ยังได้รับเกียรติจากคนอื่นๆเสมอ

 

ความสามารถในการปรุงยาของชิงสุ่ยในตอนนี้รุดหน้าขึ้นมากและเป้าหมายทั้งหมดของเขาได้เสร็จสิ้นแล้ว ชิงสุ่ยกล่าวร่ำลาคนของตระกูลฟู่ เมื่อได้รับยาเม็ดโลหิตพิโรธเขาก็เดินทางต่อเพื่อมุ่งแสวงหาทางในการพัฒนาความแข็งแกร่งต่อไป จนกว่าจะพัฒนาตะเกียงร้อยวิญญาณให้แกร่งขึ้นได้ หลังจากนั้นจะเป็นการง่ายสำหรับเขาที่จะก่อตั้งพันธมิตรในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกขึ้น

 

 

เมื่อเดินทางออกจากจักรวรรดิเดชสวรรค์ ชิงสุ่ยมุ่งหน้าไปยังจักรวรรดิอวี้ เขาต้องการเดินทางไปยังเทือกเขาปู๋โถวจากทะเลทางใต้ เหตุเพราะเขาต้องการพบกับอวี้ลู่หยานและถานท่ายหยวน และอีกเหตุผลก็คือเขาต้องการบอกกล่าวเรื่องความสำคัญของพันธมิตร.

 

อย่างไรก็ตามเมื่อคิดได้ว่าจะได้พบกับถานท่ายหยวน ชิงสุ่ยกลับรู้สึกแปลกไปเล็กน้อย เหตุเพราะนางได้เห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขาในขณะที่มีสัมพันธ์กับอวี้ลู่หยาน

 

ความจริงแล้วชิงสุ่ยไม่ได้ร้อนใจในเรื่องนี้มากนัก นั่นเพราะเขาเป็นผู้ชาย มันไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องจัดการกับหญิงสาวที่เข้ามาเห็นเขามีสัมพันธ์กับภรรยา กลับกันถ้าคนที่เข้ามาเห็นเป็นผู้ชาย ชิงสุ่ยคงทำให้เขาหายไปจากโลกนี้แล้ว

 

ยังมีอีกหนึ่งสิ่ง ถานท่ายหยวนไม่ได้ตังใจมาเห็นเรื่องเหล่านี้ เขาไม่รู้ว่าการได้เห็นฉากเหล่านั้นจะทำให้นางรู้สึกบอบช้ำเพียงใด ทั้งหมดก็เพราะตัวนางเองยังไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน

 

เมื่อเทียบอายุของถานท่ายหยวนดูแล้ว อาจกล่าวได้ว่านางไม่ได้เป็นเด็กหญิงเช่นเมื่อก่อนอีกต่อไป แม้ว่านางยังไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนั้นมาก่อน นางก็คงรู้เรื่องราวพวกนี้มาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการฝึกวิชาบางอย่าง ตำราหรือสิ่งของจำพวกนั้น นอกเหนือจากนี้เมื่อมีอายุถึงระดับหนึ่งแล้วก็จะรู้เรื่่องราวพวกนี้ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องไปใส่ใจมัน

 

อีกทั้งทุกหนทุกแห่งย่อมมีวัฒนธรรมเป็นของตนเอง

 

ในตอนนี้ทักษะย่างก้าวเก้าเทวาของชิงสุ่ยได้พัฒนามาถึงอีกระดับหนึ่งซึ่งมีความเร็วสูงมาก วิหคเพลิงเองก็เช่นกัน ด้วยเหตุนี้คงใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเพื่อเดินทางไปถึงเทือกเขาปู๋โถวทางทิศใต้ โดยการเดินทางในครั้งนี้มีความรวดเร็วกว่าครั้งก่อน เทียบกับเมื่อก่อนแล้วถือว่าสะดวกสบายขึ้นเยอะ

 

ทะเลทางใต้มีขนาดใหญ่มากแต่นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ตามมันมีทางเชื่อมออกไปยังทะเลใหญ่ แม้ชิงสุ่ยยังไม่เคยเห็นมันแต่เขามั่นใจว่าแม้น้ำที่เขาเคยพบเห็นมาทั้งหมดในชีวิตคงมิอาจเทียบเท่าได้

 

สองสามวันถัดมา ชิงสุ่ยเดินทางมาถึงทะเลทางใต้ เขาหยุดลงและมองไปยังเทือกเขาปู๋โถว ด้วยระยะที่เหลือเขาไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ เขาหยิบคันเบ็ดตกปลาทองคำบริสุทธิ์ออกมาและหย่อนมันลงไปในแม่น้ำ เขารู้ตัวมาสักครู่แล้วว่ามีผู้คนเดินมาสังเกตุ

 

เมื่อชิงสุ่ยตกปลาไปได้สักพัก มีสองร่างปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ทั้งสองไม่ใช่อวี้ลู่หยานและถานท่ายหยวน ชิงสุ่ยบอกถึงคนที่เขากำลังตามหาและฝากข้อความไป

 

หญิงสาวทั้งสองพูดจาดีต่อชิงสุ่ย พวกเขาตอบตกลงและเดินจากไป อาจเป็นเพราะชิงสุ่ยเป็นคนอัธยาศัยดีและพวกเขารู้สึกได้ว่าชิงสุ่ยไม่ได้มาที่นี่เป็นครั้งแรก เพราะชิงสุ่ยยืนรออยู่ไม่บุ่มบ่ามเข้าไป

 

ในครั้งนี้มีหญิงสาวสองคนปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครั้ง สายตาชิงสุ่ยช่างว่องไวและเฉียบแหลม ทั้งสองคนปรากฏตัว

 

“ชิงสุ่ย!”

 

อวี้ลู่หยานยังคงงดงามเช่นเดิม นางกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของชิงสุ่ยอย่างมีความสุข มันทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย หญิงสาวคนนี้ไม่สงวนท่าทีเช่นเมื่อก่อนแล้ว อาจเพราะนางรู้ดีว่าถานท่ายหยวนได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงไม่มีอะไรให้กังวลอีกต่อไป

 

ชิงสุ่ยโอบกอดถานท่ายหยวนพร้อมรอยยิ้มและมองไปยังถานท่ายหยวน เมื่อถานท่ายหยวนมองมายังชิงสุ่ย นางรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เหตุการณ์ที่นางพบเจอไม่สามารถลบเลือนไปอย่างง่ายดาย ราวกับว่านางได้รับบาดแผลฝังลึกไว้ในใจ

 

แม้ว่าท่าทีของชิงสุ่ยและอวี้ลู่หยานจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีผลอะไรมากนัก พวกเขาแสดงท่าทีออกอย่างปกติ ภาพที่ชัดเจนนั่นถูกประทับอยู่จิตใจของนาง การกระทำของชิงสุ่ยและอวี้ลู่หยานถูกเผยให้นางรับรู้อย่างแจ่มแจ้ง

 

อวี้ลู่หยานผละตัวออกจากชิงสุ่ยและหันกลับไปมองถานท่ายหยวนพร้อมกล่าว “มันอบอุ่นมากๆเลย เจ้าอยากลองกอดดูบ้างไหม? ข้าไม่ถือนะ”

 

การเปลี่ยนแปลงไปของอวี้ลู่หยานทำให้ชิงสุ่ยถึงกับชะงัก นี่แสดงให้เห็นความความสัมพันธ์ของหญิงสาวทั้งสองอยู่ในเกณฑ์ที่ดี มิฉะนั้นนางคงไม่กล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมา

 

“ข้าไม่สนสิ่งนั้นหรอก มีแต่เจ้านั่นแหละที่ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเขาเป็นสมบัติ” ถานท่ายหยวนตอบกลับด้วยท่าทีไม่ปกติ

 

“แต่ข้าเคยได้ยินใครบางคนนอนละเมอ…”

 

“พี่หญิงอย่ากล่าวอีกเลย มีใครเป็นพยานให้ท่านได้บ้างล่ะ? ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าท่านพูดความจริง” ถ่านท่ายหยวนดึงอวี้ลู่หยานกลับมาพร้อมกล่าว

 

อวี้ลู่หยานยิ้มให้และไม่กล่าวอะไรต่อ นางมองไปยังชิงสุ่ย “เหตุใดเจ้าจึงมาพบพวกเราในตอนนี้?”

 

เมื่ออวี้ลู่หยานกล่าวถาม นางก็พบท่าทีหยอกล้อจากชิงสุ่ย หญิงสาวทั้งสองสุ่งเสียง “จุ๊ๆ” ออกมาพร้อมกัน อวี้ลู่หยานรู้ดีว่าชิงสุ่ยจ้องมองถานท่ายหยวนในขณะที่กำลังนึกถึงเหตุการณ์นั้น

 

ชิงสุ่ยยิ้มอย่างเจื่อนๆและรู้ดีว่าพลังของถานท่ายหยวนถูกพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง ดูเหมือนว่าที่นางเดินทางมายังมหาทวีปอู่เซียตะวันตกในครั้งนี้ก็เพื่อพัฒนาตนเอง ซึ่งได้ผลมากเลยทีเดียว ดูเหมือนว่าเขาจะดูถูกมรดกที่นางได้รับมาไม่ได้เลย

 

ถานท่ายหยวนเป็นผู้นำเหล่าศิษย์อาวุโสแห่งเทือกเขาปู๋โถวจากทางใต้ เช่นเดียวกับติ๊เฉินกับนิกายบงกชเทวะเทือกเขาปู๋โถวเองเก็บตัวเงียบไม่แสดงออกถึงความรุ่งเรืองเช่นจักรวรรดิอวี้ อย่างไรก็ตามพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกันกับสถานบันสวรรค์เร้นลับ นิกายบงกชเทวะ และจักรวรรดิเดชสวรรค์

 

“แม่นางถานท่ายเจ้าช่างเร้นกายได้ดี เมื่อพิจารณาแล้วว่าความสามารถของทือกเขาปู๋โถวอยู่ในระดับแนวหน้าของมหาทวีปอู่เซียตะวันตก” ชิงสุ่ยยิ้มพร้อมมองไปยังถานท่ายหยวน

 

“เจ้าเองก็แข็งแกร่งขึ้นข้ารู้สึกได้” ถานท่ายหยวนไม่ได้ตอบกลับไปตรงๆแต่เป็นการพูดย้อนกลับไป

 

“เหตุใดพวกเราไม่ทดสอบฝีมือกันเสียหน่อย” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว

 

“ข้าไม่ต้องการ มันอาจไม่เกิดผลดีก็เป็นได้” ถานท่ายหยวนยิ้มและปฏิเสธคำเชิญชวน

 

“ลู่หยาน ข้าเจอเฉินเอ๋อแล้ว”

 

“จริงหรือ? นางอยู่ที่ไหน? อวี้ลู่หยานกล่าวอย่างมีความสุข”

 

“นิกายบงกชเทวะ!”

 

“เจ้าเดินทางไปยังนิกายบงกชเทวะ ?” ถานถ่ายหยวนถามด้วยความกระวนกวายใจเล็กน้อย

 

“ข้าไม่ได้ไปที่นิกายบงกชเทวะอย่างเดียวเท่านั้น ข้ายังไปจักรวรรดิเดชสวรรค์มาแล้วเช่นกัน อ้อใช่ ในตอนนี้ข้าเป็นผู้พิทักษ์อิสระแห่งสถาบันสวรรค์เร้นลับ” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว

 

“หืมมม? เหตุที่เจ้าเดินทางมาในวันนี้คงไม่ใช่เพราะมาหาพวกเรา พูดต่อไป เจ้าต้องการอะไร” ถานท่ายหยวนถามด้วยความสงสัย

 

“ข้าต้องการพบกับอาจารย์ของเจ้า” ชิงสุ่ยตอบหลังคิดอยู่ชั่วครู่

 

“พบกับอาจารย์ของข้า? เรื่องสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ?”

 

“ข้าต้องการจัดตั้งพันธมิตรร่วมกับเทือกเขาปู๋โถว” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว

 

“จัดตั้งพันธมิตร? พันธมิตรอะไรของเจ้า?” ถานท่ายหยวนถามด้วยความงุนงง

 

“พันธมิตรแห่งมหาทวีป”

 

“เจ้าต้องการรวบรวมมหาทวีปอู่เซียตะวันตก…” ถานท่ายหยวนมองไปยังชิงสุ่ยด้วยความสับสน

 

“เป็นเพียงกลุ่มพันธมิตร ไม่ได้รวมกันเช่นนั้น”

 

“เช่นนั้น ใครจะเป็นผู้นำเหล่าพันธมิตร” ถานท่ายหยวนมองไปยังชิงสุ่ยด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

“ข้าคิดไว้แล้ว หากไม่ใช่ข้าขึ้นนำ คงไม่มีใครเข้าร่วมอย่างแน่นอน”

 

“เจ้านี่ไร้ยางอายจริงๆ” ถานท่ายหยวนยิ้มและกล่าวออกมา

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

Status: Ongoing

นิยายเรื่องนี้เป็นเกี่ยวกับตัวละครหลักมีชื่อว่า ชิงสุ่ยซึ่งถูกส่งข้ามมิติและมายังทวีปคิวชู  ทั้งทวีปเต็มไปด้วยการฆ่าฟันดังพายุโลหิต ส่งผลให้ซากศพ กระดูกและเศษเนื้อ  กระจายเกลื่อนไปทั่วทวีปซึ่งถือเรื่องธรรมดามากในโลกใบนี้

 นักรบหนุ่มชิงสุ่ยทำการพลิกชะตากรรมชีวิตเพื่อสร้างเส้นในการเพาะปลูกพลังยุทธ เขาใช้เวลากว่า 10 ปีเพื่อฝึกฝนตัวเอง เพื่อที่จะแสวงหาการแก้แค้นบุคคลผู้หนึ่งที่ได้ทอดทิ้งแม่ของเขา! บนเส้นทางชีวิตนี้ เขาได้มีโอกาสพบกับหญิงสาวผู้มีความงดงามดุลรูปปั่นเทพธิดา ( เจ้าหญิงน้ำแข็ง ) ชิชิงซวง ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความเกลียดชังและการแก้แค้นจากคู่หมั้นของเธอนามซิตู่บูฟาน หลังจากผ่านพ้นเข้าเมืองร้อยไมล์ ชิงสุ่ยได้พบกับสาวสวยแสนงดงามชื่อ ยูฮี และคนอื่นๆ ที่อาณาจักรเซียนเทียน

 หลังจากที่เขาเผชิญความทุกข์ยากในเส้นทางชีวิต เขาได้ฆ่านายน้อยของตระกูลกงหยางเพราะยูฮี ทำให้เขาต้องหลบๆซ่อนๆ แต่ในความโชคร้ายก็มีความโชคดี หญิงสาวรูปร่างใบหน้าราวกับนางอัปสรสวรรค์ ชื่อเย่ยีเจียนจี  ได้พานพบและได้ช่วยเหลือเขาเอาไว้ ต่อไปนี้เขาจะต้องพบเจอกับสงครามที่ต้องล้างด้วยเลือด  ชิงสุ่ยจะสามารถรอดพ้นอันตรายได้หรือไม่ จะรอดพ้นภัยพิบัติได้หรือไม่  และความสัมพันธ์ของเขากับสาวงามต่างๆจะเป็นอย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท