บทที่ 1327 – เข็มแห่งชีวิต เข็มแห่งความตาย การเริ่มต้นใหม่ที่ดี เส้นทางสู่การเป็นหมอ
ผลของราชสีห์ปีศาจโลหิตนั้นกำลังจะหายไป ผังสือถูรู้สึกว่าร่างกายของตนเองนั้นหนักขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่ามันจะไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดแต่ความเร็วของเขานั้นหายไปถึงครึ่งหนึ่งในตอนนี้ มันสร้างความกดดันครั้งใหญ่ให้แก่เขา เขาควรจะจัดการกับชายคนนี้ได้แม้ว่าจะไม่มีผลของราชสีห์ปีศาจโลหิต แต่มันกลับยากยิ่งนักที่เขาจะทำเช่นนั้นได้ แต่เขาก็ยังคงมั่นใจว่าศัตรูของเขานั้นคงไม่อาจทำลายการป้องกันของเกราะอสูรสำแดงของเขาได้ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กังวลมากเกินไป
กลับกันเขารู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่งกับสัตว์อสูรขนาดใหญ่สีม่วงนั่น โชคดีที่สัตว์อสูรตัวนั้นยังไม่ได้มีพลังมากเท่าไหร่ มิฉะนั้นมันคงจะสังหารเขาไปแล้ว
ชิงสุ่ยต้องการใช้เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดจริงๆ น่าเสียดายที่ดุฌหมือนยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะใช้มันได้ ดังนั้นเขาจึงลดความเร็วและปฏิกิริยาตอบสนองของศัตรูลงไปเรื่อยๆ หากเขาสามารถใช้เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดเพื่อพันธนาหารศัตรูได้ ชิงสุ่ยมั่นใจว่าเขาจะสามารถจัดการกับผังสือถูได้ในช่วงเวลาสั้นๆแม้ว่าเขาจะทรงพลังกว่าชิงสุ่ยหลายเท่าก็ตาม
มันน่าเสียดายที่เขายังไม่ได้มีโอกาสทำเช่นนั้น หลังจากที่อสูรอัสนีคลั่งโจมตีออกไปก่อนหน้านี้ทำให้ศัตรูของเขาเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น ดังนั้นมันย่อมยากมากขึ้นที่เขาจะใช้กลยุทธ์แบบเดิมได้แม้ว่าศัตรูของเขาจะไม่สามารถใช้ราชสีห์ปีศาจโลหิตได้ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ โชคดีที่ชิงสุ่ยอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบในตอนนี้
ดังนั้นเรื่องนี้ก็ยังคงจะไม่ได้จบง่ายๆ
ชิงสุ่ยไม่อยากที่จะให้เวลายาวนานไปกว่านี้ ผลของการประลองที่ออกมาเสมอนั้นก็ไม่เลวนักแม้ว่ามันอาจจะเกินกว่าสิ่งที่ทุกๆคนคาดคิดเอาไว้ แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้มันถือว่าค่อนข้างเสมอกัน
ชิงสุ่ยนั้นมีกลยุทธ์ที่หลากหลายและผังสือถูนั้นมีพลังที่พลังที่เหนือกว่า แต่คนนอกนั้นย่อมไม่อาจรับรู้เรื่องนี้ได้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้อย่างแท้จริงว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นเช่นไรและพวกเขานั้นล้วนเคยประมือกับผังสือถูมามากกว่าชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยนำเข็มแห่งชีวิตและความตายออก
เข็มแห่งชีวิตและเข็มแห่งความตาย!
ในตอนแรกนั้นชิงสุ่ยต้องการให้ผลการประลองครั้งนี้ออกมาเสมอแต่นั่นก็เป็นเพียงความในตอนแรกเริ่มเท่านั้น แต่เขาตระหนักได้ว่าตระกูลผังย่อมได้รับความอับอายแม้ว่าผลของการประลองครั้งนี้จะออกมาว่าผังสือถูแพ้หรือเสมอ สำหรับชิงสุ่ยนั้นไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ตัวเองแพ้ได้เช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็คงต้องทุ่มพลังทั้งหมดของตนเองเพื่อบดขยี้ศัตรูและเอาชนะในการต่อสู้ครั้งนี้
ชิงสุ่ยถือเข็มแห่งชีวิตและความตายเอาไว้ในมือของเขา ซึ่งปลายของมันนั้นปลดปล่อยปราณแห่งความตายออกมาจากนั้นเขาก็พุ่งไปยังผังสือถู
“ดี!”
ผังสือถูนั้นกำลังรำคาญที่เขาไม่อาจไล่ตามศัตรูได้ทันด้วยความเร็วในตอนนี้ของเขา แม้ว่าเขาจะมีพลังมากกว่าศัตรูแต่เขาก็ไม่อาจสัมผัสศัตรูได้เลย เขารู้สึกว่าหมัดอันทรงพลังของตนเองนั้นทำได้เพียงจั่วลมเท่านั้น
ดวงตาของผังสือถูเบิกกว้างขึ้น ตอนนี้ชิงสุ่ยกำลังเริ่มที่จะพุ่งเข้ามาโจมตี โอกาสของเขามาถึงแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้ชิงสุ่ยหนีออกไปได้อีกครั้ง
‘เขาเข้ามาใกล้แล้ว!’
ผังสือถูนั้นกำลังจับตามองชิงสุ่ยที่เริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ได้คิดที่จะหลบการโจมตีแม้แต่น้อย เขาไม่กังวลกับการโจมตีครั้งนี้เลยเพราะศัตรูไม่อาจทำลายเกราะอสูรสำแดงของเขาได้ สิ่งเดียวที่เขาต้องทำในตอนนี้คือจัดการกับชายผู้นี้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ชิงสุ่ยรู้ถึงความตั้งใจของศัตรูในตอนนี้ ดังนั้นเมื่อเขาเข้าไปใกล้ผังสือถู เขาก็ได้อันตรธานหายไป
ทักษะย่างก้าว 9เทวา อันตรธาน!
มันแตกต่างจาก ‘ทักษะย่างก้าว 9เทวา ว่างเปล่า’ แต่ทั้ง 2 ท่วงท่านี้ก็ให้ผลที่คล้ายคลึงกัน แต่ด้วยท่วงท่านี้จะทำให้เขาอันตรธานหายไปรวมถึงกลิ่นอายของเขาและอื่นด้วยเช่นกัน ทักษะย่างก้าว 9เทวา ว่างเปล่านั้นจะยังคงทิ้งภาพติดตาเอาไว้เบื้องหลัง ดังนั้น ‘ทักษะย่างก้าว 9เทวา, อันตรธาน’ จึงเป็นท่วงท่าที่มีระดับที่สูงกว่า ในตอนที่เขาได้อันตรธานหายไป หัวใจของผังสือถูก็เต้นระรัว แต่เขาก็ยังคงรู้สึกมั่นใจเพราะว่าเขายังมีเกราะอสูรสำแดงของตนเองอยู่ เขามุ่งมั่นไปที่การป้องกันของตนเองในตอนนี้เขาเตรียมที่จะให้ชิงสุ่ยโจมตีเขาในตอนนี้
ฉึก!
ชิงสุ่ยที่ได้อันตรธานหายไป ปรากฏตัวขึ้นทันทีข้างหลังของผังสือถู เขาแทงเข็มแห่งชีวิตและความตายไปยังผังสือถู มันเจาะทะลวงเกราะอสูรสำแดงที่ทรงพลังเข้าไปราวกับเกราะอสูรสำแดงนี้ไม่ได้มีอยู่เลย
ในเวลาเดียวกันพลังในร่างกายของผังสือถูก็ระเบิดออกมาทันที เมื่อเขาพร้อมที่จะให้ชิงสุ่ยโจมตีเข้ามาพลังศักดิ์สิทธิ์ของชิงสุ่ยก็ได้ระเบิดออกทันทีและมันถูกแทงเข้าไปยังสมองของศัตรูด้วยเข็มแห่งชีวิตและความตาย
ปราณแห่งความตายได้เข้าไปยังสมองของผังสือถู แม้เพียงน้อยนิดมันก็ยังสามารถทำให้ผังสือถูก้าวเข้าสู่ความตายไปแล้วครึ่งตัวในทันที แม้ว่าการโจมตีครั้งสุดท้ายของผังสือถูจะถูกลดทอนพลังลงไปมันก็ยังสามารถโจมตีไปยังชิงสุ่ยได้ มันไม่ได้โจมตีโดนส่วนที่สำคัญของเขาแต่ก็ทำให้ชิงสุ่ยต้องบาดเจ็บหนักอีกครั้ง
ผังสือถูไม่ได้ตายจากไปทันทีจากการโจมตีครั้งนี้แต่เขาก็ต้องตื่นตระหนกเมื่อพบว่าพลังในร่างกายของตนเองเริ่มหายไป เขารู้สึกตกตะลึงที่ตนเองได้กลายเป็นเพียงคนธรรมดาในตอนนี้ ในตอนนี้เขารู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง เขารู้สึกสูญเสียแรงจูงใจในการใช้ชีวิตไปราวกับคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือคนที่เจ็บป่วยอย่างรุนแรง มันผ่านมาหลายปีแล้วที่เขาเคยรู้สึกแบบนี้ ในตอนนี้เขาได้ตระหนักว่าชีวิตของคนนั้นเปราะบางมากเพียงใด
“ข้าแพ้แล้ว!” ผังสือถูยกเลิกเกราะอสูรสำแดงของเขาและกล่าวกับชิงสุ่ยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
ชิงสุ่ยไม่ได้สังหารผังสือถูเพราะว่าเขาตระหนักได้ว่าเข็มแห่งชีวิตและความตายนั้นจะทิ้งร่องรอยของปราณแห่งความตายเอาไว้ในร่างกายหลังจากที่มันได้กลืนกินเขาเข้าไปแล้ว หากไม่มีความช่วยเหลือของชิงสุ่ย เขาเหลือเวลาชีวิตอีกไม่นานบางทีอาจจะเหลือเพียงหนึ่งปีเท่านั้น ไม่เพียงแค่นั้นมันย่อมไม่มีโอกาสแล้วที่ระดับพลังของเขาจะได้รับการยกระดับขึ้น
ไม่มีประโยชน์อะไรในการฆ่าผังสือถูในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงทิ้งชายผู้นี้เอาไว้ให้อยู่กับความหวาดกลัวไปตลอดชีวิต พอถึงเวลาที่เขาต้องตายไปพวกเขาจะได้ไม่โทษชิงสุ่ย หากเขาสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ตระกูลผังย่อมไม่อาจทำอะไรกับชิงสุ่ยได้
“ไปเถอะ พวกเจ้าทั้งหมด ข้าหวังว่าพวกเจ้าทั้งหมดจะปฏิบัติตามข้าตกลงระหว่างเรา” ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่เขาเช็ดคราบเลือกออกจากมุมปากของตนเอง
“มั่นใจได้เลย ตระกูลผังรักษาคำพูดของตนเองเสมอ” ผังสือถูกล่าวด้วยรอยยิ้ม แม้ว่ามันจะเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่น
จากตอนแรกเริ่มผังสือถูก็มีความรู้สึกว่าเขาจะต้องพ่ายแพ้ในวันนี้ แม้ว่าจะไม่ใช่ชิงสุ่ยตระกุลอื่นๆก็น่าจะออกมาจัดการกับเขา เมื่อเขาได้คิดเช่นนี้เขาก็กระอักเลือดออกมา ผังเต๋อนั้นไร้สมองอย่างแท้จริง เขารู้สึกอยากจะสังหารชิงสุ่ยในตอนนี้ เขาได้เปิดรับการเดิมพันหลังจากที่สถานการณ์เริ่มวุ่นวายยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ในการหลีกเลี่ยงไม่ให้ชิงสุ่ยนั้นแค้นเคืองตระกูลผัง ผังสือถูนั้นมีชีวิตอยู่มาหลายปีแล้ว เขาจึงบอกได้เลยว่าชายหนุ่มผู้นี้สักวันหนึ่งทะยานขึ้นสู่สวรรค์เหมือนมังกรอันยิ่งใหญ่ แม้แต่ในตอนนี้เขาก็ไม่ใช่คนที่ตระกูลผังจะไปสร้างความบาดหมางได้
นี่คือความสามารถของแพทย์ที่น่าเกรงขาม
“น้องชาย เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” หมอปีศาจตรงเข้ามาหาเขาด้วยความกังวล
“พี่ชาย ท่านลืมไปแล้วงั้นหรือว่าข้าเองก็เป็นหมอ?” ชิงสุ่ยหัวเราะ นี่ย่อมไม่อาจทำอะไรเขาได้
“น้องชาย ลงมารักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าก่อน อย่าช้าอยู่เลย” ลี่จี๋รีบกล่าวกับชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยหันไปและพยักหน้าให้กับผู้อาวุโสปู้หยางและคนอื่นๆก่อนที่เขาจะกลับไปยังห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ
ไม่นานหลังจากนั้นผู้อาวุโสลี่และลี่เหยียนก็ได้เข้ามาพบชิงสุ่ยเช่นกัน พวกเขาได้มาที่นี่พร้อมกันในตอนนี้ ชิงสุ่ยรู้สึกยินดีเมื่อได้เห็นลี่เหยียน นางมีร่องรอยจากโลกก่อนหน้านี้ของเขาที่เขาไม่อาจขจัดออกไปได้
ในโลกก่อนหน้านี้ของเขานางถือว่างดงามยิ่งนัก แม้ว่านางจะไม่ได้งดงามที่สุดในสายตาของชิงสุ่ย เขาก็ชอบผู้หญิงประเภทนี้มากที่สุด เหล่าหญิงสาวที่เขาเคยได้พบหลังจากที่มายังโลกใบนี้แล้ว สือฉิงจวง ชางห่าย หมิงเยวี่ย ติ๊เฉิน และอีเย่ เจี้ยนเก้อนั้นมีความงามที่ไม่มีผู้ในในโลกก่อนหน้านี้ของเขาจะเทียบได้แม้จะใช้เครื่องสำอางหรือสิ่งใดก็ตาม มันยังมีความแตกต่างกันอยู่มากระหว่างความงามที่แท้จริงและความงามจากภาพถ่ายที่ได้กับการปรับแต่งรูป แม้ว่าในตอนนี้เขาจะมีหญิงสาวรอบกายมากมายแต่เขาก็ไม่อยากลืมเลือนหญิงสาวที่เขาเคยชื่นชอบที่สุดในชีวิตที่แล้วไปได้
นางมีดวงตาที่กลมโตสวยและเปร่งประกาย เสียงของนางก็คล้ายคลึงกับผู้หญิงที่เขาเคยชื่นชอบ ชิงสุ่ยรู้ดีว่าหญิงสาวผู้นี้ไม่ใช่คนเดียวกับผู้หญิงในชีวิตที่แล้วของเขาเช่นเดียวกับชายผู้นั้นที่กลับมายังมหาทวีปทั้ง 5 ที่ดูคล้ายกับพี่ใหญ่ของเขา แต่เขาก็ไม่ใช่คนเดียวกันชิงสุ่ยยังคงให้โอกาสเขาเพื่อให้เขามีโอกาสในชีวิตที่เหลืออยู่
ตอนนี้เขามาพบกับหญิงสาวของตระกูลลี่เขารู้ในทันทีว่าเขาไม่อาจลืมผู้หญิงที่เขาเคยชื่นชอบไปได้ แต่พวกนางทั้ง 2 คนก็ไม่ใช่คนเดียวกัน พวกนางเพียงแค่คล้ายคลึงกันเท่านั้น เขาไม่ได้รักผู้หญิงที่เขาเคยชื่นชอบในชีวิตก่อนหน้านี้เพียงแต่ชื่นชอบตัวตนของนางและกลิ่นอายที่นางปลดปล่อยออกมา
“ท่านชิง ท่านเป็นอะไรหรือไม่?” ลี่เหยียนไม่ได้ตระหนักถึงความคิดของนางที่ได้เข้าไปยังจิตใจของชิงสุ่ย นางเพียงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่กังวลเล็กน้อย แต่ทันทีที่นางมาถึงชิงสุ่ยก็ได้รักษาอาการบาดเจ็บของเขาหมดแล้วพร้อมกับได้เปลี่ยนเสื้อผ้าของตนเอง เขายังไม่ได้ล้มลงเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ท่านหญิงเหยียนเอ๋อ ข้าเป็นหมอ จะมีอะไรสำคัญกับอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเช่นนี้กัน? ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของท่าน”
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของนางทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาที่นางก้มลงมาผูกเชือกรองเท้าให้เขาในชีวิตก่อนหน้านี้ ในช่วงเวลานั้นเขาอยากที่จะโอบกอดนางจริงๆแต่น่าเสียดายที่เขาไม่อาจทำเช่นนี้ได้ เขามีความเสียใจอย่างมากในชีวิตก่อนหน้านี้
ลี่เหยียนผงะไปเมื่อนางได้เห็นชิงสุ่ย ใบหน้าที่ซับซ้อนของเขาทำให้นางรู้สึกเขินอายจนไม่กล้าที่จะจ้องตากับเขา ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขาเชิญให้นางนั่งลง ผู้อาวุโสลี่นั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมและกำลังพูดคุยกับหมอปีศาจ และคนอื่นๆ
พื้นที่ของชั้นที่ 5 เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ต้องได้รับอนุญาตเท่านั้นจึงจะสามารถเข้ามาได้
“ไม่เป็นไร ข้าควรขอบคุณท่านสักครั้ง” ลี่เหยียนยืนยันความหวังดีของนางและหัวเราะออก
“ท่านช่างคล้ายคลึงกับสหายของข้ายิ่งนัก” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“สหายผู้ใดกัน?” ลี่เหยียนสงสัย
“สหายที่สนิทชิดเชื้ออย่างยิ่ง”
“ผู้ใดกันที่เหมือนกันข้า? เช่นนั้นข้าขอพบนางได้หรือไม่?” ลี่เหยียนดูเหมือนจะอยากเห็นอย่างยิ่ง
“ข้าคงไม่อาจจะพบนางได้อีกแล้ว นางได้อันตรธานหายไปจากโลกของข้าแล้ว” ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าเขาควรรู้สึกเช่นไรดีเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้
“ข้าต้องขอโทษด้วย!”
“ไม่เป็นไร ข้าชินแล้ว เรื่องนี้มันได้ผ่านมานานหลายสิบปี” ชิงสุ่ยครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขายังคงไม่อาจลืมเลือนนางได้แม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปีแล้วก็ตาม เขาคิดว่าลี่เหยียนคงเข้าใจคำพูดของเขาผิดไป กล่าวตามตรงเขาเช่นกันที่ได้อันตรธานหายไปจากโลกของนาง
“โอ้ เช่นนั้นก็หมายความว่านางอายุมากกว่าข้านะสิ” ลี่เหยียนหัวเราะ
ชิงสุ่ยส่ายศีรษะของเขา ในใจของเขานั้นอายุของหญิงสาวผู้นั้นได้ถูกหยุดนิ่งเอาไว้เพราะนางเป็นเพียงความทรงจำของเขา เขาไม่รู้จะบอกนางยังไงดีจึงเปลี่ยนเรื่องที่จะพูดกับลี่เหยียนเป้นเรื่องอื่น
สำหรับหญิงสาวผู้นี้ชิงสุ่ยไม่ต้องการที่จะไล่ตามนางอีกต่อไป หากนางเป็นหญิงสาวจากชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาจริงๆตอนนี้เขาก็จะไม่ปล่อยให้นางหลุดมือไปอีก น่าเสียดายที่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเป็นเพียงคนที่คล้ายคลึงกันเท่านั้น
แต่บางครั้งมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เชื่อในสิ่งที่ตนเองได้เห็น แม้ว่าเขาจะเข้าใจดีว่าพวกนางไม่ใช่คนๆเดียวกัน หัวใจของเขายังคงมองเห็นนางในฐานะตัวแทนของกันและกันและภาพของทั้งคู่ก็ค่อยๆทับซ้อนกัน เขาไม่แน่ใจว่านี่คือการทดแทนกันหรือไม่ จะมีคนที่สามารถเป็นตัวแทนกันได้อย่างสมบูรณ์แบบงั้นหรือ?
หลังจากที่ได้พูดคุยกันทั้ง 2 คนก็เริ่มที่จะมีความสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น การสนทนาของพวกเขาเป็นไปอย่างไหลลื่นราวกับรู้จักกันมานานและการพูดคุยกันก็มีแต่ความสบายใจ
รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้อาวุโสลี่ฉีกกว้างออกทันทีเมื่อเขาเห็นชิงสุ่ยได้พูดคุยกับลี่เหยียน แต่เขาตระหนักดีว่าหมอเทวดาผู้นี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา แม้ว่าเด็กสาวผู้นี้จะงดงามแต่ตระกูลลี่นั้นถือว่าด้วยกว่าชิงสุ่ยยิ่งนักเมื่อเทียบกันแล้ว หากเด็กสาวผู้นี้มาจากตระกูลหลักของตระกูลลี่บางทีเรื่องนี้อาจจะพอมีหวังก็เป็นได้
……
ในเวลาเพียงไม่กี่วันชิงสุ่ยก็ได้รักษาผู้คนไปมากมาย พวกเขาทั้งหมดต่างเป้นคนของตระกูลใหญ่ นอกจากนี้ยังมีการให้คำปรึกษาแก่หมอที่เป็นอาสาสมัครสัปดาห์ละครั้งที่ห้องอาหารแห่งจักรพรรดิ ชื่อเสียงของเขาในนามของหมอเทวดากระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแค่นั้นเขายังเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มีน้ำใจ
ดังนั้นผู้คนนับไม่ถ้วนจึงถูกดึงดูดให้มาหาเขาเพราะว่าชื่อเสียง…
ก่อนที่เขาจะตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ ชิงสุ่ยก็พบว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งอย่างยิ่ง ผู้คนในชั้นที่ 4 ของห้องอาหารแห่งจักรพรรดิได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับสาขาหลักของตระกูลลี่และตระกูลซื่อกงรวมไปถึงตระกูลปู้หยาง ตระกูลตู่กู๋ และตระกูลอื่นๆ ชิงสุ่ยได้ก้าวเข้าสู้พื้นที่ของตระกูลเหล่านี้แล้ว
เด็กหญิงจากตระกูลปู้หยางในที่สุดก็หายขาดในวันนี้ ผู้อาวุโสปู้หยางมองไปยังชิงสุ่ยด้วยความนยินดี “หากท่านมีลูก เรามาหมั้นหมายกันดีหรือไม่?”
ชิงสุ่ยตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหัวเราะออกมา “ข้าชื่นชอบเด็กหญิงน้อยเฉิงหมิงยิ่งนัก หากท่านยินดีที่จะทำเช่นนั้นข้าก็จะไม่คัดค้านใดๆ ข้าเพียงกังวลว่าพวกเขาทั้ง 2 คนอาจจะไม่ถูกใจกันในอนาคตและอาจจะสาปแช่งพวกเราเอาได้”