ก่อนหานเซี่ยวจะได้ตอบสนองต่อเอลฟ์ชายคนนี้ ผู้คืนชีพอื่นก็เริ่มปั่นป่วน พวกเขาถอยห่างจากกันและจ้องสมาชิกเทพอำนวยด้วยความตกใจ
“ฉันตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?ทำไมฉันถึงกลับมามีชีวิตใหม่?พวกนายทำอะไรกับฉัน!”
“นี่คือที่ไหน?พวกนายเป็นใคร?!”
“เกิดอะไรขึ้นกัน?นี่เป็นกับดักของศัตรู?!”
ความตกใจและตื่นตระหนกกระจายอย่างรวดเร็วในฝูงชน เสียงตำโกนและคำรามทุกดัง
ต่อหน้าความจริงที่พวกเขากลับมามีชีวิตหลังความตาย ต่อให้พวกเขาจะเป็นผู้อยู่เหนือ หัวใจพวกเขาก็ยังหนักอึ้ง
เมื่อเห็นว่าความปั่นป่วนยิ่งแย่ หานเซี่ยวจึงสูดหายใจลึก ใบหน้าของเขาตึงขึ้นและระเบิดพลังออกมา!
“เงียบ!”
บูม!
เหมือนฟ้าร้อง พลังงานของหานเซี่ยวกวาดออกไป และสายฟ้าสีทองก็ไหววูบในอากาศ
แรงกดดันมหาศาลกดลงบนผู้คืนชีพทั้งหมด มันราวกับมีคนได้กดปุ่มหยุด เสียงทั้งหมดหายไป ทุกคนปิดปาก สายตาตกใจและกลัวจดจ่อไปที่หานเซี่ยว
มันรู้สึกราวกับพวกเขาอยู่ใจกลางของการระเบิดพลังงานไซโอนิคแรกเริ่ม พวกเขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกอันตรายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ราวกับพวกเขาตกเป็นเหยื่อโดยนักล่า ร่างกายพวกเขาเกร็งขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
มีผู้อยู่เหนือระดับสูงสุดในหมู่ผู้คืนชีพอยู่ แต่สีหน้าพวกเขาก็ยังต้องเปลี่ยนไปและพวกเขาก็มองหานเซี่ยวด้วยความตกใจ
พลังงานท่วมท้นนี้ดูเหมือนจะแกร่งกว่าทุกอย่างที่พวกเขาเคยเห็น!
ชายคนนี้ในชุดดำตรงหน้าพวกเขาสามารถจบชีวิตพวกเขาได้!
ครั้งนี้ ก่อนที่ผู้คืนชีพเหล่านี้จะได้ตอบสนอง สมาชิกเทพอำนวยก็จ้องพวกเขาพร้อมกอดอม ปลดปล่อยการดำรงอยู่เช่นกัน!
บูม!
พลังงานของผู้อยู่เหือนนับสิบปะทะกันอย่างรุนแรง สร้างคลื่นพลังทีละระลอก ทั้งห้องเริ่มสั่น
“ผู้อยู่เหนือกันหมดเลย?!’
สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก
แรงกดดันคงอยู่แค่สามวินาทีก่อนหานเซี่ยวจะบอกทุกคนให้ถอนกลับ
การข่มขู่นี้ได้ผล ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาอีก เมื่อเห็นว่าทุกคนเงียบลงแล้ว หานเซี่ยวจึงยิ้ม”ดูเหมือนทุกคนจะสงบแล้ว ดี มาคุยกัน”
เมื่อได้ยิน เหล่าผู้คืนชีพจึงมองไปรอบๆเห็นผู้อยู่เหนือเทพอำนวยนับสิบและพลันตัดสินใจทำตามหัวใจ รอหานเซี่ยวให้พูดต่ออย่างเชื่อฟัง
เมื่อเห็น หานเซี่ยวก็กระแอมลำคอและพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร”ฉันรู้ว่าทุกคนต้องการคำอธิบาย ตอนนี้มันเป็นปฏิทินกาแล็กซี่ปี 780 แล้ว พวกนายคือผู้อยู่เหนือที่ตายกันคนละยุคสมัย เหตุผลที่พวกนายมาปรากฏตัวที่นี่คือเราค้นพบวิธีพิเศษที่ทำให้พวกนายฟื้นคืนชีพ!”
แม้พวกเขาจะพอเดาได้บ้าง แต่เมื่อได้ยินคำยืนยัน พวกเขาก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้
เป็นไปได้ยังไง?เรากลับมามีชีวิตอีกครั้ง?!
อารมณ์ของพวกเขาซับซ้อนและขัดแย้งกัน พวกเขาทั้งรู้สึกดีใจและกังวล
แม้การคืนชีพจะน่าประหลาดใจ แต่คนส่วนใหญ่ยังรู้สึกแปลก
นายไม่ขอคำอนุญาตจากเราเพื่อขุดเราขึ้นมา!
นี่ต้องไม่ใช่บริการฟนีแน่ คนเหล่านี้ต้องมีแรงจูงใจ
“งั้น นี่ก็ไม่ใช่โลกหลังความตาย..”คราวนี้ เอลฟ์ชายปากหวานดดูเหมือนจะตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น เขามองหานเซี่ยวด้วยสีหน้าแปลกๆ ขมวดคิ้วและพูด”งั้น ชุดนั้นมันอะไร?นายคิดไหมว่านายมีสไตล์มาก?”
หัวของหานเซี่ยวเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม เขาอดมองชุดเขาไม่ได้ แน่นอน มันเป็นสีดำ แต่การออกแบบค่อนข้างประณีตเลยนะ?
มันเป็นเรื่องของสุนทรียภาพส่วนบุคคลนะ?เจ้าหน้าที่ของฉันทุกคนคิดว่ามันดูดี!
แถม นี่ใช่เวลาที่จะมาดูถูกชุดของฉันหรือไง?
หานเซี่ยวสำรวจอีกฝ่าย ค้นหาผ่านสมอง และพบข้อมูลเกี่ยวกับเอลฟ์ชาย
‘ราชาเอลฟ์’ดีแลน จอมเวทย์ผู้อยู่เหนือระดับสูงสุด มีบทบาทจากช่วงสุดท้ายของยุคสำรวจจนถึงช่วงแรกของปฏิทินกาแล็กซี่ ตำแหน่งของเขาก็เหมือนกับจ้าวแห่งความมืด จ้าวมิติ และจักรพรรดิจักรกล เป็นหนึ่งในตัวแทนของผู้อยู่เหนือแห่งยุค
เอลฟ์เป็นเผ่าใหญ่ในจักรวาลด้วยหลายเชื้อชาติเหมือนเผ่ามนุษย์กาแล็กซี่ ด้วยการใช้อำนาจเขา ดีแลนได้รวมเผ่าย่อยในจักรวาลทีละหนึ่ง ก่อตั้งองค์กรใหญ่ที่เป็นของเผ่าเอลฟ์ที่คล้ายกับ’ชาติเลือดมังกร’ของมิลิซาส มันเป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์สุดในประวัติศาสตร์เผ่าเอลฟ์
ย้อนกลับไป สามอารยธรรมจักรวาลพยายามรับสมัครดีแลน แต่พวกเขาโดนปฏิเสธ จากนั้นเขาก็ได้ไปเป็นพันธมิตรกับอารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอดต่างๆ
เหตุผลที่เขาทำแบบนี้ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกว่าเขาสามารถเลือกได้แค่หนึ่งในสามอารยธรรมจักรวาล ขณะที่ถ้าเขาเลือกยืนข้างอารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอดด เขาสามารถได้รับทรัพยากรจากพวกเขาหลายคนขณะเพลิดเพลินกับอิสรภาพกว่า
สุดท้าย ดีแลนก็ตายในช่วงโศกนาฏกรรม
ชายคนนี้ มันเป็นสมเหตุสมผลแล้ว.หานเซี่ยวเข้าใจ
ตามบันทึก นิสัยของดีแลนแปลกมาก เขาไม่เคยสนใจถึงเวลาและสถานการณ์เลย และก็ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น เพราะเหตุนั้น เขาจึงมีความสัมพันธ์แย่มากกับผู้อยู่เหนือในอดีตและมีศัตรูมากมาย
ในศึกสุดท้าย เขาเผชิญหน้ากับการรุมของผู้อยู่เหนือ 12 คนที่อยากให้เขาตาย
นี่เป็นการปฏิบัติระดับเดียวกับฉันเลย…
สำหรับชายคนนี้ที่ตัดสินใจทำอะไร มันยากที่หานเซี่ยวจะตัดสินใจ เหนือสิ่งอื่นใด ยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว
ในช่วงยุคของดีแลน ไม่มีตัวอย่าง อารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอดยังแข่งขันแย่งพันธมิตรผู้อยู่เหนือกับสามอารยธรรมอย่างเปิดเผยและพยายามดึงดูดพวกเขาด้วยเงื่อนไขต่างๆ ตอนนั้น การเข้าร่วมอารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอดถือเป็นบรรทัดฐาน ไม่มีใครคิดว่าโศกนาฏกรรมจะเกิดขึ้น
หานเซี่ยวเม้มปาก ไม่สนใจเขา และพูดกับทุกคน”ฉันรู้ว่าทุกคนยังมีคำถาม เช่นเราเป็นใคร ทำไมเราถึงคืนชีพพวกนายและอื่นๆ สำหรับคำถามเหล่านี้ เพื่อนฉันที่นี่จะเป็นคนตอบเอง”
เมื่อได้ยิน ผู้รักษาสัจจะก็ก้าวออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม”ทุกคน เราคือองค์กรลับชื่อเทพอำนวย เราก่อตั้งโดยบรรพชนบางคนช่วงยุคสำรวจ เป้าหมายหลักของเราคือหาทางคืนชีพ สำหรับวิธีคืนชีพพวกนาย มันผ่านปรากฏการณ์ที่เรียกว่าวิหาร..”
ผู้รักษาสัจจะได้เตรียมบทไว้นานและอธิบายที่มากับจุดประสงค์ของเทพอำนวยเพื่อไขข้อสงสัยทุกคน
บรรพชนมีชื่อเสียง ผู้คืนชีพสำรวจสมาชิกเทพอำนวยและตระหนักว่าพวกเขาคือบรรพชนจริง พวกเขาเริ่มเชื่อกับที่ผู้รักษาสัจจะพูด
ครั้งนี้ บางคนมองหานเซี่ยว’”แล้วเขาเป็นใคร?เขาไม่ใช่หนึ่งในบรรพชน”
คนอื่นมองมา
เมื่อได้ยิน หานเซี่ยวก็จัดเสื้อผ้า
“พวกนายสามารถเรียกฉันว่าแบล็คสตาร์ได้ ฉันเป็นผุ้นำของผู้อยู่เหนือในยุคนี้”
ทันทีที่เขาพูด สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป
ผู้นำของผู้อยู่เหนือ?
อวดดีมาก!
ในยุคเรา แม้กระทั่งคนที่แข็งแกร่งสุดก็ไม่กล้าเรียกตัวเองว่าผู้นำ แกเป็นใคร?กล้าดียังไงถึงมอบฉายานั้นให้ตัวเอง!
ผู้รักษาสัจจะกระแอม”ขอให้ฉันแนะนำ ท่านแบล็คสตาร์ไม่ใช่สมาชิกเทพอำนวยเราแต่เป็นพันธมิตรคนสำคัญ เรามีเป้าหมายเดียวกัน ในยุคนี้ ผู้อยู่เหนือได้ก่อตั้งสมาคมขึ้นและอยู่รวมกัน และแบล็คสตาร์ก็เป็นประธานของสมาคมผู้อยู่เหนือ แถม พลังของเขายังเป็นจุดสูงสุดของจักรวาล ในเวลาเดียวกัน เขายังเป็นที่ปรึกษาพิเศษเพียงคนเดดียวของสามอารยธรรมจักรวาล เขามีตำแหน่งพิเศษ”
หลังได้ยินคำอธิบาย ทุกคนก็ตกใจและอดสำรวจหานเซี่ยวไม่ได้
ประธานสมาคมผู้อยู่เหนือ ที่ปรึกษาของสามอารยธรรมจักรวาล…ฉายาเหล่านี้ไม่เคยมีมาก่อน แม้จะไม่รู้รายละเอียด แค่จากฉายาเหล่านี้ พวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึงอิทธิพลของหานเซี่ยว
เมื่อคิดถึงขั้นพลังงานที่หานเซี่ยวแสดง คนส่วนใหญ่เริ่มให้ความสนใจกับชื่อนี้
มันกลับมีคนรุ่นใหม่ที่น่าทึ่งปรากฏใน’อนาคต’ แบล็คสตาร์คนนี้อาจมีช่วงเวลาดีสุดในประวัติศาสตร์..
ครั้งนี้ ผู้อยู่เหนือระดับสูงสุดที่คืนชีพพูดเสียงเย็น”นายจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็เรื่องของนาย ทัั้งหมดที่ฉันอยากรู้คือ นายคงไม่ได้คืนชีพเรามาเพื่อเล่นไพ่หรอกมั้ง?หรือนายวางแผนใช้เราเพื่อช่วยให้นายบรรลุเป้าหมายที่ทะเยอทะยานเช่น ครองจักรวาล?’
หานเซี่ยวส่ายหัวและหัวเราะ”ตลกดีนะ องค์กรเทพอำนวยกับฉันไม่ได้รบกวนพวกนายเพื่อเหตุผลแบบนั้น แต่ผู้อยู่เหนือทั้งหมดกำลังตกอยู่ในอันตรายและเราก็ต้องการพลังของผู้อาวุโส!’
ทันทีที่พูด หลายคนก็รู้สึกเป็นเกียรติ
“บอกเรามาเพิ่ม อันตรายอะไร?”บางคนถาม
“มันเกี่ยวข้องกับสามอารยธรรมจักรวาล..”
หานเซี่ยวพูดอย่างคล่องแคล่ว อธิบายปัญหาที่สำคัญเช่นความสามัคคีของสมาคมผู้อยู่เหนือ จุดยืนของสามอารยธรรมจักรวาล ความหมายของการคืนชีพวิหารและอื่นๆ เขาพยายามอธิบายสถานการณ์ที่รุนแรงสุดให้พวกเขาฟัง
เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังคิดตาม หานเซี่ยวก็พูดเสริม”ถ้าปัญหานี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม โศกนาฏกรรมครั้งใหม่จะเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้อยู่เหนือ!”
ทันทีที่เขาพูดแบบนั้น หลายคนก็สั่นไหว
หลายคนตกเป็นเหยื่อของโศกนาฏกรรม คำนี้สัมผัสจุดอ่อนพวกเขา
เมื่อเห็นแบบนั้น หานเซี่ยวก็รีบคว้าโอกาสและพูดด้วยน้ำเสียงมีความหมาย”นี่เกี่ยวข้องกับทุกคน ไม่ใช่แค่ยุคนี้ ต่อให้พวกนายไม่เต็มใจเข้าร่วม นายก็ต้องคิดถึงผลประโยชน์ตัวเอง”
“พวกนายตายกันไปแล้วและได้รับการคืนชีพ พวกนายต้องอยากเพลิดเพลินกับชวิตต่อ แต่ทว่า ถ้าปัญหานี้ไม่ถูกจัดการ พวกนายจะไม่สามารถรับรองความปลอดภัยตัวเองได้ มีโอกาสเดียวสำหรับการคืนชีพ ถ้าเราไม่รวมกันและข้ามผ่านโศกนาฏกรรม พวกนายจะต้องอยู่ในอันตรายด้วย ถ้าโดนฆ่าอีกครั้งพวกนายจะจบสิ้นจริง”
หานเซี่ยวจงใจซ่อนความลับที่วิหารสามารถคืนชีพได้ไม่จำกัดจำนวนและอ้างว่าพวกเขามีแค่โอกาสเดียว ด้วยการทำแบบนั้น มันจะยิ่งน่าเชื่อถือ
เมื่อได้ยิน ทุกคนก็เข้าใจสถานการณ์และดูจริงจัง
ดีแลนลูบคาง”ถ้าเป็นแบบนั้น ก็มีแค่สองทาง ก็มีแค่สองทางให้เรา เข้าร่วมสมาคมหรืออยู่ในเทพอำนวย ไม่มีทางเลือกอื่น”
บางคนขมวดคิ้วและถาม”เราจะออกไปเองได้ไหม?’
ดีแลนเหลือบมองอย่างดูถูก”ช่วยใช้เซลล์สมองแสนน้อยนิดคิดหน่อย ด้วยความสำคัญของข้อมูลคืนชีพ แกคิดว่าพวกเขาจะยอมปล่อยคนที่รู้ให้ออกไปอย่างอิสระหรือไง?โง่จริง ไม่แปลกที่โดนฆ่า”
สีหน้าของคนคนนั้นเปลี่ยนไป เขาพูดอย่างโกรธๆ”แกเองก็ตายไม่ใช่หรือไง?” “อย่าเข้าใจผิด ฉันตายอย่างมีเชิง!”ดีแลนพูด
คนอื่นงุนงง
ช่างเป็นวิธีอธิบายที่แสนสร้างสรรค์
แต่ทว่า การทำตัวแปลกๆเป็นอีกเรื่อง แต่พวกเขาต้องยอมรับว่าดีแลนพูดสมเหตุสมผล
มีแคาสองทางเลือก ถ้าพวกเขาอยากเป็นอิสระ พวกเขาต้องเข้าร่วมสมาคมและปล่อยให้สัคง โดยเฉพาะสามอารยธรรมจักรวาลรู้ถึงตัวตนพวกเขา แบบนี้ พวกเขาจะผูกติดกับสมาคมผู้อยู่เหนือ
ถ้าพวกเขาเลือกอยู่ในเพอำนวย ไม่มีใครจะรู้ถึงการดำรงอยู่ของพวกเขา ต่อให้การกวาดล้างเกิด พวกเขาจะไม่เสี่ยง
ปลอดภัยหรืออิสระ ไม่มีทางเลือกอื่น..ถ้าพวกเขาคิดลับๆ พวกเขาน่าจะแอบหนีกลับโลงศพ
พวกเขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
คนส่วนใหญ่อยากซ่อนตัวในเทพอำนวยพวกเขายอมเสียอิสรภาพในบางครั้ง แต่ก็ดีกว่าการสูญเสียชีวิตที่สอง ถ้าการทำงานหนักของสมาคมผู้อยู่เหนือจ่ายผลตอบแทน พวกเขาสามารถเพลิดเพลินกับผลแห่งชัยชนะได้ ถ้าสมาคมล้มเหลว พวกเขาก็ยังปลอดภัย
หานเซี่ยวเห็นควาามลังเลของพวกเขารู้ว่าที่เขาพูดมีผล เขาจึงลอบดีใจ
แต่ทว่า ครั้งนี้ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ทำไมเราต้องยอมรับเงื่อนไขเข้มงวดเช่นนี้?ทุกคน อีกฝ่ายมีกันเยอะ แต่เราก็มีไม่น้อย ทำไมเราต้องทำงานร่วมกันด้วย ออกไปจากที่นี่กัน?พวกมันไม่สามารถหยุดเรากันได้หมดหรอก ทุกคนจะเป็นอิสระ!”
ทันทีที่ความคิดยั่วยุนี้เกิดขึ้น สีหน้าของหลายคนก็เปลี่ยนไป
ใบหน้าของหานเซี่ยวดำมืด เขามองไปทางแหล่งเสียง
“ดี ฉันคิดว่าปัญหาจะคลี่คลายได้อย่างราบรื่นซะอีก แต่ดูเหมือนจะมีบางคนที่ต้องการการปรับทัศนคติ”
“ฉันตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?ทำไมฉันถึงกลับมามีชีวิตใหม่?พวกนายทำอะไรกับฉัน!”
“นี่คือที่ไหน?พวกนายเป็นใคร?!”
“เกิดอะไรขึ้นกัน?นี่เป็นกับดักของศัตรู?!”
ความตกใจและตื่นตระหนกกระจายอย่างรวดเร็วในฝูงชน เสียงตำโกนและคำรามทุกดัง
ต่อหน้าความจริงที่พวกเขากลับมามีชีวิตหลังความตาย ต่อให้พวกเขาจะเป็นผู้อยู่เหนือ หัวใจพวกเขาก็ยังหนักอึ้ง
เมื่อเห็นว่าความปั่นป่วนยิ่งแย่ หานเซี่ยวจึงสูดหายใจลึก ใบหน้าของเขาตึงขึ้นและระเบิดพลังออกมา!
“เงียบ!”
บูม!
เหมือนฟ้าร้อง พลังงานของหานเซี่ยวกวาดออกไป และสายฟ้าสีทองก็ไหววูบในอากาศ
แรงกดดันมหาศาลกดลงบนผู้คืนชีพทั้งหมด มันราวกับมีคนได้กดปุ่มหยุด เสียงทั้งหมดหายไป ทุกคนปิดปาก สายตาตกใจและกลัวจดจ่อไปที่หานเซี่ยว
มันรู้สึกราวกับพวกเขาอยู่ใจกลางของการระเบิดพลังงานไซโอนิคแรกเริ่ม พวกเขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกอันตรายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ราวกับพวกเขาตกเป็นเหยื่อโดยนักล่า ร่างกายพวกเขาเกร็งขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
มีผู้อยู่เหนือระดับสูงสุดในหมู่ผู้คืนชีพอยู่ แต่สีหน้าพวกเขาก็ยังต้องเปลี่ยนไปและพวกเขาก็มองหานเซี่ยวด้วยความตกใจ
พลังงานท่วมท้นนี้ดูเหมือนจะแกร่งกว่าทุกอย่างที่พวกเขาเคยเห็น!
ชายคนนี้ในชุดดำตรงหน้าพวกเขาสามารถจบชีวิตพวกเขาได้!
ครั้งนี้ ก่อนที่ผู้คืนชีพเหล่านี้จะได้ตอบสนอง สมาชิกเทพอำนวยก็จ้องพวกเขาพร้อมกอดอม ปลดปล่อยการดำรงอยู่เช่นกัน!
บูม!
พลังงานของผู้อยู่เหือนนับสิบปะทะกันอย่างรุนแรง สร้างคลื่นพลังทีละระลอก ทั้งห้องเริ่มสั่น
“ผู้อยู่เหนือกันหมดเลย?!’
สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก
แรงกดดันคงอยู่แค่สามวินาทีก่อนหานเซี่ยวจะบอกทุกคนให้ถอนกลับ
การข่มขู่นี้ได้ผล ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาอีก เมื่อเห็นว่าทุกคนเงียบลงแล้ว หานเซี่ยวจึงยิ้ม”ดูเหมือนทุกคนจะสงบแล้ว ดี มาคุยกัน”
เมื่อได้ยิน เหล่าผู้คืนชีพจึงมองไปรอบๆเห็นผู้อยู่เหนือเทพอำนวยนับสิบและพลันตัดสินใจทำตามหัวใจ รอหานเซี่ยวให้พูดต่ออย่างเชื่อฟัง
เมื่อเห็น หานเซี่ยวก็กระแอมลำคอและพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร”ฉันรู้ว่าทุกคนต้องการคำอธิบาย ตอนนี้มันเป็นปฏิทินกาแล็กซี่ปี 780 แล้ว พวกนายคือผู้อยู่เหนือที่ตายกันคนละยุคสมัย เหตุผลที่พวกนายมาปรากฏตัวที่นี่คือเราค้นพบวิธีพิเศษที่ทำให้พวกนายฟื้นคืนชีพ!”
แม้พวกเขาจะพอเดาได้บ้าง แต่เมื่อได้ยินคำยืนยัน พวกเขาก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้
เป็นไปได้ยังไง?เรากลับมามีชีวิตอีกครั้ง?!
อารมณ์ของพวกเขาซับซ้อนและขัดแย้งกัน พวกเขาทั้งรู้สึกดีใจและกังวล
แม้การคืนชีพจะน่าประหลาดใจ แต่คนส่วนใหญ่ยังรู้สึกแปลก
นายไม่ขอคำอนุญาตจากเราเพื่อขุดเราขึ้นมา!
นี่ต้องไม่ใช่บริการฟนีแน่ คนเหล่านี้ต้องมีแรงจูงใจ
“งั้น นี่ก็ไม่ใช่โลกหลังความตาย..”คราวนี้ เอลฟ์ชายปากหวานดดูเหมือนจะตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น เขามองหานเซี่ยวด้วยสีหน้าแปลกๆ ขมวดคิ้วและพูด”งั้น ชุดนั้นมันอะไร?นายคิดไหมว่านายมีสไตล์มาก?”
หัวของหานเซี่ยวเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม เขาอดมองชุดเขาไม่ได้ แน่นอน มันเป็นสีดำ แต่การออกแบบค่อนข้างประณีตเลยนะ?
มันเป็นเรื่องของสุนทรียภาพส่วนบุคคลนะ?เจ้าหน้าที่ของฉันทุกคนคิดว่ามันดูดี!
แถม นี่ใช่เวลาที่จะมาดูถูกชุดของฉันหรือไง?
หานเซี่ยวสำรวจอีกฝ่าย ค้นหาผ่านสมอง และพบข้อมูลเกี่ยวกับเอลฟ์ชาย
‘ราชาเอลฟ์’ดีแลน จอมเวทย์ผู้อยู่เหนือระดับสูงสุด มีบทบาทจากช่วงสุดท้ายของยุคสำรวจจนถึงช่วงแรกของปฏิทินกาแล็กซี่ ตำแหน่งของเขาก็เหมือนกับจ้าวแห่งความมืด จ้าวมิติ และจักรพรรดิจักรกล เป็นหนึ่งในตัวแทนของผู้อยู่เหนือแห่งยุค
เอลฟ์เป็นเผ่าใหญ่ในจักรวาลด้วยหลายเชื้อชาติเหมือนเผ่ามนุษย์กาแล็กซี่ ด้วยการใช้อำนาจเขา ดีแลนได้รวมเผ่าย่อยในจักรวาลทีละหนึ่ง ก่อตั้งองค์กรใหญ่ที่เป็นของเผ่าเอลฟ์ที่คล้ายกับ’ชาติเลือดมังกร’ของมิลิซาส มันเป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์สุดในประวัติศาสตร์เผ่าเอลฟ์
ย้อนกลับไป สามอารยธรรมจักรวาลพยายามรับสมัครดีแลน แต่พวกเขาโดนปฏิเสธ จากนั้นเขาก็ได้ไปเป็นพันธมิตรกับอารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอดต่างๆ
เหตุผลที่เขาทำแบบนี้ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกว่าเขาสามารถเลือกได้แค่หนึ่งในสามอารยธรรมจักรวาล ขณะที่ถ้าเขาเลือกยืนข้างอารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอดด เขาสามารถได้รับทรัพยากรจากพวกเขาหลายคนขณะเพลิดเพลินกับอิสรภาพกว่า
สุดท้าย ดีแลนก็ตายในช่วงโศกนาฏกรรม
ชายคนนี้ มันเป็นสมเหตุสมผลแล้ว.หานเซี่ยวเข้าใจ
ตามบันทึก นิสัยของดีแลนแปลกมาก เขาไม่เคยสนใจถึงเวลาและสถานการณ์เลย และก็ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น เพราะเหตุนั้น เขาจึงมีความสัมพันธ์แย่มากกับผู้อยู่เหนือในอดีตและมีศัตรูมากมาย
ในศึกสุดท้าย เขาเผชิญหน้ากับการรุมของผู้อยู่เหนือ 12 คนที่อยากให้เขาตาย
นี่เป็นการปฏิบัติระดับเดียวกับฉันเลย…
สำหรับชายคนนี้ที่ตัดสินใจทำอะไร มันยากที่หานเซี่ยวจะตัดสินใจ เหนือสิ่งอื่นใด ยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว
ในช่วงยุคของดีแลน ไม่มีตัวอย่าง อารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอดยังแข่งขันแย่งพันธมิตรผู้อยู่เหนือกับสามอารยธรรมอย่างเปิดเผยและพยายามดึงดูดพวกเขาด้วยเงื่อนไขต่างๆ ตอนนั้น การเข้าร่วมอารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอดถือเป็นบรรทัดฐาน ไม่มีใครคิดว่าโศกนาฏกรรมจะเกิดขึ้น
หานเซี่ยวเม้มปาก ไม่สนใจเขา และพูดกับทุกคน”ฉันรู้ว่าทุกคนยังมีคำถาม เช่นเราเป็นใคร ทำไมเราถึงคืนชีพพวกนายและอื่นๆ สำหรับคำถามเหล่านี้ เพื่อนฉันที่นี่จะเป็นคนตอบเอง”
เมื่อได้ยิน ผู้รักษาสัจจะก็ก้าวออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม”ทุกคน เราคือองค์กรลับชื่อเทพอำนวย เราก่อตั้งโดยบรรพชนบางคนช่วงยุคสำรวจ เป้าหมายหลักของเราคือหาทางคืนชีพ สำหรับวิธีคืนชีพพวกนาย มันผ่านปรากฏการณ์ที่เรียกว่าวิหาร..”
ผู้รักษาสัจจะได้เตรียมบทไว้นานและอธิบายที่มากับจุดประสงค์ของเทพอำนวยเพื่อไขข้อสงสัยทุกคน
บรรพชนมีชื่อเสียง ผู้คืนชีพสำรวจสมาชิกเทพอำนวยและตระหนักว่าพวกเขาคือบรรพชนจริง พวกเขาเริ่มเชื่อกับที่ผู้รักษาสัจจะพูด
ครั้งนี้ บางคนมองหานเซี่ยว’”แล้วเขาเป็นใคร?เขาไม่ใช่หนึ่งในบรรพชน”
คนอื่นมองมา
เมื่อได้ยิน หานเซี่ยวก็จัดเสื้อผ้า
“พวกนายสามารถเรียกฉันว่าแบล็คสตาร์ได้ ฉันเป็นผุ้นำของผู้อยู่เหนือในยุคนี้”
ทันทีที่เขาพูด สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป
ผู้นำของผู้อยู่เหนือ?
อวดดีมาก!
ในยุคเรา แม้กระทั่งคนที่แข็งแกร่งสุดก็ไม่กล้าเรียกตัวเองว่าผู้นำ แกเป็นใคร?กล้าดียังไงถึงมอบฉายานั้นให้ตัวเอง!
ผู้รักษาสัจจะกระแอม”ขอให้ฉันแนะนำ ท่านแบล็คสตาร์ไม่ใช่สมาชิกเทพอำนวยเราแต่เป็นพันธมิตรคนสำคัญ เรามีเป้าหมายเดียวกัน ในยุคนี้ ผู้อยู่เหนือได้ก่อตั้งสมาคมขึ้นและอยู่รวมกัน และแบล็คสตาร์ก็เป็นประธานของสมาคมผู้อยู่เหนือ แถม พลังของเขายังเป็นจุดสูงสุดของจักรวาล ในเวลาเดียวกัน เขายังเป็นที่ปรึกษาพิเศษเพียงคนเดดียวของสามอารยธรรมจักรวาล เขามีตำแหน่งพิเศษ”
หลังได้ยินคำอธิบาย ทุกคนก็ตกใจและอดสำรวจหานเซี่ยวไม่ได้
ประธานสมาคมผู้อยู่เหนือ ที่ปรึกษาของสามอารยธรรมจักรวาล…ฉายาเหล่านี้ไม่เคยมีมาก่อน แม้จะไม่รู้รายละเอียด แค่จากฉายาเหล่านี้ พวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึงอิทธิพลของหานเซี่ยว
เมื่อคิดถึงขั้นพลังงานที่หานเซี่ยวแสดง คนส่วนใหญ่เริ่มให้ความสนใจกับชื่อนี้
มันกลับมีคนรุ่นใหม่ที่น่าทึ่งปรากฏใน’อนาคต’ แบล็คสตาร์คนนี้อาจมีช่วงเวลาดีสุดในประวัติศาสตร์..
ครั้งนี้ ผู้อยู่เหนือระดับสูงสุดที่คืนชีพพูดเสียงเย็น”นายจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็เรื่องของนาย ทัั้งหมดที่ฉันอยากรู้คือ นายคงไม่ได้คืนชีพเรามาเพื่อเล่นไพ่หรอกมั้ง?หรือนายวางแผนใช้เราเพื่อช่วยให้นายบรรลุเป้าหมายที่ทะเยอทะยานเช่น ครองจักรวาล?’
หานเซี่ยวส่ายหัวและหัวเราะ”ตลกดีนะ องค์กรเทพอำนวยกับฉันไม่ได้รบกวนพวกนายเพื่อเหตุผลแบบนั้น แต่ผู้อยู่เหนือทั้งหมดกำลังตกอยู่ในอันตรายและเราก็ต้องการพลังของผู้อาวุโส!’
ทันทีที่พูด หลายคนก็รู้สึกเป็นเกียรติ
“บอกเรามาเพิ่ม อันตรายอะไร?”บางคนถาม
“มันเกี่ยวข้องกับสามอารยธรรมจักรวาล..”
หานเซี่ยวพูดอย่างคล่องแคล่ว อธิบายปัญหาที่สำคัญเช่นความสามัคคีของสมาคมผู้อยู่เหนือ จุดยืนของสามอารยธรรมจักรวาล ความหมายของการคืนชีพวิหารและอื่นๆ เขาพยายามอธิบายสถานการณ์ที่รุนแรงสุดให้พวกเขาฟัง
เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังคิดตาม หานเซี่ยวก็พูดเสริม”ถ้าปัญหานี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม โศกนาฏกรรมครั้งใหม่จะเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้อยู่เหนือ!”
ทันทีที่เขาพูดแบบนั้น หลายคนก็สั่นไหว
หลายคนตกเป็นเหยื่อของโศกนาฏกรรม คำนี้สัมผัสจุดอ่อนพวกเขา
เมื่อเห็นแบบนั้น หานเซี่ยวก็รีบคว้าโอกาสและพูดด้วยน้ำเสียงมีความหมาย”นี่เกี่ยวข้องกับทุกคน ไม่ใช่แค่ยุคนี้ ต่อให้พวกนายไม่เต็มใจเข้าร่วม นายก็ต้องคิดถึงผลประโยชน์ตัวเอง”
“พวกนายตายกันไปแล้วและได้รับการคืนชีพ พวกนายต้องอยากเพลิดเพลินกับชวิตต่อ แต่ทว่า ถ้าปัญหานี้ไม่ถูกจัดการ พวกนายจะไม่สามารถรับรองความปลอดภัยตัวเองได้ มีโอกาสเดียวสำหรับการคืนชีพ ถ้าเราไม่รวมกันและข้ามผ่านโศกนาฏกรรม พวกนายจะต้องอยู่ในอันตรายด้วย ถ้าโดนฆ่าอีกครั้งพวกนายจะจบสิ้นจริง”
หานเซี่ยวจงใจซ่อนความลับที่วิหารสามารถคืนชีพได้ไม่จำกัดจำนวนและอ้างว่าพวกเขามีแค่โอกาสเดียว ด้วยการทำแบบนั้น มันจะยิ่งน่าเชื่อถือ
เมื่อได้ยิน ทุกคนก็เข้าใจสถานการณ์และดูจริงจัง
ดีแลนลูบคาง”ถ้าเป็นแบบนั้น ก็มีแค่สองทาง ก็มีแค่สองทางให้เรา เข้าร่วมสมาคมหรืออยู่ในเทพอำนวย ไม่มีทางเลือกอื่น”
บางคนขมวดคิ้วและถาม”เราจะออกไปเองได้ไหม?’
ดีแลนเหลือบมองอย่างดูถูก”ช่วยใช้เซลล์สมองแสนน้อยนิดคิดหน่อย ด้วยความสำคัญของข้อมูลคืนชีพ แกคิดว่าพวกเขาจะยอมปล่อยคนที่รู้ให้ออกไปอย่างอิสระหรือไง?โง่จริง ไม่แปลกที่โดนฆ่า”
สีหน้าของคนคนนั้นเปลี่ยนไป เขาพูดอย่างโกรธๆ”แกเองก็ตายไม่ใช่หรือไง?” “อย่าเข้าใจผิด ฉันตายอย่างมีเชิง!”ดีแลนพูด
คนอื่นงุนงง
ช่างเป็นวิธีอธิบายที่แสนสร้างสรรค์
แต่ทว่า การทำตัวแปลกๆเป็นอีกเรื่อง แต่พวกเขาต้องยอมรับว่าดีแลนพูดสมเหตุสมผล
มีแคาสองทางเลือก ถ้าพวกเขาอยากเป็นอิสระ พวกเขาต้องเข้าร่วมสมาคมและปล่อยให้สัคง โดยเฉพาะสามอารยธรรมจักรวาลรู้ถึงตัวตนพวกเขา แบบนี้ พวกเขาจะผูกติดกับสมาคมผู้อยู่เหนือ
ถ้าพวกเขาเลือกอยู่ในเพอำนวย ไม่มีใครจะรู้ถึงการดำรงอยู่ของพวกเขา ต่อให้การกวาดล้างเกิด พวกเขาจะไม่เสี่ยง
ปลอดภัยหรืออิสระ ไม่มีทางเลือกอื่น..ถ้าพวกเขาคิดลับๆ พวกเขาน่าจะแอบหนีกลับโลงศพ
พวกเขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
คนส่วนใหญ่อยากซ่อนตัวในเทพอำนวยพวกเขายอมเสียอิสรภาพในบางครั้ง แต่ก็ดีกว่าการสูญเสียชีวิตที่สอง ถ้าการทำงานหนักของสมาคมผู้อยู่เหนือจ่ายผลตอบแทน พวกเขาสามารถเพลิดเพลินกับผลแห่งชัยชนะได้ ถ้าสมาคมล้มเหลว พวกเขาก็ยังปลอดภัย
หานเซี่ยวเห็นควาามลังเลของพวกเขารู้ว่าที่เขาพูดมีผล เขาจึงลอบดีใจ
แต่ทว่า ครั้งนี้ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ทำไมเราต้องยอมรับเงื่อนไขเข้มงวดเช่นนี้?ทุกคน อีกฝ่ายมีกันเยอะ แต่เราก็มีไม่น้อย ทำไมเราต้องทำงานร่วมกันด้วย ออกไปจากที่นี่กัน?พวกมันไม่สามารถหยุดเรากันได้หมดหรอก ทุกคนจะเป็นอิสระ!”
ทันทีที่ความคิดยั่วยุนี้เกิดขึ้น สีหน้าของหลายคนก็เปลี่ยนไป
ใบหน้าของหานเซี่ยวดำมืด เขามองไปทางแหล่งเสียง
“ดี ฉันคิดว่าปัญหาจะคลี่คลายได้อย่างราบรื่นซะอีก แต่ดูเหมือนจะมีบางคนที่ต้องการการปรับทัศนคติ”
