เป่ยเฟิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติตัวเอง เขาได้แต่ยินดีในความโชคดีของตัวเอง เขารอดชีวิตมาได้เพราะกลัวว่าจะมีชะตากรรมเหมือนคนที่ถูกสายฟ้าในจุดเริ่มต้นในขณะที่พวกเขากำลังทะลวงระดับ
สายฟ้ามันแตกต่างจากตอนที่เกิดทัณฑ์สวรรค์ของเคอร์เบอรอส แม้ว่ามันจะเป็นสายฟ้าคล้ายกันแต่ของเคอร์เบอรอสมันคือสายฟ้าที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตที่ว่าผู้ที่โดนทัณฑ์สวรรค์สามารถต้านทานมันได้คน ๆ นั่นก็จะอาศัยพลังชีวิตจากสายฟ้าเพื่อเพิ่มพลังของตัวเองได้มากขึ้น
แต่ทว่าสายฟ้าที่ปรากฏเหนือหัวพวกเขา มันไม่เหมือนกัน มันไม่ใช่สายฟ้าที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต แต่มันเป็นสายฟ้าที่เต็มไปด้วยการทำลาย !
เป่ยเฟิงหยิบตำราออกมาจากแท่นหิน วัสดุที่ใช้ทำมันไม่ใช่กระดาษ แต่มันคือหนังของสัตว์บางอย่าง มันขาวราวกับหิมะ
มีตัวอักษรสีเงินจำนวนมากอยู่บนหนังทำให้มันดูราวมันคือตำราศักดิ์สิทธิ์
“ดิ๊ง ! สมบัติระดับจันทราระดับ 3 ! หยินหยาง ! (นี้คือมรดกจากสำนักหยินหยางจากสำนักร้อยความคิด: ตำราเล่มนี้เต็มไปด้วยเคล็ดการฝึกฝน ทักษะต่อสู้และวิชาต่าง ๆ จำนวนมาก โรงเรียนหยินหยางมีคำสอนไว้ว่า 5 ธาตุก่อการพัฒนาจากนั้นก็เกิดเป็นจักรวาลของหลักเหตุผลของธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลง) ประสบการณ์ที่ได้รับ : 0 แต้ม !”
“หืม ? สำนักหยินหยาง !”
ดวงตาของเป่ยเฟิงเต็มไปด้วยความตกใจ ในตอนที่ราชวงศ์ฉินกำลังต่อสู้กับรัฐทั้ง 6 สำนักหยินหยางเองก็มีส่วนร่วมอยู่ในประวัติศาสตร์ สำนักร้อยความคิดหรือสำนักหยินหยางมันเต็มไปด้วยความลึกลับ ! ความแข็งแกร่งของพวกเขามันยากที่จะจินตนาการได้ !
“สำนักหยินหยางทิ้งมรดกบางส่วนไว้ที่นี่ ดูเหมือนพวกเขาเองก็ยังมีความสงสัยเกี่ยวกับการออกไปจากโลกใบนี้เหมือนกัน”
เป่ยเฟิงคิดไว้บางทีสำนักหยินหยางที่ตั้งใจจะทิ้งมรดกเอาไว้ก็ป้องกันเผื่อพวกเขาไม่สามารถออกไปได้
แต่ทว่าในปัจจุบัน มีไม่กี่คนจากสำนักหยินหยางที่ยังคงมีชีวิตรอดอยู่และพวกเขาแต่ละคนก็เต็มไปด้วยความขมขื่นในชีวิต คนจากสำนักหยินหยางจำนวนมากถูกฝังไปตามทะเลทรายแห่งประวัติศาสตร์
นี่เป็นสิ่งที่สำนักหยินหยางทิ้งเอาไว้ก่อนจะหนีไป หลังจากราชวงศ์ฉินได้จากไปแล้วสำนักหยินหยางก็ถูกทำลายลงด้วยเช่นกัน หลังจากผ่านไปหลายชั่วอายุคนมันก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ถูกยกย่องเนื่องจากมาจากสำนักหยินหยาง
ตรงกันข้ามกับพวกนักดาราศาตร์ของต่างประเทศ คนพวกนั้นเป็นนักโหราศาสตร์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในประวัติศาสตร์และพวกเขาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสำนักหยินหยางแม้แต่น้อย !
เป่ยเฟิงเก็บตำราลงไปในแหวน ตำราเล่มนี้ถือว่าเป็นสมบัติของเขาแล้ว มันจะช่วยทำให้เทพเจ้าแห่งดวงดาวของเขาแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน
“แกร๊ก !”
เสียงเหมือนโซ่แตกจากนั้นบันไดที่อยู่ข้างล่างก็เผยออกมาให้เห็น
เป่ยเฟิงเดินลงไปด้านล่าง ไข่มุกขนาดเล็กเท่ากำปั้นประดับอยู่ 2 ข้างทางคอยส่องแสงสีขาวออกมามันเลยทำให้เขาไม่ต้องกังวลว่าจะมองอะไรไม่เห็น
ด้านล่างมีแผ่นดิน ตรงขอบมันแผ่นดินเต็มไปด้วยฉีแห่งความตายที่รุนแรงมาก
บันไดใต้เท้าของเป่ยเฟิงกว้างเพียง 1 เมตรและไม่มีสิ่งใดยึดมันไว้เลยทั้ง 2 ด้าน มันดูเหมือนบันไดลอยอยู่กลางอากาศและมีเพียงด้านบนและล่างที่เชื่อมกันเท่านั้น
บันไดที่เขาเดินลงไปไม่ใช่ว่ามีเพียงของเขาคนเดียว มองออกไปรอบ ๆ ก็จะเห็นบันไดอีกจำนวนมากที่มีคนกำลังเดินลงไป !
บันไดด้านหนึ่งมีช้างเผือกสูงหลายร้อยจางที่ลำตัวเปล่งประกายแสงสีทองสดใสออกมา มันเดินลงบันไดด้วยความระมัดระวัง มันจึงสามารถบอกได้เลยว่าบันไดแข็งแรงแค่ไหน !
เมื่อเป่ยเฟิงลงมาถึงด้านล่างเขาก็พบว่าไม่ได้มีเขาคนเดียว ด้านล่างแผ่นดินตรงนี้เต็มไปด้วยมนุษย์และสัตว์อสูรจำนวนมาก
ทุกประเทศสูญเสียคนของพวกเขาไปจำนวนมาก ประเทศจีนมีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์กว่าร้อยคนและผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งก้าวสวรรค์อีกสิบกว่าคน แต่ทว่าตอนนี้เหลือเพียงผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์เพียง 16 คนซึ้งรวมหนูและหมาไปแล้ว …
ใน 16 คนมี 3 คนที่เป่ยเฟิงไม่รู้จัก ส่วนคนอื่น ๆ เขารู้จักเล็กน้อย
“เจ้านาย ลึกลับที่ 1 ยังไม่ออกมา” ไป๋เซียงพูดด้วยความกังวลเมื่อเห็นเป่ยเฟิง
“รออีกหน่อย ยังมีเวลาอยู่”
เป่ยเฟิงรู้สึกซับซ้อนแปลก ๆ เนื่องจากเขาไม่รู้ว่ากับลึกลับที่ 1 แล้วสำหรับเขาเธอเป็นอะไร ? มันก็แค่ …
ในขณะที่เขาถอนหายใจอยู่ เขาก็หันไปรอบ ๆ และเห็นว่าไม่เจอฉินวูฟ่าและฉินวูรง มันทำให้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะช่วยทุกคน พวกเขาทำได้แค่พึ่งพาตัวเองเท่านั้น
เคอร์เบอรอสนอนอยู่บนพื้นและเลียแผลของมันช้า ๆ แผลบนหน้าอกของมันน่ากลัวมาก มันเผยให้เห็นเลือดและเนื้อที่เกือบจะแยกมันเป็น 2 ส่วนได้ !
เป่ยเฟิงนำสมุนไพรและยาล้ำค่าจำนวนมากออกมาและมอบให้มัน
ความแข็งแกร่งของเคอร์เบอรอสไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิงวู่ แต่มันก็ยังบาดเจ็บอย่างหนัก ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงลึกลับที่ 1 เลย
พลังของลึกลับที่ 1 อ่อนแอที่สุดและเธอมีพลังเพียงระดับสวรรค์ขั้นต้นขั้นสูงสุดเท่านั้น เพียงแค่การเอาชนะหุ่นเชิดที่มีพลังไม่ต่างกับเธอมากนักในเวลา 1 นาทีมันก็ยากมากแล้วสำหรับเธอ
หากเธอไม่สามารถหาวิธีเอาชนะมันได้ เธออาจจะต้องตายเพราะอ่อนแอเกินไป !
ฉินวูฟ่ามีพลังระดับสวรรค์ขั้นต้นระดับสูงสุด แต่เขาไม่น่าจะมีปัญหาในการผ่านด่านแรก แต่ทว่ามันต้องเกิดบางอย่างขึ้นทำให้เขายังไม่ปรากฏตัว
คนที่เขาไม่รู้จักคือลามะชราและอีกคนที่เหมือนชาวทิเบต คนสุดท้ายก็คือชายชราที่อยู่ในชุดเต๋า แม้ว่าเขาจะดูอ่อนแอแต่สามารถมองเห็นพลังชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวในร่างของเขาได้ !
หนูจากภูเขามังกรเสือ ฉิงจีวูวู่มีพลังเกือบเท่าหลิงวู่ มันมองไปข้างหน้าด้วยสายตาว่างเปล่าและโดดเดี่ยว
“สหายเต๋า ไม่เจอกันนานไม่รู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนแล้ว ? ว่าแต่เจ้าเจออะไรมา ?”
หลิงวู่เดินไปหาเป่ยเฟิงพร้อมกับรอยยิ้มบนหน้า เขาไม่ได้มีจุดประสงค์ใด ๆ เพียงแค่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ดี ๆ กับเป่ยเฟิง ส่วน 12 ปีศาจคุนหลุนในตอนนี้สูญเสียอย่างหนักเพราะตอนนี้เหลืออยู่เพียงแค่ 2 คนเท่านั้น
“ฉันเจอกับเขาวงกต กว่าจะออกมาได้มันลำบากมาก”
เป่ยเฟิงไม่เต็มใจที่จะเผยข้อมูลทั้งหมด
“ไม่เป็นไร”
ทั้ง 2 พูดคุยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เรื่องที่พวกเขาได้อะไรมานั้นไม่มีใครพูดถึง ในไม่ช้าเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
จากผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์เกือบ 2,000 คนที่เข้ามาในสุสาน ตอนนี้เหลืออยู่เพียง 500 กว่าคนเท่านั้น !
ฝ่ายวาติกันยังคงเป็นฝ่ายที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขามีผู้เชี่ยวชาญหลงเหลืออยู่กว่า 40 คนที่ยังยืนอยู่รอบล้อมพระสันตะปาปา
จำนวนของสัตว์อสูรเองก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนมีมากกว่าพันตัว หนึ่งในสามของทั้งหมดเป็นสัตว์อสูรที่มีพลังระดับว่างเปล่า !
ในหมู่พวกมันมีราชาสัตว์อสูร 2 ตัวนั้นก็คือลิงน้ำและปีศาจแห่งภัยพิบัติ !
จำนวนของสัตว์อสูรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และความแข็งแกร่งของกลุ่มสัตว์อสูรก็สูงขึ้นตาม
แต่ทว่าทั้ง 2 ฝ่ายกลับไม่มีฝ่ายใดคิดจะเปิดประเด็นสงครามแม้แต่น้อย ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดของทั้ง 2 ฝ่ายคือการออกไปจากที่นี่ให้ได้ ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรรออยู่ข้างหน้า ดังนั้นทั้ง 2 ฝ่ายจึงสงบเสงียมในขณะเดียวกันก็ร่วมแรงร่วมใจจัดการกับสิ่งที่กำลังปรากฏออกมาดีกว่า
“บูม !”
อากาศจำนวนมากพุ่งมาหาพวกเขาและแผ่นดินเองก็เริ่มสั่น !
ทุกคนรู้สึกราวกับนั่งอยู่บนเรือเล็ก ๆ ท่ามกลางพายุ !
“อะไรกัน ?”
“เกิดอะไรขึ้น ?”
“เร็ว ดูนั่น !”
เสียงตะโกนพร้อมกับแรงกดดันที่น่าตกใจปรากฏขึ้น แรงกดดันมันราวกับคลื่นยักษ์ที่โผล่ออกมาจากมหาสมุทรและพร้อมจะกลืนกินทุกสรรพสิ่ง !
จิตสังหารจำนวนมากค่อ ๆ โผล่ออกมาจากระยะไกลก่อนจะครอบคลุมชั้นฟ้าและโลกและเปลี่ยนให้มันเป็นสีแดงเข้มราวกับตกอยู่ในความมืดมิด !
“อ๊ากกก !”
แสงศักดิ์สิทธิ์เปล่งออกมาจากดวงตาพระสันตะปาปาจากนั้นเขาก็มองไปทิศที่รู้สึกถึงจิตสังหาร แต่ในไม่ช้าเขาก็ร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับแสงศักดิ์สิทธิ์ที่หายไปตามมาด้วยเลือดที่ค่อย ๆ ไหลออกมาจากดวงตาทั้ง 2 ข้างของเขา
ปีศาจแห่งภัยพิบัติและลิงน้ำคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความหวาดกลัว ความเย่อหยิ่งและเก่งกล้าก่อนหน้านี้ที่มันสวมไว้บนใบหน้าไม่หลงเหลืออีกแล้ว
“ดูเหมือนข้าจะเกิดมาผิดยุค … น่าเสียดายจริง ๆ ที่ไม่ได้เห็นท่านผู้นั้นกับตาตัวเอง !”
ใบหน้าของหวังวูหยูเต็มไปด้วยความเศร้าใจ เขาถอนหายใจและพูดกับตัวเอง เขารู้สึกได้ว่าเขาเทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวของฉินฉื่อหฺวังตี้
“เจ้าบอกว่าเจ้าไม่มีชุดใส่ ? งั้นข้าจะแบ่งเสื้อคลุมให้เจ้า ! บุตรแห่งสวรรค์ส่งกองทัพออกมาเพื่อสู้ ซ่อมขวานและหอกของพวกเจ้าจากนั้นก็ไปขับไล่ศัตรูซะ !”
“เจ้าบอกว่าเจ้าไม่มีชุดใส่ ? งั้นข้าจะแบ่งชุดเกราะให้เจ้า ! บุตรแห่งสวรรค์ส่งกองทัพออกมาเพื่อสู้ ซ่อมเกราะและอาวุธของพวกเจ้าและเดินทัพไปพร้อมกับพวกเราเถิด”
เสียงที่เปล่งออกมาชัดเจนและเรียบเรียงกลายมาเป็นบทเพลงแห่งสงคราม มันดังก้องผ่านอากาศพร้อมกับเสียงกึกก้องของเหล็กและม้าศึก
“ปัง !”
เสียงดังสนั่นในหัวใจทุกคน พวกเขารู้สึกว่าตัวเองได้ย้อนเวลามายังยุคราชวงศ์ฉิน – บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยบทเพลงแห่งสงคราม มันคือช่วงเวลาอันรุ่งเรืองของสำนักร้อยความคิด !
ภาพของกองทัพฉินที่ยิ่งใหญ่เดินข้ามดินแดนเพื่อไล่ฆ่าสัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วน สังหารทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นภูติผีปีศาจและวิญญาณ แม้กระทั่งเทวดาก็ยังรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นพวกเขา ฝูงชนในตอนนี้ตกอยู่ในความเงียบราวกับกลุ่มจักจั่นในฤดูหนาวที่ทำตัวนิ่ง ๆ และเหมือนเด็กประถมที่กำลังรอครูพูด
กองทัพของราชวงศ์ฉินที่เต็มไปด้วยทหาร 3,000 คนปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขา กลิ่นอายแห่งความตายยังคงครอบคลุมไปทั่วร่างกายของพวกเขาพร้อมกับจิตสังหารที่กระจายออกมาจากพวกเขา !
เลือดของพวกเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาลราวกับไม่มีทางเย็นลงได้ !
เมื่อทหาร 3,000 คนปรากฏตรงหน้าทุกคนก็ตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครขยับแม้แต่น้อย
“พวกนอกเผ่าพันธุ์ ? ฆ่า !”
เสียงคำสั่งดังขึ้นจากนายพลที่ยืนอยู่หน้ากองทัพ !
ทหารเหล่านี้ไม่รู้ว่าพวกเขาตายไปแล้ว หรือถึงจะรู้แต่พวกเขาก็ไปไหนไม่ได้ ! เนื่องจากเจตจำนงของพวกเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมพิเศษทำให้พวกเขาไม่ได้หายไปไหน
เสียงตะโกนของนายพลเต็มไปด้วยพลังอำนาจ หลาย ๆ คนรวมไปถึงสัตว์อสูรหลายตัวที่พลังจิตไม่กล้าแกร่งพอสลบลงทันที คนที่โชคดีหน่อยก็อาจจะแค่สลบไป แต่คนที่จิตใจอ่อนแอเกินไปพวกเขาจะกลายเป็นคนบ้าทันทีที่ตื่นขึ้นมา !
ในเวลาเดียวกัน ใบหน้าของพระสันตะปาปาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธ เช่นเดียวกันผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอื่น ๆ ในโลก ทุกคนกำลังสบถอย่างแรง !
พวกเขาเพิ่งมาถึงหลังจากใช้พลังออกไปมาก แต่ตอนนี้พวกแกกลับบอกว่าพวกเราเป็นพวกนอกเผ่าพันธุ์และพวกเราต้องถูกฆ่า ? พวกแกดูยังไงว่าพวกเราเป็นพวกนอกเผ่าพันธุ์ ? แกบ้าไปแล้ว ? พวกแกคิดบ้าอะไรอยู่ ?
“ทุกท่าน มารวมตัวกันที่ข้า ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าพวกที่ตายไปแล้วเหล่านี้จะมีพลังเหมือนดั่งเช่นกาลก่อน !”
ในไม่ช้าพระสันตะปาปาก็สงบสติได้จากนั้นก็กลับมายังภาพลักษณ์ก่อนหน้านี้ของเขา !
สุสานแห่นี้คือความหวังสุดท้ายของทุกคนที่ต้องการหนีไปจากโลกใบนี้ หลังจากเสียคนไปจำนวนมากมันทำให้พวกเขาไม่อยากจะล้มเลิกจนกว่าจะถึงตอนจบ ! พวกเขาไม่มีทางเลือก !
ผู้เชี่ยวชาญที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่คนโง่ ทหารตรงหน้าเห็นได้ชัดว่าไม่ได้สนใจพวกเขา พวกเขาจึงทำเพียงมองไปยังพวกวาติกันเท่านั้น
ผู้ฝึกตนของจีนและสัตว์อสูรของจีนเองก็ไม่ได้มีท่าทีขยับไปไหน มันราวกับพวกเขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
เนื่องจากทหารเหล่านั้นบอกว่าต้องการฆ่าพวกนอกเผ่าพันธุ์ มันไม่มีอะไรเกี่ยวกับพวกเราซักหน่อย
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ทำอะไร ทหารของราชวงศ์ฉินก็เริ่มเคลื่อนไหว ความแข็งแกร่งของทหารทุกคนน่าสะพรึงกลัวมาก ไม่มีคนใดที่อ่อนแอกว่าระดับเซียนเทียนเลยซักคน !
นายพลที่เป็นผู้นำเองก็มีพลังระดับว่างเปล่า นอกจากนี้แม้ว่าจะเห็นว่าตรงหน้ามีผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์หลายร้อยคน เขาก็ไม่มีท่าทีลังเลหรือการถอยทัพใด ๆ แต่พวกเขาพุ่งไปหากลุ่มผู้เชี่ยวชาญทันที