เป่ยเฟิงไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวขนาดนี้มาก่อน เพียงแค่ดวงตาของมันก็ทำให้เขาบาดเจ็บหนักแม้ว่าจะอยู่คนละโลก ดูเหมือนใครก็ตามที่เผลอไปจ้องดวงตาของมันคงจะหลีกเลี่ยงแบบเขาไม่ได้
นอกเหนือจากหุ่นทองแดงในสุสานจักรพรรดิฉินแล้ว นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่เขาเคยเห็น !
“นี้มันนรกอะไรกัน ?”
ความคิดของเป่ยเฟิงเต็มไปด้วยความสับสน เขาในตอนนี้ค่อย ๆ ขยับสายอย่างระมัดระวัง
ในช่วงเวลาที่งูยักษ์ตื่นขึ้นมา มันทำให้ร่างกายของคนในเหมืองแข็งค้าง ทุกคนสูญเสียความคิดต่าง ๆ ทันที
และเมื่อสายตาสีเงินนั้นกระพริบ จิตสำนึกของพวกเขาก็เผลอมองมันและนั้นก็ทำให้คนธรรมดา ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ร่างกายระเบิดกลายเป็นหมอกเลือด !
มีผู้คนหลายแสนคนตายด้วยเวลาเพียงเสี้ยววินาที หมอกเลือดหนา ๆ มันกระจายไปในเหมืองจนทำให้เหมืองราวกับนรกเลือด !
เมื่อสูดลมหายใจเข้าไปก็จะทำให้รู้สึกได้ถึงกลิ่นเลือดที่เต็มปอด กลิ่นเหม็นของเลือดที่หนาแน่นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่อ้วกออกมา
งูยักษ์ไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ ไม่มีพลังชีวิตใด ๆ แผ่ออกมาจากร่างของมันอีก มันราวกับมนุษย์ตรงหน้ามันอ่อนแอเกินไปจนถึงขนาดไม่สามารถอดทนได้แม้แต่การจ้องมองของมัน !
หลังจากที่มันวิวัฒนาการไปถึงระดับสูงสุดแล้ว แม้ว่าจะด้อยกว่ามังกร แต่มันก็ยังคงเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรที่ทรงพลังที่สุด !
ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความสับสน ราวกับว่ามันอยากจะนอนต่อ ดูเหมือนว่าเวลาส่วนใหญ่ของมันจะเป็นการนอน !
แน่นอนว่ามันเห็นสายเบ็ดและตะขอลอยอยู่ตรงหน้า แต่สิ่งเล็ก ๆ เช่นนี้มันไม่สนใจแม้แต่น้อย หางยาว ๆ ของมันขยับไปมาราวกับมันเริ่มยืดตัวไปมา
ร่างกายที่ยาวและอ้วนของมันขยับตัวครั้งแรกในรอบหลายปี การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งของมันทำให้ทั้งภูเขาถึงกับสั่นไหว
ทันทีที่มันขยับตัว ศิษย์สายในกว่า 1 ใน 3 ที่หลงเหลืออยู่ก็กรีดร้องออกมาด้วยความทรมานจากนั้นก็ระเบิดกลายเป็นหมอกเลือด
งูยักษ์มันเพียงแค่ขยับร่างกายเบา ๆ เท่านั้น แต่การเคลื่อนไหวของมันกลับทำให้สวรรค์และโลกต้องสั่นสะเทือน เหล่าศิษย์สายในบางคนที่แข็งแกร่งพอที่ยังมีชีวิตรอดเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
มีเพียงผู้อาวุโสของนิกายอย่างฮานซินที่แทบไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ อย่างไรก็ตามเขาเหมือนเด็กโง่ที่เรียนอยู่ในชั้นเรียนเด็กสติปัญญาต่ำที่กำลังทำความเข้าใจกับสิ่งที่ครูสอน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำมูกและน้ำตา
เนื่องจากเขามีพลังฝึกฝนอยู่ในระดับสูงจึงเข้าใจได้ดีว่างูตัวนี้น่ากลัวแค่ไหน แม้แต่เหล่าศิษย์สายในที่รอดชีวิตก็เข้าใจได้เช่นกันว่ามันแข็งแกร่งขนาดไหน แต่พวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันแข็งแกร่งจนมีพลังระดับไหน
แต่ผู้อาวุโสฮานนั้นแตกต่างออกไป เนื่องจากเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่ยังยืนอยู่ เขาจึงรู้ได้ว่างูตัวนี้ก็เหมือนสวรรค์ ส่วนเขาก็เหมือนมดที่มันไม่สนใจแม้แต่จะบดขยี้พวกเขา !
“ฮ่าฮ่า ! โชคดีจริง ๆ ! ที่นี่เต็มไปด้วยสมบัติธรรมชาติ !”
“พี่ใหญ่หม่า ขอแสดงความยินดีกับการตัดผ่านระดับด้วย ไม่น่าเชื่อเลยว่าเพียงแค่ครึ่งปีท่านก็ทำสำเร็จ !”
“การเดินทางมาครั้งนี้คุ้มค่าจริง ๆ ถึงแม้ข้าจะโชคดีที่ได้ยาจิตวิญญาณที่ดีที่สุดมา แต่พวกเจ้าก็ยังได้ยารักษาและสมุนไพรจิตวิญญาณได้เยอะเช่นกันนี้”
“ขอแค่เพียงได้ดื่มน้ำสมุนไพรนั้น เวลาที่ใช้ฝึกฝนของพวกเราก็จะก้าวหน้าขึ้นไปอีก 10 ปี !”
ในขณะที่ผู้อาวุโสฮานและศิษย์สายคนที่เหลือกำลังตกอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานก็ดังออกมาจากด้านหน้าถ้ำ
กลุ่มศิษย์เหล่านี้คือกลุ่มที่เดินเข้าไปเอาสมบัติก่อนที่ด้านนอกถ้ำจะเกิดการระเบิดขึ้น
“เอ๋ ? ผู้อาวุโสฮาน เกิดอะไรขึ้นกับท่าน ?”
ทันทีที่พวกเขาเดินออกมาจากถ้ำ สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นคือผู้อาวุโสฮานและคนอื่น ๆ ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ
“งะ งะ งู .. !”
เสียงของเขาสั่นมาก
“เล่าหลิว ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะตำหนิเจ้าหรอกนะ แต่พลังของเจ้าสูงกว่าเดิมแล้วทำไมเจ้ายังพูดติดอ่างอีก ? หรือว่าเจ้ายังไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องชอบพูดติดอ้างอีกแม้ว่าจะผ่านมานานแล้ว ? ห๊า ?”
เมื่อเห็นว่ามีคนตรงหน้ากำลังพูดติดอ่าง มันช่วยไม่ได้ที่จะมีพี่ใหญ่หม่าจะพูดแกล้งเขา
“พี่ใหญ่หม่า ข้างหลังท่าน !” เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกเรียกว่าเล่าหลิวตะโกนด้วยความโกรธ เขารวบรวมพลังและพูดขึ้นมาด้วยพลังทั้งหมด
“เอ๊ะ ?”
พี่ใหญ่หม่าขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ จากนั้นเขาก็กระจายพลังจิตออกไปรอบ ๆ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 10,000 เมตร !
ก่อนที่เขาจะได้รับสมบัติธรรมชาติ พลังจิตของเขาครอบคลุมได้เพียง 5,000 เมตรเท่านั้น แต่เมื่อเขาสามารถตัดผ่านระดับได้ทำให้พลังจิตของเขาเพิ่มมากขึ้น
แต่ทันทีที่พลังจิตของเขาแผ่กระจายออกไปไกล ใบหน้าของพี่ใหญ่หม่าก็เต็มไปด้วยความน่าเกลียด เขา ‘เห็น’ หัวขนาดมหึมา !
พลังจิตของเขากระจายออกไปได้ไกลกว่า 10,000 เมตร แต่มันกลับไม่สามารถมองเห็นได้ทั้งหัว !
และเมื่อคิดดี ๆ เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ที่ไหน เขากำลังยืนอยู่ตรงด้านนอกจมูกของหัวขนาดใหญ่นั้น !
เมื่อพลังจิตของเขาค่อย ๆ สำรวจไปอย่างช้า ๆ ทันใดนั้นเขาก็เห็นกับดวงตาของมัน ดวงตาสีเงินขนาดใหญ่ของมันค่อย ๆ ตราตรึงอยู่ในจิตใจของเขา
และเมื่อพลังจิตของเขาได้ตราตรึงมันเอาไว้แล้ว พลังจิตของเขาก็เริ่มแตกสลาย
‘งั้นแปลว่าถ้ำที่เราเข้ามาก่อนหน้านี้เป็นเพียงรูจมูกของสัตว์ตัวนั้น งั้น ‘ยาจิตวิญญาณสีดำ’ ที่ข้ากินไปนั้นคือขึ้มูกของมัน ?’
ไม่ทันได้มีเวลาคิดหรือความกลัวปรากฏ สิ่งสุดท้ายที่พี่ใหญ่หม่าคิดนั้นคือการได้รับว่าเขากินอะไรลงไป ในขณะเดียวกันร่างกายของเขาก็ค่อย ๆ แห้งเหี่ยวราวกับมัมมี่ที่อยู่มานานหลายพันปี
เลือดที่เป็นแก่นแท้ของเขาถูกเผาไหม้ไปจนหมด จิตวิญญาณของเขาก็แตกสลายด้วยเช่นกัน
ส่วนคนที่ยังมีชีวิตอยู่บางคนก็ค่อย ๆ ระเบิดกลายเป็นหมอก บางคนก็เริ่มสูญเสียความรู้และกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไป
“ฟ่ออ !”
งูสีเงินตัวเล็ก ๆ โผล่หัวออกมาจากหน้าท้องของงูยักษ์ ร่างของมันมีสีเงินขาวทั้งตัว แต่เสียงร้องของมันกลับเหมือนเสียงร้องของสายฟ้าสวรรค์
งูยักษ์ขยับตัวเบา ๆ และเมื่อดวงตาของมันเห็นงูตัวเล็ก ๆ ทั้ง 3 จากสายตาเย็นชาที่ไม่แยแสสิ่งใดก็แปรเปลี่ยนเป็นความรักที่หามิได้
งูตัวน้อยทั้ง 3 เคลื่อนที่เร็วมาก มันพุ่งออกมาแล้วพุ่งทะลุหัวใจของคนที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ !
ทุกคนที่ยืนอยู่คือศิษย์สายในที่สามารถฆ่างูตัวเล็กนี้ได้สบาย ๆ แต่เพราะพวกเขาไม่สามารถขยับตัวหรือทำอะไรได้เลยทำให้พวกเขาไม่สามารถหยุดยั้งงูตัวเล็กนี้ได้
หลุมเล็ก ๆ ปรากฏบนร่างของพวกเขา มันไม่มีเลือดใด ๆ ไหลออกมาเลย ใบหน้าของพวกเขาซีดลงจนปราศจากสีแดงใด ๆ ราวกับเลือดในร่าของพวกเขาทั้งหมดถูกดูดหายไป
“ฟ่อ !”
เสียงร้องดังขึ้น 3 ครั้ง จากนั้นงูตัวเล็กทั้ง 3 ตัวก็ขยายร่างใหญ่กว่า 10 เมตรแล้วยกร่างกายหนึ่งในคนที่ยืนอยู่ขึ้นมา ปากของมันราวกับหลุมดำเล็ก ๆ แรงดูดของมันเพียงครั้งเดียวก็ดูดกลืนร่างมนุษย์ไปได้ทั้งร่าง
หลังจากนั้นมันก็อ้าปากแล้วหมอกเลือดหนา ๆ ในถ้ำก็เริ่มไหลเข้าไปในปากมัน ลมหายใจในแต่ละครั้งได้ดูดหมอกเลือดไปจำนวนมาก ในไม่ช้าหมอกเลือดก็หายไปจนหมด หลงเหลือแต่เพียงความรู้สึกที่น่ากลัวที่หลงเหลืออยู่ในเหมือง
หลังจากดูดทุกอย่างจนหมดแล้ว เจ้างูน้อยก็หดตัวลงแล้วคลานไปที่ปากของงูยักษ์
“ตุ้บ !”
งูยักษ์เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง และเมื่อมันเคลื่อนไหว มันราวกับโลกและสวรรค์ถูกแยกออกจากกัน รอยแยกขนาดใหญ่ยาวหลายหมื่นลี้ฉีกขาดออกจากพื้นดินเมื่องูยักษ์พุ่งออกมา
เบ็ดตกปลาของเป่ยเฟิงเองก็อยู่ข้าง ๆ งูยักษ์ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นว่ามีแสงสีเงินที่ดูไม่มีสิ้นสุดพุ่งผ่านตะขอไป เขากลัวว่าตะขอของเขาจะไปติดกับบางอย่างของมันเข้า
เป่ยเฟิงพยายามสุดความสามารถในการเลื่อนตะขอออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากตะขอไปเกี่ยวกับสัตว์อสูรตัวนี้เข้า มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะหยุดมันได้และเผลอ ๆ อาจจะไม่มีทางเป็นไปได้ด้วยซ้ำ
“ถึงข้าจะไม่ได้ตกปลามานาน แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเริ่มต้นแบบนี้เลย ทำไมถึงเป็นแบบนี้กัน ?”
เป่ยเฟิงรู้สึกเศร้ามาก สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่นั่นเขาไม่กล้าแม้แต่คิดจะตกมันขึ้นมา เขาอยากได้เพียงปลาระดับต่ำแต่ใครจะไปคิดกันว่าหนีอะไรได้อย่างนั้น ! นกสิบตัวในป่าก็ยังสู้นกในมือตัวเดียวไม่ได้
มองไปที่ร่างที่ยาวไม่มีที่สิ้นสุดของงูยักษ์ เป่ยเฟิงอ้าปากค้างตั้งแต่เริ่มเห็นร่างของมันผ่านตะขอของเขาไป
“ร่างของมันยังใหญ่ขนาดนี้ งั้นสัตว์อสูรตัวนี้จะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ?” เป่ยเฟิงสงสัยอย่างมาก แม้ว่าสัตว์อสูรตัวนี้จะไม่ธรรมดา แต่ในบรรดาคุณสมบัติพิเศษของสัตว์อสูรแล้ว มีคำกล่าวเอาไว้ว่ายิ่งร่างของมันใหญ่ขนาดไหน พลังของมันก็ยิ่งสูงมากขึ้น และด้วยร่างขนาดมหึมาของมัน เป็นไปได้ไหมว่าเพียงแค่ร่างกายของมันก็สามารถใช้กลิ้งทับผู้เชี่ยวชาญระดับราชาพันปีได้สบาย ๆ !
หลังจากงูยักษ์ได้จากไปแล้ว มันได้หลงเหลือไข่ขนาดใหญ่ที่สูงกว่าพันเมตรเอาไว้ ไข่มันสวยมาก มันปกคลุมไปด้วยลวดลายสีเงินที่สวยงาม ในหมู่พวกนั้นมี 3 ใบที่มีรูเล็ก ๆ อยู่
ไข่ใบที่ใหญ่ที่สุดเหมือนไข่ที่ตายไปแล้ว หากมองใกล้ ๆ จะเห็นได้ถึงรอยแตกขนาดใหญ่มากมายที่อยู่บนผิวของไข่
ไข่อีก 3 ใบก็มีรูขนาดใหญ่เท่าตะเกียบอยู่ ไข่แต่ละใบบนผิวของมันเต็มไปด้วยลวดลายซับซ้อนอย่างมาก
“งั้นไข่พวกนี้ก็เป็นของเจ้าสัตว์อสูรตัวเมื่อกี้ แต่ทำไมไข่มันถึงใหญ่ขนาดนี้กัน ? แล้วไอ้ตัวที่ฟักออกมามันจะมีขนาดไหนกัน ?”
เป่ยเฟิงเต็มไปด้วยความกังวล พลังจิตของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มันก็เหมือนกับคนธรรมดาที่กำลังพยายามจินตนาการว่าจักรพรรดิกินอะไรในแต่ละมื้อ ความแตกต่างของทั้งคู่นั่นมีมากเกินไป
‘สัตว์อสูรตัวใหญ่นั้นก็ไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามันจะกลับมาไหม นอกจากนี้ดูเหมือนไข่นี้จะเป็นลูก ๆ ของมัน ไข่แต่ละใบน่าจะเต็มไปด้วยพลังงานมหาศาลแน่นอน’
เป่ยเฟิงคิดเงียบ ๆ ในขณะพยายามตัดสินใจ
ความคิดแรกของเขาคือการเอาไข่นั้นมา พลังงานในไข่เพียงใบเดียวน่าจะพอที่เขาจะใช้ไปนาน แต่อีกความคิดคือเขากลัวว่างูตัวนั้นจะกลับมา
ยิ่งคิดถึงขนาดของมัน เป่ยเฟิงก็รู้สึกขาอ่อนแรงลง พลังของมันเป็นไปได้ไหมว่าสามารถบินข้ามจักรวาลได้ ?
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เวลาในการตกปลาใกล้หมดลง อย่างไรก็ตามเป่ยเฟิงกลับไม่เห็นเพื่อนตัวใหญ่นั้นจะกลับมา
‘บัดซบ ! ช่างมัน ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของโชคชะตาไป !’
เป่ยเฟิงกัดฟันแน่นและควบคุมตะขอไปเกี่ยวไข่ยักษ์ใบหนึ่ง !
แต่ทันใดนั้นเมื่อเขากำลังจะยก มันกลับเป็นว่าไข่มันกลับหนักมาก คันเบ็ดในมือของเขาเกือบถูกกระชากลงไปด้านล่างในขณะที่เขากำลังจะยกมันขึ้นมา !
เป่ยเฟิงเหมือนโจรที่กำลังจะขโมยได้แต่ก็บาดเจ็บหนักในตอนจบ เขาไม่คิดเลยว่ามันจะหนักขนาดนี้ !
ในขณะเดียวกัน เมื่อเขาดูท่าทีแล้วว่าสัตว์อสูรตัวนั้นไม่กลับมาอีกแน่นอน เขาจึงรีบยกมันขึ้นมาด้วยแรงทั้งหมดโดยไม่ลังเล !
การมองเห็นของเขานั้นมีข้อจำกัด เขามองเห็นได้ไม่ไกลนักทำให้เขาไม่รู้ว่าไข่เหล่านี้มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเก็บเอาไว้ ดังนั้นงูยักษ์จึงไม่มีท่าทีจะสนใจไข่เหล่านี้