ทุกคนต่างสับสนว่าเป่ยเฟิงทำลายขีดจำกัดของเขาได้ยังไงกัน นอกจากนี้ดูเหมือนพลังของเขาในตอนนี้จะสูงมาก
แม้แต่พรสวรรค์ที่ซ่อนเร้นก็ไม่มีทางที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายระดับนั้นได้ หลายคนต้องใช้เวลาเป็นสิบปีหรือตลอดชีวิตเพื่อบรรลุสิ่งที่เป่ยเฟิงทำสำเร็จในเวลาไม่กี่เดือน
พวกเขามองหน้ากันและคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ
“ตัดสินจากท่าทางของท่านพ่อแล้ว ดูเหมือนตระกูลเจิ้งจะไม่อยู่ในสายตาของเขาอีกต่อไป นั่นหมายว่าเขาต้องเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน”
ทุกคนเห็นด้วย
พวกเขารู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถโน้มน้ามเป่ยเฟิงได้อีกต่อไป ท้ายที่สุดแล้วเขาคือคนที่ได้รับการสนับสนุนและเป็นคนสร้างตระกูลหลี่ขึ้นมาเองกับมือ คนอย่างเขาจะไม่มีวันตัดสินใจประมาทแน่นอน
ความคิดเช่นนี้ทำให้ทุกคนเริ่มมั่นใจแล้วว่าไม่มีอะไรให้พวกเขาต้องกัวลอีกต่อไป ตระกูลเจิ้งบัดซบนั้นพวกแกทุกคนถึงเวลาโดนเอาคืนแล้ว คนของตระกูลหลี่ในตอนนี้กำลังเฝ้ารอเป่ยเฟิงจะจัดการตระกูลเจิ้งอย่างไร
ในเวลาเดียวกัน นอกคฤหาสน์ตระกูลหลี่ นักสืบทั้งสิบคนกำลังจ้องมองตระกูลหลี่ด้วยความขึ้เกียจ
“ทำไมเราต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย ? ตระกูลหลี่มันจัดการง่ายจะตาย ทำไมพวกเราต้องมาสอดแนมอะไรแบบนี้ด้วย” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งพูดด้วยท่าทางเบื่อหน่าย
“อย่าได้รู้ไปมากกว่านี้หากไม่อยากตาย ในเมื่อหัวหน้าสั่งมาเราก็ต้องทำตาม แกสงสัยเขา ?” อีกคนพูดด้วยเสียงเย็นชา
“ตระกูลหลี่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากนัก แต่เพราะมีสมาชิกของตระกูลคนหนึ่งกำลังเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ต่างหาก !” หัวหน้าของพวกเขาตอบด้วยน้ำเสียงลึกลับ
“ไม่มีทาง ไม่มีใครในเมืองนี้เคยเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเทียนมู่มานานถึงร้อยปีแล้ว !” อีกคนอุทานออกมาด้วยความตกใจ
มหาวิทยาลัยเทียนมู่คือมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากที่สุด แม้แต่อาจารย์ที่สอนที่นั้นอย่างน้อยต้องเป็นผู้ที่มีพลังระดับราชาพันปี !
“ถ้าเกิดคน ๆ นั้นเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ได้จริง ๆ นั้นไม่เท่ากับว่าเราจะเจอปัญหาเข้าหรอกหรอ ?” อีกคนพูดขึ้น
มันคือมหาวิทยาลัยเทียนมู่ ! ผู้ที่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยนี้ได้จะต้องเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศ นักสืบเหล่านี้รู้ดีว่าเมื่อผู้หญิงคนนั้นเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ได้ เธอจะต้องพยายามหาความโปรดปรานจากคนรอบ ๆ เพื่อมาฆ่าพวกเขาแน่ ๆ !
“แกคิดว่ามันง่ายมากหรือยังไงที่จะเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ เธอก็แค่มีโอกาสเท่านั้น แต่หลี่บู่ฮุยเธอติดหนึ่งในสิบอันดันแรกของเมืองซานชวน ซึ้งเธอได้รับความสนใจจากทางโรงเรียนซานชวนอย่างมาก หากเธอสามารถเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ได้ มันก็จะนำพาความรุ่งโรจน์มาหาโรงเรียน หากไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ตระกูลหลี่คงจบไปนานแล้ว” หัวหน้าของพวกเขาแย้งขึ้น
หากการเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่มันง่ายมากขนาดนั้น คงมีคนจำนวนมากเข้าไปศึกษาในนั้นเป็นหลายแสนคนไปแล้ว
‘ถึงจะว่าแบบนั้นก็เถอะ แต่ทว่านายน้อยกลับจริงจังเรื่องนี้มาก แม้ว่าเธอจะล้มเหลวในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเทียนมู่ แต่หลี่บู่ฮุยก็ยังคงเป็นหญิงสาวที่มากด้วยพรสวรรค์ เธอสามารถนำมาใช้เป็นแม่ของลูกที่มีพรสวรรค์ได้ ! ‘ หัวหน้าทีมคิดกับตัวเอง
“ระวังตัวให้ดี หากมันหมดหวังจริง ๆ แม้แต่กระต่ายก็กัดเป็น” หัวหน้าทีมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฮ่าฮ่า หัวหน้า คุณจริงจังไปหรือเปล่า ? ตระกูลหลี่จะไปกล้าขนาดนั้นได้ยังไง ?”
ชายอีกคนหัวเราะโดยไม่สนใจคนคุ้มกันด้านนอกคฤหาสน์ตระกูลหลี่ที่กำลังโกรธจัด
เมื่อเห็นแบบนั้น เขาก็มองคนเหล่านั้นและตะคอกกลับ “อะไร แกมองหาอะไร หะ ? ตระกูลหลี่ของแกควรจะทำตัวให้ฉลาด ๆ หน่อย แทนที่จะกล่อมให้มิสบู่ฮุยแต่งงานกับนายน้อยซะก็จบเรื่อง”
“ข้าไม่รู้ว่าคุณหนูบู่ฮุยจะต้องแต่งงานกับนายน้อยของแกหรือเปล่า แต่วันนี้ข้ารู้ว่าพวกแกทุกคนต้องตาย !”
ทันใดนั้นเสียงเย็นชาก็ดังออกมาพร้อมกับคนสามคนที่ปรากฎภายใต้แสงจันทร์
นักสืบคนนั้นประหลาดใจมาก “แกกำลังพูดถึงใคร ?”
“ปุก !”
ทั้งสามคนเดินหาเขาพร้อมกับยกแขนขึ้น แขนของพวกเขาแกว่งไปมาจากนั้นก็จัดการเขา นักสืบคนนั้นยังคงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะกล้าฆ่าเขาจริง ๆ
“แกเป็นอะไรไป ? พวกแกเป็นใครกัน ?” นักสืบอีกคนตะโกนขึ้นจากนั้นก็หยิบอาวุธออกมาเมื่อเห็นทั้งสามคนกำลังเดินเข้ามาใกล้
ร่างของหลี่ปู้ปรากฎออกมาจากเงามืดและประกาศตัวเอง “หลี่ปู้จากตระกูลหลี่ !”
“สหายเต๋า มันต้องเป็นการเข้าใจผิดแน่ ๆ ถ้าเจ้าไม่รังเกียจเราสามารถพาเจ้าไปหานายน้อยของเราได้” หัวหน้าทีมพูดด้วยความกลัวเมื่อเห็นดวงตาของหลี่ปู้
“แต่หัวหน้า ! เจ้านั่นมันฆ่าโจวไป๋ !”
นักสืบอีกคนทำเสียงฮึดฮัด ก่อนหน้านี้หัวหน้าของพวกเขากำลังพูดราวกับไม่มีอะไรให้เกรงกลัว แต่ภายใต้การข่มขู่ของอีกฝ่ายเขากลับเสนอที่จะทรยศเจ้านายของตัวเอง !
“หุบปาก !” หัวหน้าตะคอกกลับ เขาไม่รู้ว่าหลี่ปู้เป็นคนประเภทไหน แต่เขารู้สึกได้ว่าสัญชาตญาณของเขากำลังร้องบอกให้รีบหนีไปจากชายอันตรายคนนี้
“พวกมันต้องการฆ่าเราจริง ๆ !” นักสืบอีกคนที่อยู่ห่างออกไปตะโกนขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารแรงกล้าจากดวงตาที่เย็นชาของหลี่ปู้
แม้ว่าทุกคนจะไม่เข้าใจการกระทำของหัวหน้าพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังคงเชื่อฟังและยืนอยู่กับที่
“ข้ารู้ แต่ข้าไม่สน พวกแกทุกคนต้องตาย จำไว้ว่าชีวิตหน้าจงทำตัวให้ฉลาดเข้าไว้”
เป่ยเฟิงยิ้มจนเห็นฟันสีขาว เขาดูน่ากลัวและชั่วร้ายมาก
“วิ่ง หนีเร็ว ! สหายเต๋า เจ้าแน่ใจแล้วงั้นรึที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลเจิ้ง !” หัวหน้าทีมตะโกนด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัดโดยไม่ลืมถอยหลังอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ใช้ชื่อตระกูลเจิ้งเพื่อข่มขู่หลี่ปู้
“ตาย !”
หลี่ปู้ไม่สนใจ เขาต่อยออกไปทางนักสืบคนนั้นทันที
“อ๊ากก !”
“นายน้อยพวกเราไม่ปล่อยแกไปแน่ !”
แม้ว่าหลี่ปู้จะฆ่าโจวไป๋ไป แต่เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะตายได้ง่ายขนาดนี้ เพียงการโจมตีส่ง ๆ ของเขากลับทำให้พวกนักสืบเหล่านี้ไม่สามารถตอบโต้ใด ๆ ได้เลย !
หมัดเพียงหมัดเดียวกลับทำให้พวกเขาเป็นอัมพาตราวกับว่าถูกทำให้กลายเป็นหินด้วยแสงจากเมดูซ่า พวกเขาทำได้เพียงจ้องมองหมัดที่ใกล้เข้ามาเท่านั้น !
หลี่ปู้หัวเราะเบา ๆ จากนั้นเขาก็กระทืบพื้นจนทำให้เกิดรอยแตกกว้างกว่าสิบเมตร !
สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นในไม่ช้าก็ตามมา มีหลายสิบร่างที่กลายเป็นศพนอนอยู่บนพื้น พวกเขาเหมือนศพปกติ แต่ความจริงแล้วอวัยวะภายในทั้งหมดของพวกเขานั้นถูกบดขยี้ !
หลี่ปู้สงบสติและสั่งต่อ “เอาศพพวกนี้ตามข้ามา พวกเราไปคฤหาสน์ตระกูลเจิ้งกัน”
พลังของหลี่ปู้ในตอนนี้มาถึงระดับราชาพันปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจผู้ฝึกตนที่มีพลังเพียงร้อยปีอีกต่อไป มันไม่มีอะไรให้เขาสนใจเสียมากกว่า
“ขอรับ !”
ผู้คุ้มกันอีกสองคนพยักหน้าจากนั้นก็คว้าอากาศ ในไม่ช้าศพทั้งสิบก็ลอยขึ้นจากพื้นแล้วลอยตามหลังหลี่ปู้หายตัวไปในความมืด