Fishing in the Myriad Heavens – ตอนที่ 566

ตอนที่ 566

หลี่ปู้พาคนมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลเจิ้ง ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงหน้าคฤหาสน์ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

ในฐานะตรกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองซานชวน คฤหาสน์ตระกูลเจิ้งนั้นได้ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง

แม้ว่าเมืองซานชวนจะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ประชากรนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองใหญ่ คฤหาสน์ตระกูลเจิ้งดูสะดุดตาเป็นพิเศษเพราะถูกรายล้อมไปด้วยอาคารและตึกจำนวนมากในเมือง

ราคาที่ดินในเขตเมืองนั้นมีราคาสูงมาก แต่คฤหาสน์ตระกูลเจิ้งกับครอบคลุมพื้นที่่ขนาดใหญ่ พื้นที่ของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยสมาชิกของตระกูลและผู้ฝึกตนจำนวนมากที่อยู่อาศัยในที่แห่งนี้

“เป็นที่ดินที่สิ้นเปลืองจริง ๆ” หลี่ปู้หัวเราะเยาะ

คฤหาสน์ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมันต้องมีใช้เงินจำนวนมากเพื่อให้ได้มันมา นอกจากนี้มันไม่ใช่แค่ว่ามีเงินแล้วจะทำได้ โครงสร้างของตัวคฤหาสน์เองก็ดูเหมือนจะสร้างมาจากไม้โบราณชั้นดี นอกจากนี้มันยังมีอาคารเล็ก ๆ รายล้อมตัวคฤหาสน์อีกมากมาย

“โยนร่างพวกมันเข้าไปที่ประตูซะ” หลี่ปู้สั่งเมื่อพวกเขามาถึงคฤหาสน์ตระกูลเจิ้ง

“ขอรับ”

ผู้คุ้มกันที่เดินตามหลังมาพยักหน้า จากนั้นก็โยนซากศพทั้งสิบไปยังหน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลเจิ้ง

“ใครกัน ?”

“แกกล้ามาก !”

ที่ด้านหน้าประตู มีต้นวิลโลว์และรูปปั้นนกอินทรีที่เหมือนจริงอยู่สองตัวที่ถูกแกะสลักจากหินอ่อนสีขาว เมื่อเห็นเงาพุ่งเข้ามากำลังจะพุ่งเข้าชนรูปปั้น คนกลุ่มจำนวนมากก็รีบวิ่งออกมาด้วยความโกรธและเตรียมพร้อมที่จะโจมตีอีกฝ่าย !

“ปัง !”

“ตู้ม !”

“อุก !”

ในไม่ช้าก็มีเสียงกระอักเลือดดังออกมา ผู้คุ้มกันของคฤหาสน์ตระกูลเจิ้งนั้นมีพลังเพียงระดับสองของร้อยปี ซึ้งไม่ได้ใกล้เคียงกับหลี่ปู้และคนของเขาแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นซากศพทั้งสิบกำลังพุ่งเข้ามา ผู้คุ้มกันของประตูก็พยายามที่จะสกัดกั้นศพเหล่านั้น แต่พวกเขากลับถูกคลื่นที่แข็งแกร่งที่แฝงมากับศพกระแทกจนพวกเขากระเด็นบินไปด้านหลังแทน !

รอยแตกสี่ถึงห้ารอยปรากฎบนประตูหนา ๆ โดยมีผู้คุ้มกันของตระกูลเจิ้งที่กลายเป็นศพนอนเรียงรายอยู่ที่ประตู

“ขอโทษ ดูเหมือนข้าจะใช้แรงมากไปหน่อย” ผู้คุ้มกันคนหนึ่งหัวเราะด้วยความเขินอายพร้อมกับเกาหัวไปด้วย

“ช่างมัน ไปกันเถอะ”

หลี่ปู้ไม่คิดว่าคนของเขาจะไม่สามารถควบคุมพละกำลังได้ถึงแม้พวกเขาจะมีพลังระดับสี่ของร้อยปี แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดอะไร

“เกิดอะไรขึ้น ?”

“ใครมันกล้าหาเรื่องตระกูลเจิ้ง !”

หลังจากที่หลี่ปู้และคนของเขาเดินจากไปหลังจากระเบิดความโกรธไปแล้ว ผู้ฝึกตนจำนวนมากและสมาชิกของตระกูลเจิ้งก็รีบมุ่งหน้ามาที่ประตูทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ในไม่ช้าทุกคนก็เต็มไปด้วยความโกรธ

‘ตุบ ! ตุบ !”

ผู้ฝึกตนคนหนึ่งเคาะประตูห้องเบา ๆ พร้อมกับก้มหัวต่ำและพูดด้วยความระมัดระวัง “นายน้อย เกิดเรื่องไม่ดีแล้ว”

“เกิดอะไรขึ้น ? ท้องฟ้าถล่มหรือท่านพ่อไม่สนับสนุนข้าแล้วหรือยังไง ? ไปซะ ข้าอยากนอน !” เสียงที่เต็มไปด้วยความรำคาญดังออกมาจากห้อง

“นายน้อย ท่านหัวหน้าตระกูลกำลังรอท่านอยู่”

ผู้ฝึกตนที่อยู่นอกห้องกรอกตาและส่ายหัวหลังจากได้ยินเสียง

“ข้ารู้แล้ว น่ารำคาญจริง ๆ” เมื่อได้ยินเสียงของคนด้านนอก ในไม่ช้าชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินออกมาจากห้อง

ชายหนุ่มคนนี้มีผิวขาวซีดและดวงตาคล้ำซึ้งบ่งบอกประมาณว่าเขาเพิ่งเหนื่อยจากกิจกรรมแห่งความสุขมา

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่คุยกันในวันพรุ่งนี้ ?”

ผู้ฝึกตนที่รอคอยอย่างอดทนด้านนอกตอบกลับ “มีคนฆ่านักสืบของเรา จากนั้นก็มีคนโยนศพของพวกเขามาที่ประตูหน้าคฤหาสน์”

“อะไรนะ ? ทุกคนตายหมดแล้ว ? แล้วพวกมันยังกล้าโยนร่างของพวกเขากลับเข้ามาในคฤหาสน์ของเรา ? นี่มันไม่ใช่การท้าทายแบบโจ่งแจ้งหรือยังไงหะ ?” ชายหนุ่มพูดขึ้นโดยใบหน้าที่มืดลงพร้อมกับปลดปล่อยฉีแห่งความชั่วร้ายออกมา

ผู้ฝึกตนที่เดินตามอยู่ด้านหลังถึงกับสั่นกลัวเมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของเขา ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้เป็นคนที่มีพรสวรรค์มากนัก แต่เขากลับมีพรสวรรค์ทางด้านความโหดร้าย

ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องประชุมที่เต็มไปด้วยแสงสว่างและผู้คน เมื่อเห็นว่าทุกคนมารวมตัวกันแล้ว ชายหนุ่มก็ยืดหน้าอกแล้วเดินเข้าไปด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อย

เจิ้งหลี่รู้ถึงสถานะตัวเขาในตระกูลเจิ้งดี ไม่ว่าเขาจะทำตัวย่ำแย่แค่ไหนในภายนอก แต่หากเป็นภายในตระกูลเขาไม่มีความกล้าแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าหากเขาทำผิดเขาจะถูกคนในตระกูลเอามาเปรียบเทียบในภายหลัง

“หลี่ มานั่งนี้มา”

ที่นั่งบนสุดในห้องประชุมมีชายที่ดูน่าเคารพนั่งอยู่ แม้ว่าเขาจะดูเคร่งครึมแต่ต่อหน้าลูกชายเขาแล้ว เขาดูอ่อนโยนอย่างมาก แต่ในความรักนั้นมันก็มีความเสียใจแฝงอยู่ด้วยเช่นกันเพราะเขาไม่คิดว่าลูกชายที่ล้มเหลวของเขาจะมีวันประสบความสำเร็จในวันข้างหน้าได้

เจิ้งซานฉิงหยุดคาดหวังที่จะให้ลูกชายคนนี้เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลในอนาคตไปแล้ว เขาได้แต่หวังที่จะมอบความร่ำรวยและการใช้ชีวิตที่สุขสบายให้กับลูกชายคนนี้ ในขณะเดียวกันเขาก็ลืมที่จะกระตุ้นให้ลูกชายคนนี้พยายามทำลายคอขวดไปยังระดับสามของร้อยปีให้ได้

เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถควบคุมสมาชิกในตระกูลได้หากปราศจากพลัง สิ่งที่เจิ้งซานฉิงมีอยู่ในใจก็คือเขาหวังว่าลูกชายคนนี้ถึงแม้จะไม่สามารถขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งเขาได้ แต่อย่างน้อยก็ให้ลูกของลูกชายของเขาทำได้ก็ยังดี !

และยิ่งคิดถึงหลี่บู่ฮุย เขาก็ยิ่งยิ้มออกมา เขาได้รู้ทักษะลึกลับบางอย่างที่สามารถถ่ายทอดยีนที่เหนือกว่าให้กับลูกหลานได้ โดยตัวแปรสำคัญของทักษะคือผู้หญิงที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์และความสามารถ อย่างไรก็ตามทักษะนี้มันมีข้อเสียเพียงอย่างเดียวนั้นคือก็มันจะทำให้คนเป็นแม่ต้องตายทันทีหลังจากที่เธอคลอดลูก

“ขอรับ” เจิ้งหลี่ก้มลงและนั่งลง

“มันต้องเป็นเพราะพวกเราไม่ได้แสดงพลังมากนานเกินไป วันนี้แม้แต่แมวกับหมาที่ไหนก็ไม่รู้มันยังกล้ามาหาเรื่องเรา ! ครั้งแรกคือตระกูลหลี่ แล้วตอนนี้ยังมีใครที่ไหนอีกก็ไม่รู้ ดูเหมือนถ้าเรายังไม่ตอบโต้อีก พวกมันจะคิดว่าพวกเราอ่อนแอ !” เจิ้งซานฉิงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“พวกมันสมควรตาย !”

“ท่านหัวหน้าตระกูลพูดถูก หากพวกเราไม่สอนบทเรียนให้พวกมัน ตระกูลอื่นอาจเอาเป็นแบบอย่างแล้วกล้าตอแยพวกเราแน่นอน” สมาชิกอีกคนของตระกูลพูดขึ้น

“คนตายเหล่านี้คือนักสืบที่พวกเราส่งไปสอดแนมตระกูลหลี่ ดังนั้นตระกูลหลี่คือผู้ต้องสงสัยหลักของเรา ! เราจะกำจัดตระกูลหลี่ในวันพรุ่งนี้เช้า !” เจิ้งซานฉิงกล่าวด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร

“ท่านหัวหน้าตระกูล ข้าคิดว่ามันไม่ค่อยดีนัก การสอบมันใกล้เข้ามาแล้ว นอกจากนี้ผู้หญิงตระกูลหลี่คนนั้นก็ …” สมาชิกคนหนึ่งของตระกูลกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล แม้ว่าเขาจะกลัวที่จะพูดจนจบประโยค แต่ทุกคนเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงอะไร

“เฮ้อ ข้ารู้ แต่เจ้าอย่าลืมว่ามหาวิทยาลัยเทียนมู่มันไม่ได้เข้ากันง่าย ๆ ถึงแม้เธอจะเข้าไปได้แต่ก็ไม่มีอะไรทำให้ตระกูลเจิ้งของพวกเราต้องกลัว” ชายวัยกลางคนอีกคนแย้งขึ้น

Fishing in the Myriad Heavens

Fishing in the Myriad Heavens

Status: Ongoing

เป่ยเฟิงผู้เหนื่อยหน่ายกับชีวิตในเมือง เขาได้ตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดของเขาในชนบท ในขณะที่เขากำลังเก็บ [ดอกแอสเตอร์] ที่โผล่อยู่ใกล้ๆรั้วของเขา เขาได้มองไปที่ภูเขาทางใต้ลูกนั้น เขาแค่ไม่คิดว่าการเลี้ยงไก่และเป็ดไม่กี่ตัวจะทำให้ชีวิตเขาเรียบงานและสบายใจขนาดนี้ได้

ยังไงก็ตามใครจะไปคิดว่าชะตากรรมเล่นตลกกับเป่ยเฟิง ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับบ่อน้ำโบราณ หรือจะเรียกว่าบ่อน้ำเวทมนย์ดี ไม่ว่าปลาที่ตกได้ตัวโคตรใหญ่

หรือจะเป็น ไก่ตัวใหญ่ที่เมื่อมันโผล่ออกมาก็ได้วิ่งไล่จิกเขาไปทั่ว เขาได้แต่นึกเสียใจและตะโกนเขาถามสวรรค์ว่า “ถ้าวันนั้นเขาต้องการมังกรแทนที่จะเป็นไก่ มันจะเกิดเชี้ยไรขึ้นกับเขา”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท