Fishing in the Myriad Heavens – ตอนที่ 573

ตอนที่ 573

“อึก !”

เสียงกลืนน้ำลายดังขึ้น ผู้ที่รู้สึกเสียใจเมื่อครู่เริ่มรู้สึกโล่งใจ พวกเขาโล่งใจที่พวกเขาไม่ได้พุ่งเข้าไปก่อน ไม่อย่างนั้นจะเป็นพวกเขาที่นอนอยู่บนพื้น !

หลี่ปู้ก้าวออกไปพร้อมกับเลือดฉีที่ปะทุออกมาจากร่างของเขาจากนั้นก็ตะโกนขึ้น “ไอ้พวกกระจอก ! มีใครต้องการสู้กับข้าอีกหรือไม่ ?”

ผู้ฝึกตนที่ลอยอยู่บ้างคนถึงกับต้องถอยหลังเพราะพวกเขาถูกเลือดฉีของหลี่ปู้กดดัน

“บังอาจ ! ท่านผู้เฒ่า จัดการเจ้าจองหองนี้ด้วยเถอะ !”

เจิ้งซานฉิงรู้สึกอายเล็กน้อย เขาทำได้เพียงหันไปมองผู้อาวุโสของตระกูลและขอให้เขาจัดการอีกฝ่าย

“ไม่ต้องห่วงท่านหัวหน้าตระกูล ข้าจะไปเอาหัวของมันมาเอง”

ผู้เฒ่าก้าวออกมาราวกับวีรบุรุษ จากนั้นเขาก็ปลดปล่อยพลังครึ่งก้าวราชาพันปีออกมา !

“ฆ่า !”

แม้ว่าจะอายุมาก แต่รูปร่างและการเคลื่อนไหวของเขายังดีเยี่ยม ผิวที่หย่อนหยานเริ่มกลับมาเต่งตึง ผมสีขาวเริ่มกลับมาเป็นสีดำ ร่างของเขาจากชายชราเริ่มกลับมาเป็นชายหนุ่มอีกครั้ง

ความเศร้าปรากฎทั่วใบหน้าของเจิ้งซานฉิงพร้อมกับพูดกับผู้เฒ่าของตระกูล “เฮ้อ ท่านผู้เฒ่าไม่ต้องกังวลไป พวกเราจะดูแลครอบครัวของท่านอย่างดีหากมีอะไรเกิดขึ้นกับท่าน”

ผู้เฒ่าหัวเราะและพูดขึ้น “ฮ่าฮ่า ตาแก่อย่างข้าเหลือชีวิตอีกไม่นาน ด้วยคำพูดของท่านมันทำให้ข้าสามารถสู้ได้ด้วยพลังเต็มที่โดยไม่มีอะไรให้กังวลอีกแล้ว”

ท้ายที่สุดไม่มีใครมีชีวิตเป็นนิรันดร์และยิ่งกับตัวเขาที่ไม่ได้มีพลังระดับราชาพันปี ถึงแม้ว่าผู้มีพลังขั้นสี่ของร้อยปีจะมีอายุยืนยันถึง 800 ปีแต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีอายุถึงเพียงแค่ 700 ปีเท่านั้น ส่วนผู้เฒ่าคนนี้เขามีอายุ 685 ปี ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะเอาชนะได้ แต่เขาก็จะสูญเสียเลือดและฉีไปจำนวนมากอยู่ดี

“ตาแก่ ถ้าข้าเป็นเจ้าข้าจะอยู่เฉย ๆ จากนั้นก็ใช้ชีวิตต่อไปอีกหลายปี”

หลี่ปู้สามารถมองเห็นอายุที่แท้จริงของชายชราได้

ผู้เฒ่าเองก็รู้ตัวเองเช่นกันว่าเขาไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ !

ที่เขาก้าวออกมาไม่ใช่เพราะเขามั่นใจว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ แต่เพราะเขาไม่ต้องการเสียสละคนของตระกูลเจิ้ง

“ไม่มีอะไรต้องพูดอีกแล้ว มาสู้กันเถอะ !”

ผู้เฒ่ารวบรวมฉีทั้งหมดของเขาจากนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น เขารู้ดีว่านี้คือการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเขา

“น่าเสียดาย ถ้าหากเจ้าอายุน้อยกว่านี้บางทีเจ้าอาจจะทำลายคอขวดไปยังระดับราชาพันปีได้ แต่น่าเสียดายที่เจ้าอ่อนแอและแก่เกินไป”

จากนั้นเขาก็ยกง้าวสวรรค์ขึ้นมาพร้อมกับส่ายหัวและพูดต่อ “เพื่อแสดงถึงความเคารพ ข้าจะใช้พลังทั้งหมดที่มี !”

“ปะทะสวรรค์มิอาจทัดเทียม !” หลี่ปู้ตะโกนขึ้นจากนั้นดวงจันทร์ที่สว่างไสวก็ปรากฎด้านหลังเขา !

คลื่นที่น่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาจากร่างของหลี่ปู้ มันทำให้หัวใจของผู้ฝึกตนหลายคนถึงกับตกอยู่ในความหวาดกลัว !

“นั้นมันราชาพันปี !”

“ตรงนั้นมันคฤหาสน์ตระกูลเจิ้ง ! อย่าบอกนะว่ามีราชาพันปีคนใหม่ปรากฎตัวในคฤหาสน์ตระกูลเจิ้ง ?”

“เฮ้อ นี่ละนาพวกตระกูลใหญ่”

ผู้คนบนท้องถนนหันไปมองทิศทางคฤหาสน์ตระกูลเจิ้งและพูดคุยกันเรื่องนี้

อย่างไรก็ตามสมาชิกของตระกูลเจิ้งกลับไม่สามารถพูดคุยแบบพวกเขาได้เนื่องจากคนที่มีราชาพันปีนั้นมาที่ตระกูลของพวกเขาเพื่อต่อสู้กับพวกเขา !

“นี้คือพลังของราชาพันปี ?”

ผู้เฒ่าตื่นเต้นจนเลือดฉีของเขาเดือดพร่าน เขาพุ่งไปยังดวงจันทร์ที่กำลังพุ่งเข้ามาหาช้า ๆ ตัวเขาในตอนนี้ราวกับผีเสื้อที่กำลังบินเข้าไปในกองไฟ สิ่งที่เขามีในตอนที่พุ่งออกไปก็คือศรัทธาในดาบของเขา !

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเข้าใกล้มัน ทันใดนั้นดวงจันทร์ก็เปล่งแสงออกมาก่อนจะแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของผู้เฒ่าจากนั้นร่างของเขาก็เริ่มเกิดรอยแตกก่อนจะสลายกลายเป็นฝุ่นลงบนพื้น !

การโจมตีเพียงครั้งเดียวมันกลับทำให้ทุกคนตกตะลึง

ลมหนาวพัดผ่าน มันทำให้ผู้ฝึกตนที่เหลือถึงกับสั่นกลัว บางคนถึงกับเหงื่อออกเต็มหลังพร้อมกับความกังวลใจมหาศาล

“นายท่าน บางทีอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดระหว่างเราก็ได้ พวกเราตระกูลเจิ้งไม่เคยหาเรื่องท่าน ได้โปรดให้โอกาสเราดูแลท่านเถอะ”

ใจของเจิ้งซานฉิงถึงกับสั่นกลัว เขาเห็นลำแสงของดวงจันทร์พุ่งผ่านเขาไป ถึงแม้มันจะไม่ได้เล็งมาที่เขาแต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมากเมื่อมันพุ่งผ่านกระพริบเข้ามา

เจิ้งซานฉิงพ่ายแพ้ด้วยความกลัว เขารีบขอร้องวิงวอนต่อหลี่ปู้ทันที

ตระกูลเจิ้งไม่ได้คัดค้านเขาเพราะพวกเขาเข้าใจดีว่าพวกเขาอยู่ลำดับใดในห่วงโซ่อาหารของโลกใบนี้

การเป็นหัวหน้าตระกูลไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนที่มีพลังมากที่สุดเสมอไป ในความจริงหากเป็นคนที่เก่งในเรื่องการจัดการและบริหารก็สามารถเป็นได้ ยกตัวอย่างเช่นเจิ้งซานฉิง

หลี่ปู้บอกเจิ้งซานฉิงจากนั้นก็พูดเยาะเย้ย “มันเป็นความเข้าใจผิดจริง ๆ ที่ข้าได้ฆ่าลูกชายของแกไปโดยไม่ตั้งใจ ในเมื่อเจ้าไม่รู้งั้นเราก็มาปรับความเข้าใจกันได้”

“ปึด !”

“แกกล้าดียังไง !”

ใบหน้าของเจิ้งซานฉิงเปลี่ยนเป็นสีขาวพร้อมกับมือที่กำแน่นเพราะความเกลียดชัง

“จงฟังคำสั่งข้า ! ฆ่าเจ้าบัดซบนี้ให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น !”

เจิ้งซานฉิงราวกับหมาป่าดุร้าย ดวงตาของเขากลายเป็นสีแดงกล่ำ

“ขอรับ !”

“ค่ายกลกับดักมังกร !”

ทันทีที่คำพูดของเจิ้งซานฉิงจบ คนของตระกูลเจิ้งก็เริ่มสร้างค่ายกลทันที ผู้มีพลังขั้นสี่และครึ่งก้าวราชาพันปีรีบรวบรวมพลังฉีของเขาทันที !

ไม่ว่าภายในตระกูลจะมีปัญหาอะไรกัน แต่พวกเขาจะรวมพลังกันเพื่อต่อสู้กับคนภายนอกทันที หลายคนอาจจ้องตำแหน่งของเจิ้งซานฉิงเอาไว้ แต่พวกเขาก็ยังคงแยกแยะเรื่องส่วนตัวได้ ตอนนี้พวกเขาพร้อมใจกันรวมพลังเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูภายนอก

“ไอ้บัดซบ ข้าจะทำให้แกทรมานจนรู้สึกว่ามันโหดร้ายยิ่งกว่าความตาย !” เจิ้งซานฉิงตะโกนด้วยความเดือดดาน จากนั้นเขาก็เชื่อมต่อฉีของคนในตระกูลจากนั้นก็ฉีก็พุ่งขึ้นพุ่งขึ้นฟ้ากลายเป็นเต่ายักษ์ลอยอยู่บนท้องฟ้า !

เต่ามีปากเหมือนจระเข้และมีเกราะหนามแหลม มันมีขนาดใหญ่กว่าร้อยจั้ง ฉีที่แข็งแกร่งของมันทำให้ประชาชนในเมืองซานชวนถึงกับสั่นด้วยความหวาดกลัว

“มันเป็นตระกูลเจิ้ง ! ดูเหมือนพวกเขาจะปะทะกับอีกฝ่ายที่แข็งแกร่งมากเขาถึงใช้ค่ายกล !” ผู้มีพลังระดับครึ่งก้าวราชาพันปีคนหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะรีบหนีไปให้ไกล

“มีบางคนในเมืองซานชวนบังคับให้ตระกูลเจิ้งใช้ค่ายกลกับดักมังกรได้ น่าสนใจจริง ๆ”

อาจารย์หลายคนมองไปยังทิศทางของคฤหาสน์ตระกูลเจิ้ง

“แกคิดว่าแกจะทำอะไรที่นี่ก็ได้เพียงเพราะแกมีพลังระดับราชาพันปี ? ข้าจะตัดแกเป็นพัน ๆ ชิ้นเพื่อล้างแค้นให้ลูกชายของข้า ! สังหาร !”

เจิ้งซานฉิงยืนอยู่บนหัวเต่าด้วยฉีที่สงบของเขา ความสงบนี้มันราวกับภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุ !

ร่างเต่ามีสีแดงราวกับเป็นสัตว์อสูรจริง ๆ ดวงตาของมันจับจ้องไปที่หลี่ปู้และคนของเขาด้วยความน่ากลัว พลังฉีของมันแข็งแกร่งราวกับมันเป็นราชาสัตว์อสูรระดับราชาพันปีจริง ๆ !

“มันไม่ใช่สัตว์อสูรจริง ๆ ซักหน่อย แกคิดว่าค่ายกลโง่ ๆ นี้จะหยุดข้าได้งั้นรึ ?” หลี่ปู้หัวเราะโดยไม่สะทกสะท้าน ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับราชาพันปีที่มีผู้ควบคุมคือคนที่มีพลังเพียงร้อยปีเท่านั้น มันเป็นเรื่องตลกสำหรับหลี่ปู้มาก !

“วิญญาณนิรันดร์!”

หลี่ปู้ขยับจากนั้นดินแดนอ้างว่างก็ปรากฎด้านหลังเขาราวกับดินแดนปีศาจ จากนั้นกองทัพวิญญาณหุ้มเกราะขี่ม้าก็ปรากฎตัวขึ้น วิญญาณหนึ่งดวงนั้นสูงแปดจั้งและถือง้าวสีดำที่ยาว 10 เมตร

“ป้องกันไว้ ! ตราบใดที่พวกเราทำลายพลังวิญญาณของมันได้ มันก็จะกลายเป็นเสือที่ไม่มีเขี้ยว !” เจิ้งซานฉิงถึงกับขนลุกซู่เมื่อเห็นกองทัพวิญญาณปรากฎตัวอย่างไรก็ตามเขาปรารถนาที่จะล้างแค้นมากเขาจึงกลับมามีสติและความกล้าที่จะสู้อีกครั้ง !

“โฮก !”

เต่าคำรามใส่หลี่ปู้จากนั้นก็เหวี่ยงหางใส่เขา !

“ตู้ม !”

เสียงคำรามดังก้องจนทำให้หน้าต่างของอาคารที่อยู่ไกลออกไปแตก ผู้ฝึกตนที่อ่อนแอบางคนถึงกับปิดหูและรีบหนีทันที

“เข้าร่วมกองกำลัง !”

“แกร๊ก !”

กองทัพวิญญาณของหลี่ปู้คำรามขึ้นราวกับได้รับชัยชนะ

ในไม่ช้าเปลวไฟสีน้ำเงินก็หมุนรอบ ๆ กองทัพก่อนจะผสานรวมกันกลายเป็นม้าจากนั้นมันก็พุ่งไปหาเต่า เมื่อมันไปถึงตัวเต่าแล้วมันก็ได้เหยียบไปบนกระดองของเต่า !

รอยแตกขนาดใหญ่ปรากฎบนกระดองเต่า หนามแหลมจำนวนมากถูกทำลายหลุดออกจากกระดอง !

“อุก !”

การปะทะกันครั้งนี้ทำให้ผู้ฝึกตนของตระกูลเจิ้งหลายคนหลั่งเลือด แม้แต่วิญญาณของพวกเขาบางคนก็ถึงกับหายเข้าไปในอากาศ

มันเป็นภาพที่งดงามมาก สัตว์ขนาดใหญ่สองตัวกำลังต่อสู้กัน ทุกครั้งที่พวกมันปะทะกันมันได้ทำลายส่วนหนึ่งของคฤหาสน์ตระกูลเจิ้งไปด้วย

หลี่ปู้ก็ไม่ได้อยู่เฉยแต่อย่างใด เขาพุ่งเข้าไปเฉือนกระดองด้วยง้าวของเขา ง้าวมีน้ำหนักเท่าภูเขา ดังนั้นเขาจึงสามารถสร้างรอยยุบบนกระดองมันได้ทุกครั้งที่ตวัดเฉิอนลงมา

ผู้ฝึกตนของตระกูลเจิ้งก็ต้องรีบภาระมากขึ้นกว่าเดิม เพียงแค่สู้กับม้าก็หนักหนาพอแรงแล้ว ตอนนี้พวกเขายังต้องทนรับการโจมตีของหลี่ปู้อีกทาง

เต่ามีพลังฟื้นตัวที่ยอดเยี่ยม มันสามารถฟื้นฟูรอยยุบและรอยร้าวได้ภายในไม่กี่วินาที แต่ทว่ามันกลับทำให้คนของตระกูลเจิ้งทรมานอย่างมาก

“เป็นไปได้ยังไงกัน ? ทำไมข้าถึงฆ่าแกไม่ได้ !” เจิ้งซานฉิงตะโกนด้วยความโกรธเมื่อเต่าถูกบังคับให้ถอยจากการโจมตีของหลี่ปู้

“ฮึ่ม มีความแข็งแกร่งแค่นี้แต่ยังกล้าวางท่าใส่ข้า !”

“ดูเหมือนน่าจะพอแล้ว ได้เวลาจบเรื่องนี้แล้ว’

หลี่ปู้และวิญญาณของเขาถอยออกไปหลายก้าวก่อนจะจ้องมองไปที่เต่ายักษ์

Fishing in the Myriad Heavens

Fishing in the Myriad Heavens

Status: Ongoing

เป่ยเฟิงผู้เหนื่อยหน่ายกับชีวิตในเมือง เขาได้ตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดของเขาในชนบท ในขณะที่เขากำลังเก็บ [ดอกแอสเตอร์] ที่โผล่อยู่ใกล้ๆรั้วของเขา เขาได้มองไปที่ภูเขาทางใต้ลูกนั้น เขาแค่ไม่คิดว่าการเลี้ยงไก่และเป็ดไม่กี่ตัวจะทำให้ชีวิตเขาเรียบงานและสบายใจขนาดนี้ได้

ยังไงก็ตามใครจะไปคิดว่าชะตากรรมเล่นตลกกับเป่ยเฟิง ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับบ่อน้ำโบราณ หรือจะเรียกว่าบ่อน้ำเวทมนย์ดี ไม่ว่าปลาที่ตกได้ตัวโคตรใหญ่

หรือจะเป็น ไก่ตัวใหญ่ที่เมื่อมันโผล่ออกมาก็ได้วิ่งไล่จิกเขาไปทั่ว เขาได้แต่นึกเสียใจและตะโกนเขาถามสวรรค์ว่า “ถ้าวันนั้นเขาต้องการมังกรแทนที่จะเป็นไก่ มันจะเกิดเชี้ยไรขึ้นกับเขา”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท