ชัยชนะของเป่ยเฟิงและคนของเขาทำให้หลายคนประหลาดใจ คนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าพวกเขาจะชนะ
หลายคนเชื่อว่ามันง่ายมากที่ราชาพันปีถึง 3 คนจะจัดการผู้ฝึกตนขั้นร้อยปีได้ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็พลิกผัน ใครจะไปคิดกันว่าสัตว์อสูรจะฆ่าราชาพันปีคนหนึ่งได้ภายในไม่กี่นาที และหยานไป๋ผู้มีพลังราชาพันปีขั้น 3 กลับถูกคนสามคนรวมพลังกันเอาชนะมาได้ !
หลังจากผู้ฝึกตนจากไป หลงเหลือแต่เพียงซากการต่อสู้และซีซุยซานผู้มีแววตาสดใสกำลังยืนอยู่ที่นั่น
“การมาเที่ยวครั้งนี้นำพาให้ข้าเจอสมบัติ ! ถึงสัตว์อสูรจะเอาไปเป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์นิรนดร์ไม่ได้ แต่ก็ยังมีพวกเขาอีก 3 คนที่เอาไปเป็นศิษย์ได้ !”
ยิ่งคิดเท่าไหร่ ซีซุยซานก็ยิ่งตื่นเต้น แม้จะเป็นนิกายทรงพลัง แต่จำนวนศิษย์หลักของพวกเขามีน้อยมาก
มันไม่ใช่ไม่มีใครต้องการเข้านิกาย แต่เพราะมันเป็นความต้องการที่สูงเกินไปในการเข้า ! ผู้ฝึกตนธรรมดาที่สู้กับคนมีพลังระดับเดียวกันได้นั้นไม่สามารถเข้าร่วมได้ !
ศิษย์หลักของนิกายสวรรค์นิรันดร์มีน้อยถึงน้อยมาก แต่ทว่าศิษย์รับใช้กลับมีมากกว่าหมื่นคน !
ลองนึกภาพศิษย์หลักเพียงคนเดียวแต่กลับมีศิษย์รับใช้พันคน มันจะสะดวกสบายแค่ไหนกัน !
ซีซุยซานซ่อนความตื่นเต้นไม่ไหวอีกต่อไป เขารีบเดินไปหาเป่ยเฟิงด้วยความกระตือรือร้น “เจ้าสนใจเข้าร่วมนิกายของข้าหรือไม่ ?”
เขานึกภาพตัวเองจะได้รับคำชดเชยมากแค่ไหน หากนำทั้ง 3 คนกลับไปที่นิกายพร้อมเขาได้ !
จำนวนผู้ฝึกตนที่ต้องการเข้านิกายนั้นมีมากมายจนนับไม่ไหว แต่จำนวนหลักกลับมีเพียงหลักสิบ เมื่อรวมผู้อาวุโสและผู้นำบางคนแล้ว นับรวมดูร้อยกว่าคนเท่านั้น
นี่จึงเป็นสิ่งที่บอกได้ว่ามันยากแค่ไหนในการเข้านิกายสวรรค์นิรันดร์ อย่างไรก็ตามซีซุยซานมั่นใจว่าทั้งสามจะต้องผ่านการทดสอบแน่นอน !
เมื่อทั้งสามเข้าร่วมนิกายได้ ทางนิกายก็จะให้รางวัลกับเขา !
“ข้ายังไม่มีแผนที่จะเข้าร่วมกับนิกายไหน ขอบคุณสำหรับคำเชิญ เอาละจ่ายเงินมาได้แล้ว”
เป่ยเฟิงส่ายหัว เมื่อเห็นชายร่างใหญ่กระตือรือร้นอย่างมากที่จะให้เขาเข้าร่วม เขารู้สึกไม่ดีและโบกมือปฎิเสธ เป่ยเฟิงไม่รู้ว่าเขามาจากนิกายไหน
“ลืมเรื่องจ่ายเงินไปก่อน ถ้าเจ้าไปกับข้าและทดสอบเข้านิกาย ข้าจะมอบหินวิญญาณระดับสูงให้กับเจ้าคนละ 50,000 ก้อน !” ซีซุยซานยื่นข้อเสนอ สำหรับเขาการเสียหินวิญญาณระดับสูง 50,000 ก้อนนั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเขาเป็นคนที่ร่ำรวยพอตัว
“อะไรนะ ?” เป่ยเฟิงประหลาดใจ เขามองซีซุยซานโดยไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“นิกายสวรรค์นิรันดร์ของข้าไม่ได้รับคนเข้าร่วมง่าย ๆ พวกเจ้าทั้งสามได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเต็มไปด้วยพรสวรรค์ หากพวกเขาผ่านการทดสอบได้เมื่อไหร่ พวกเจ้าก็จะกลายเป็นศิษย์หลักของนิกายทันที !” ซีซุยซานพูดด้วยความภูมิใจ
“นิกายสวรรค์นิรันดร์ ?”
ทั้งสามมองหน้ากันด้วยความสับสน
“นอกจากนี้ หากเจ้าได้กลายเป็นศิษย์หลักของนิกาย สถานะของเจ้าจะได้รับความเคารพอย่างสูง แม้แต่ราชาหมื่นปีก็ไม่ต้องการทำให้เจ้าโกรธ !” เมื่อเห็นเป่ยเฟิงกำลังสงสัย ซีซุยซานรีบอธิบายเพิ่มทันที “นั่นไม่ใช่ทั้งหมด เจ้าไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพื่อเข้าหอเชื่อมสวรรค์อีกต่อไป นอกจากนี้แม้ว่าเจ้าจะทำผิดร้ายแรงแต่ก็ไม่มีใครทำอะไรกับเจ้าได้ !”
เป่ยเฟิงตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของนิกายสวรรค์นิรันดร์มาก ราชาหมื่นปีเป็นคนที่สามารถเดินทางผ่านห้วงอวกาศได้โดยใช้เพียงร่างกายของพวกเขา และตามที่ซีซุยซานกล่าวมา การกลายเป็นศิษย์หลักของพวกเขานั่นหมายถึงมีสถานะเทียบเท่ากับพวกเขา !
ในเวลาเดียวกัน เป่ยเฟิงก็คิดได้ว่านิกายสวรรค์นิรันดร์นั้นเป็นตัวเลือกที่ใช้ปกป้องเขาได้อย่างยอดเยี่ยม
นอกจากนี้การมีศิษย์หลักจำนวนน้อยมากมันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงเต็มไปด้วยทรัพยากรจำนวนมาก !
“ขอโทษ แต่ข้ายังไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าร่วมนิกายเลยตอนนี้”
เป่ยเฟิงส่ายหัวปฎิเสธข้อเสนอของซีซุยซาน เขามีความลับที่ไม่ต้องการให้ใครรู้มากเกินไป
เป่ยเฟิงกลัวว่าจะเกิดปัญหากับเขาได้เพราะยิ่งคนแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องการครอบครองความลับที่ถูกปกปิดมากยิ่งขึ้น
“เห้อ เอาเถอะ นิกายสวรรค์นิรันดร์จะเปิดทดสอบให้เข้าร่วมทุก ๆ ร้อยปี ถ้าเจ้าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็เอาของชิ้นนี้ไปที่หอเชื่อมสวรรค์ที่ 7 แล้วจากนั้นก็เริ่มการทดสอบ”
ซีซุยซานส่ายหัวด้วยความผิดหวัง เขาใช้เล็กจิกเข้าที่ข้อมือ จากนั้นหยิบหยกออกมาแล้วหยดเลือดลงบนหยกแล้วยื่นให้พวกเขา
ซีซุยซานมีความภาคภูมิใจในตัวเอง หลักจากที่พยายามหลายครั้งเมื่อเห็นว่าพวกเขาปฎิเสธ เขาจึงจากไปทันที
“นิกายสวรรค์นิรันดร์”
หยกมีสีเขียว มันมีต้นสนแกะสลักอยู่ด้านบน
ต้นสนที่แกะสลักนั้นมีความละเอียดสูงมาก มันดูสมจริงราวกับเป็นต้นไม้จริง ๆ มันเหมือนต้นสนที่ถูกย่อขนาดเล็กลงหลายร้อยเท่าและถูกนำมาผนึกลงบนหยก ! ความสดใสที่เปล่งประกายสะท้อนจากต้นหยกนั้นส่องเข้ามาในดวงตาเป่ยเฟิงและถูกสลักไว้ในใจของเขา
ในใจของเป่ยเฟิงเกิดระลอกคลื่น จากนั้นก็เริ่มก่อตัวกลายเป็นเมล็ดที่ค่อย ๆ งอกต้นกล้าออกมา ในไม่ช้าก็กลายเป็นต้นสนสูงหนึ่งร้อยจั้งที่มีกิ่งก้านเต็มไปด้วยใบหนาแน่น
ต้นสนขนาดมหึมากอดวิญญาณของเป่ยเฟิงเอาไว้และส่งหมอกรักษาจิตวิญญาณที่เสียหายของเขา
“แสงนิรันดร์ จุดจบแห่งความมืดมิด !”
เป่ยเฟิงคิดถึงประโยชนี่ทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง
“โฮก “!
“มู่ววว !”
ฮานกุยและเจ้าตัวนิ่มรีบวิ่งมาหาเป่ยเฟิงพร้อมกับใบหน้าที่น่าสงสาร
“โอเค โอเค ข้ารู้แล้วว่าพวกเจ้าต่อสู้อย่างเหน็ดเหนื่อย” เป่ยเฟิงเกลี้ยกล่อมสัตว์อสูรทั้งสอง
ที่จริงแล้วเป่ยเฟิงไม่ได้คาดหวังไว้เลยว่าฮานกุยและเจ้าตัวนิ่มจะเต็มใจต่อสู้เพื่อเขาจนถึงที่สุด มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะคิดแบบนั้นเพราะเจ้ากระต่ายมันเป็นคนบังคับให้พวกมันติดตามเขามา
หลังจากสัตว์อสูรมีพลังสูงมากขึ้น พวกมันก็จะมีสติปัญญาที่สูงตามไปด้วย ดังนั้นปกติพวกมันจะหลีกเลี่ยงการมีส่วนร่วมในการต่อสู้ที่ทำให้พวกมันบาดเจ็บหนัก นอกจากนี้พวกมันทั้งสองเองก้ไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากู่ฉี แต่ทว่ามันกลับเลือกที่จะต่อสู้เพื่อเขา
เป่ยเฟิงไม่ได้ใจร้ายกับพวกมัน เขามอบโอรสแห่งชีวิตให้พวกมันตัวละหนึ่งเม็ด โอรสนี้ไม่เพียงแค่รักษาพวกมันเท่านั้น แต่ยังช่วยพัฒนาพวกมันไปด้วย !
แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่โอรสแต่ละเม็ดเต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิตจำนวนมากที่มาจากหินย้อย ซึ้งมันยังมีผลในการรักษาอาการบาดเจ็บของผู้มีพลังระดับราชาพันปีได้ดีอีกด้วย