เป่ยเฟิงไม่สามารถทำอะไรได้ วิชาตัวตายตัวแทนมันถือว่าเป็นหนึ่งในพลังวิญญาณชั้นยอดที่หาได้ยากมาก
นอกจากนี้วิชานี้มันมีประโยชน์อย่างมากเพราะมันทำให้กู่ฉีสามารถหลบหนีจากความตายได้ถึง 2 ครั้ง !
หากปราศจากวิชาตัวตายตัวแทน เจ้ากู่ฉีคงตายไปแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง !
แต่สุดท้ายเจ้ากระต่ายกลับยอมแพ้ไปซะอย่างนั้น
“วิ้ง !”
เสียงสั่นสะเทือนดังขึ้น จากนั้นอาวุธที่ทรงพลังทั้ง 2 ก็ปลดปล่อยพลังฉีออกมา
อาวุธทั้งสองคือสิ่งที่เจ้ากระต่ายเลือกที่จะพัฒนาเมื่อเมื่อบรรลุระดับราชาพันปีขั้นสี่ มันเลือกที่จะให้ทั้งคู่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นโดยเลือกที่จะยอมแพ้กับสองวิชาที่เหลือไป
“กรุ๊ !”
เมื่อมองดาบและระฆังที่เปลี่ยนไป เจ้ากระต่ายก็ยิ้มหน้าบาน จากนั้นมันก็จับดาบแล้วเหวี่ยงมันออกไปยังภูเขาขนาดเล็กอยู่ไกลออกไปหลายร้อยเมตร !
“วิ้ง !”
ดาบสีแดงเลือดสั่นสะเทือนอย่างแรงจากนั้นก็คลื่นเสียงพุ่งไปที่ภูเขาลูกนั้น !
“บู้มม !”
ยอดเขาเริ่มเอนไปด้านหนึ่งก่อนที่จะหล่นลงมาในตอนจบ
“กี้ กี้ !”
เจ้ากระต่ายอารมณ์ดีมาก จากนั้นก็หันมาสนใจระฆังต่อ
“วิ้ง !”
ด้วยความคิด ระฆังสีแดงเลือดก็สั่นจนเกิดเสียงที่น่าสะพรึงกลัว
“บูม !”
เมื่อเสียงดังขึ้น มันก็ทำให้ทุกอย่างที่อยู่รอบ ๆ 1 กิโลเมตรระเบิดกลายเป็นผง
“มันแข็งแกร่งขึ้นมาก อย่างน้อย ๆ ก็มากกว่าเมื่อก่อนถึง 10 เท่า !” เป่ยเฟิงพึมพำ “มันคุ้มค่าหรือเปล่ากับที่เลือกจะยอมแพ้วิชาตัวตายตัวแทนเพื่อมาเลือกทำให้พลังโจมตีรุนแรงขนาดนี้ ?”
เป่ยเฟิงเริ่มสงสัยว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่
แต่ในเมื่อเจ้ากระต่ายมันเลือกไปแล้วมันก็ไม่มีทางหวนกลับมาได้ เป่ยเฟิงกังวลเล็กน้อยเพราะบางทีเจ้ากระต่ายมันก็ไร้เหตุผลในบางครั้ง
โดยปกติแล้วมันจะเป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อย ๆ ที่นั่งเคี้ยวแครอทและทำตัวน่ารัก แต่หากมีใครไปกวนมัน มันก็จะบ้าคลั่งและสู้กับอีกฝ่ายจนกว่าจะได้ตกตายกันไปข้าง
“เอาล่ะ ไปจากที่นี่กันเถอะ ยังมีโอกาสให้ทดสอบพลังอีกมาก”
เป่ยเฟิงเงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้าที่หลิงฉีเริ่มจางลง
แต่แม้ว่าพวกมันจะจางลงแต่ทว่าพวกมันกลับหนาแน่นและแข็งแกร่งมาก
อย่างที่คาดคิดไว้ ทันทีที่เป่ยเฟิงและเจ้ากระต่ายกำลังจะจากไป สัตว์อสูรขนาดใหญ่ก็ปรากฎตัวขึ้นและต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงดินแดนแห่งนี้ทันที
เป่ยเฟิงและเจ้ากระต่ายรีบวิ่งหนีเข้าไปในป่าทันที เมื่อใดก็ตามที่ทั้งสองได้ยินเสียงต่อสู้ ทั้งคู่ก็จะหลีกเลี่ยงทิศนั้นและไปอีกทางทันที
และนั่นก็เป็นวิธีที่พวกเขาเดินทางจนกินเวลาไปถึง 5 วัน
ต้องขอบคุณพลังของทั้ง 2 ที่เพิ่มขึ้นสูงมาก ทำให้ทั้งคู่สามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัย
หลังจากกลับมาถึงหุบเขา ก็มีคนหนึ่งปรากฎตัวตรงหน้าและทักทายเป่ยเฟิง “คารวะท่านหัวหน้าตระกูล !”
“อืม หลี่ปู้อยู่ไหน ?” เป่ยเฟิงถามขึ้น
“ท่านหัวหน้าตระกูล ท่านนายพลหลี่ได้นำคนที่เหลือออกไปลาดตระเวนอยู่รอบ ๆ เพื่อรอการมาถึงของท่านหัวหน้าตระกูล ท่านต้องการให้ข้าน้อยไปเรียกนายท่านพลหลี่และคนอื่น ๆ มาหรือไม่ ?”
ดวงตาของชายผู้นั้นเต็มไปด้วยความเคารพเป่ยเฟิง
ไม่ใช่เคารพแบบหัวหน้าตระกูล แต่เป็นเพราะความกตัญญูเนื่องจากเป่ยเฟิงเป็นคนรับพวกเขามาเป็นบุตรบุญธรรม มันจึงไม่แปลกที่เขาจะเคารพและซื่อสัตย์ต่อเป่ยเฟิงมาก
“ไม่จำเป็น เจ้าและกู่ฉีเฝ้าระวังหุบเขาแห่งนี้เอาไว้ ข้าขอตัวเก็บตัวซักหน่อย ห้ามให้ใครเข้ามาใกล้ข้าทั้งนั้น” เป่ยเฟิงสั่งทั้งสองคน
“ขอรับ !” หลี่เจี่ยตอบ จากนั้นก็ปลดปล่อยพลังระดับร้อยปีออกมาเฝ้าระวังรอบ ๆ
หลังจากนั้นเป่ยเฟิงก็เดินลึกเข้าไปในหุบเขา
“หลังจากตกปลารอบนี้ ข้าจะได้อัพเกรดมันซักที” เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเองจากนั้นก็คว้าเบ็ดตกปลาออกมาจากตัว
คันเบ็ดนั้นงดงามและเต็มไปด้วยพลัง รูปลักษณ์ภายนอกของมันโปร่งใสแต่ข้างในกลับเต็มไปด้วยเปลวเพลิง !
เป่ยเฟิงโยนตะขอลงไปในบ่อน้ำ หลังจากนั้นไม่นานตะขอก็จมลงไปในหลุมดำพร้อมกับน้ำจำนวนมาก
ในอีกโลก ในประเทศที่ชื่อว่าไป๋ยูว ข้างราชวังมีดอกไม้อยู่ใกล้ ๆ แม่น้ำ ในแม่น้ำมันเต็มไปด้วยน้ำสีแดงราวกับเลือด มีซากศพจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่ในน้ำ
ราชวังเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้ เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นจากทุกทิศทาง
มีกลุ่มคนสองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือด ทหารม้าจำนวนมากขี่ม้าเตรียมพุ่งทำลายราชวัง !
ผู้ที่ขี่มันแข็งแกร่งอย่างมาก พวกเขาสวมชุดเกราะสีดำมันวาวหลงเหลือแต่เพียงช่องเล็ก ๆ ที่หมวกตรงดวงตาเท่านั้น ในมือของพวกเขาถือง้าวขนาดใหญ่สีดำเอาไว้
ม้าของพวกเขาคือม้ามังกร ความแข็งแกร่งของพวกมันนั้นไร้ขอบเขต พวกมันสามารถเดินทางได้ถึงหมื่นลี้ต่อวัน นี่คือม้าที่ถูกกล่าวไว้ว่ามีสายเลือดของมังกร และพวกมันแต่ละตัวก็มีราคาที่ประเมินค่ามิได้ !
ทหารม้านับหมื่นพุ่งไปด้านหน้า แรงสั่นสะเทือนจากกีบม้าของพวกเขาทำให้พื้นดินสั่นอย่างรุนแรงแม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปไกลหลายสิบลี้ก็จะรู้สึกถึงมันได้ จากนั้นพวกเขาก็พุ่งทะลุเข้าไปในราชวังผ่านประตูขนาดใหญ่ทันที !
ประตูราชวังมีขนาดใหญ่มาก แต่ทว่ามันกลับถูกแยกเป็นสองส่วนง่าย ๆ ด้วยการแกว่งง้าวเพียงครั้งเดียว !
“ฆ่า ! จ้าวแห่งดินแดนที่ไม่ซื่อตรงคือคำสาป ให้เราได้เสนอเลือดแห่งราชวงศ์เพื่อสังเวยแด่ท่านนายพลผู้ยิ่งใหญ่เถิด !”
“ฆ่า !”
ในขณะเดียวกัน ผู้ที่อยู่ภายในราชวัง เมื่อได้ยินเสียงนี้ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจทันที !
“ยอดเยี่ยม ! นั่นมันทหารของท่านนายพล !”
“ฆ่า ! ฆ่าพวกมัน !”
ผู้ฝึกตนที่ถูกทหารยู่หลิงหลายพันคนกดดันอยู่ระเบิดความดีใจขึ้นมาทันที พวกเขาหลงเหลือเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น แต่เมื่อเห็นกำลังเสริม พวกเขาก็ระเบิดพลังต่อต้านอีกฝ่ายทันที !
“บัดซบ ! นายพลของพวกมันตายไปแล้ว ! ทำไมพวกมันถึงทำตัวแบบนี้ในแผ่นดินที่ปกครองโดยกฎที่ฝ่าบาทได้บัญญัติมันขึ้นมา !”
“สมควรตาย ! ฝ่าบาทเมตตากับพวกมันมากเกินไป พวกมันสมควรตาย ! พวกมันกล้าก่อกบฎ คนในครอบครัวของพวกมันจะถูกลดชั้นกลายเป็นทาส !”
“ไอ้พวกน่ารังเกียจ พวกมันกล้ากบฎต่อราชวงศ์ของพวกเรางั้นรึ !”
“ฝ่าบาท พวกเราจะต้องนำกองทัพไปกำจัดเหล่าพวกคนบาปอย่างพวกมัน !”
ด้านล่างบัลลังก์ เหล่าขุนนางกำลังเสนอให้จัดทัพเพื่อทำสงครามกับอีกฝ่าย !
“ค่ายแห่งบาปทั้งสิบ ! ข้าไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าค่ายที่ไม่มีอะไรเลยอย่างพวกแกจะกล้าเอามีดมาแทงราชวงศ์ของข้า !”
ยงซวนแม้ว่าจะดูสงบ แต่ลึกลงไปเขารู้สึกโกรธมาก คนบาปเหล่านี้คือพวกที่ถูกส่งไปรบที่แนวหน้าและพวกเขาคือพวกที่สมควรจะตายไปนานแล้ว แต่พวกเขาก็ได้รับการอภัยโทษเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาชนะการต่อสู้
นั่นเป็นเพราะกฎของดินแดนไป๋ยูว ใครก็ตามที่กระทำการผิดจะได้รับการอภัยหากพวกเขาสามารถฆ่าทหารที่เป็นศัตรูของประเทศได้ถึงหนึ่งร้อยคน
ตอนนี้คนบาปเหล่านี้นอกจากจะไม่ขอบคุณแล้ว พวกเขายังกล้ากบฎแผ่นดิน !
“เหตุการณ์ในวันนี้ส่วนหนึ่งเป็นแผนของข้าก็จริง แต่ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีคนมากมายล้มเหลว แม้แต่ข้ารับใช้ของข้าก็ยังอธิบายให้ข้าฟังไม่ได้ ทำไมกัน ? ไม่ใช่เพียงแค่นายพล แม้แต่ค่ายแห่งบาปทั้งสิบก็ยังมากลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกกบฎได้ยังไงกัน ?”
เสียงของยงซวนนุ่มนวล แต่คำพูดของเขาราวกับค้อนที่ทุบลงไปในหัวใจของทุกคน จนทำให้เหล่าขุนนางต้องคุกเข่าอย่างรวดเร็ว
“ช่างมัน ข้าไม่อยากฟังคำอธิบายของพวกเจ้าอีกต่อไป ใครก็ตามที่รับผิดชอบเรื่องนี้จะต้องถูกประหาร ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีคนกล้ากบฎทั้ง ๆ ที่ข้าปกครองด้วยความสันติและยังทำให้ประเทศรุ่งเรืองเติบโตมาได้มากขนาดนี้ !”
ใบหน้าของยงซวนมืดมนราวกับกลางคืนเพราะเขาโกรธมาก
“ค่ายร้อยสงครามอยู่ไหน ?” ยงซวนตะโกน เสียงของเขาดังก้องไปทั่วราชวังซึ้งบ่งบอกได้ดีว่าพลังของเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
“บูม !”
ทันทีที่เขาพูดจบ ทหารสวมชุดเกราะสีแดงเลือดก็รีบวิ่งเข้ามาหาเขาทันที
ทหารที่สวมชุดเกราะสีแดงเลือดผู้นี้คือหนึ่งในกองทหารชั้นยอดที่น่ากลัวมาก !
ทหารผู้นี้แท้จริงแล้วคือทหารที่ขี่ม้ามังกร ! แม้ว่าสายเลือดของม้ามังกรของพวกเขาจะไม่บริสุทธิ์ แต่พวกมันก็แข็งแกร่งกว่ามังกรตัวเล็ก ๆ !
ค่ายบาปทั้งสิบกับค่ายร้อยสงครามใช้อาวุธที่แตกต่างกันมาก ทั้งสองค่ายต่างก็แข็งแกร่งอย่างมาก !
หากว่าทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ยงซวนมั่นใจมากว่าพวกกบฎจะต้องล้มเหลวแน่นอน เพราะค่ายบาปทั้งสิบอ่อนแอกว่าค่ายร้อยสงคราม
นอกจากนี้ทหารของค่ายร้อยสงครามเป็นเหล่าชนชั้นสูงในหมู่คนชั้นสูง พวกเขาเป็น1 ใน 3 กองทัพชั้นยอดในหมู่ประเทศทั้ง 20 ประเทศ
ค่าใช้จ่ายและการดูแลเหล่าทหารทั้ง 50,000 นายคิดเป็นเงิน 1 ใน 10 ของประเทศไป๋ยูว !
แม้ว่าทหารของประเทศไป๋ยูวจะมีถึงสองล้านนาย แต่ทว่ามันก็ยังเป็นเรื่องยากมากที่จะกลายเป็นทหารของค่ายร้อยสงคราม !
แม้แต่ระดับพลังที่ต่ำสุดของทหารในค่ายร้อยสงครามยังเป็นนักสู้ที่มีความแข็งแกร่งกว่าหมื่นจิน !
ยิ่งจับคู่กับม้ามังกรอันทรงพลังที่มีความเร็วไร้ที่ติ นอกจากนี้พวกมันสามารถวิ่งได้หลายแสนลี้ในชั่วข้ามคืน !
“โฮก !”
ม้ามังกรแต่ละตัวมีขนาดสูงสามจั้งเป็นอย่างน้อย แม้ว่าพวกมันจะมีหัวเหมือนม้า แต่ฟันในปากของพวกมันคมกริบ ซึ้งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันเป็นสัตว์กินเนื้อ !
นอกจากนี้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีเกล็ดและกรงเล็บเหมือนมังกร
“ฆ่า ฆ่าพวกมันให้หมด !”
เมื่อได้ยินเสียงคำรามของม้ามังกร ม้าของค่ายคนบาปทั้งสิบก็รู้สึกตื่นตระหนกเพราะพวกมันด้อยกว่าอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม เหล่าทหารของค่ายคนบาปทั้งสิบยังคงนั่งอย่างสงบเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับพวกมัน ในไม่ช้าเหล่าม้าก็สงบลงพร้อมกับจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ลุกโชน
หมอกควันสีแดงเลือดบินวนเหนือค่ายคนบาปทั้งสิบ มันบินวนเหนือค่ายไม่ได้กระจายไปตามสายลมแต่อย่างใด !
นี่เป็นผลมาจากการสังหารหลายครั้งที่เกิดขึ้นที่นี่ !
แม้ว่าค่ายคนบาปทั้งสิบจะมีทหารหลายหมื่นคน แต่พวกเขาก็ยังด้อยกว่าค่ายร้อยสงคราม
หลังจากที่ฟื้นความมั่นใจให้กับม้าได้แล้ว ม้าของพวกเขาในตอนนี้ดูพร้อมมากราวกับต่อให้อีกฝ่ายเป็นมังกรพวกมันก็กล้าท้าทาย !
“บูม !”
ม้าเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ทุกก้าวที่มันก้าวออกไปมันทำให้พื้นดินแตกทันที !
หลุมจำนวนมากปรากฎบนพื้นเนื่องจากแรงระเบิดในแต่ละก้าวของมัน !
เมื่อกองทหารทั้งสองปะทะกัน จะเห็นได้ว่าพื้นที่ตรงกลางปะทะราวกับเครื่องบดเนื้อ มันมีทหารตายไปจำนวนมากในทุก ๆ วินาที
“ฆ่า !”
“เพื่อความยุติธรรม !”
“ฆ่าพวกทรยศให้หมด !”
“องค์เหนือหัวเป็นผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี แต่พวกแกกลับเลือกทรยศพระองค์ ! สมควรตาย !”
หลังจากปะทะกัน กองทหารทั้งสองก็แยกออกพร้อมกันมองหน้ากันและกัน
ตรงกลางทุ่งสังหารเต็มไปด้วยซากศพของทหารทั้งสองค่าย ม้าตัวหนึ่งอยู่ข้างศพ มันไม่เต็มใจที่จะเดินออกไปจากที่นี่
“เป็นไปได้ยังไงกัน !”
“ค่ายคนบาปทั้งสิบมันมีคนฝีมือดีอยู่ !”
“น่าประหลาดใจจริง ๆ ! หากไม่ใช่เพราะการกบฎของพวกมัน พวกเราคงไม่มีทางรู้ได้เลยว่าพวกมันจะแข็งแกร่งแค่ไหน !”
“ดูเหมือนพวกมันจะวางแผนกบฎกันมานานแล้ว หากนายพลของพวกมันไม่ได้ถูกฆ่าไปก่อนหน้านี้ พวกมันคงแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ !”
เหล่าขุนนางที่มองดูสนามรบถึงกับตกใจ
ร้อยละแปดสิบของศพในสนามรบนั้นเป็นทหารของค่ายร้อยสงคราม !
หลังจากผ่านการต่อสู้มานานหลายปี ค่ายร้อยสงครามถูกยกย่องว่าเป็นตำนานที่ไม่มีทางเอาชนะได้ !
ถึงอย่างนั้นพวกเขากลับพ่ายแพ้อีกฝ่ายทั้งที่มีทหารและทรัพยากรสนับสนุนมากกว่า นี่มันน่าเหลือเชื่อมาก !
นอกจากนี้ค่ายค่ายคนบาปทั้งสิบได้เดินทางข้ามคืนเพื่อมายังเมืองหลวง ในขณะที่ค่ายร้อยสงครามเฝ้ารออยู่ที่นี่ แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่คาดคิดเอาไว้ !
“ลุงฉิน …”
“พวกเราชนะ ! พวกเราชนะได้แน่ ๆ !”
“มาพลิกกระดานกันเถอะ !”
ทหารหลายร้อยคนภาวนาในใจแม้ว่าจะถูกห้อมล้อมไปด้วยทหารยู่หลิงนับพัน
แม้ว่าทั้งหลายร้อยคนจะภาวนาให้ค่ายบาปทั้งสิบชนะ แต่ทหารยู่หลิงที่ล้อมรอบอยู่ก็ไม่ได้โจมตีพวกเขา
“ร้อยสงคราม !”
“ความตายก็หยุดเราไม่ได้ !” ชายร่างสูงตะโกนขึ้น เขานั่งอยู่บนม้ามังกรที่สูง 5 จั้ง เขาตะโกนเพื่อรวบรวมจิตวิญญาณของทหารของค่ายร้อยสงครามทุกคน !
อีกด้าน ก็มีเสียงดังขึ้นเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ทรงพลังแต่มันกลับฟังดูน่ากลัวมาก
ทหารค่ายสิบบาปที่อยู่ข้างหลังคนตะโกนไม่ได้พูดอะไร แต่พวกเขาปลดปล่อยฉีที่น่าสะพรึงกลัวออกมาให้ทุกคนได้เห็น !
มันปรากฎตัวในรูปแบบของเมฆสีเทา มันสามารถฆ่าคนธรรมดาที่เข้าไปใกล้ ๆ ได้อย่างง่ายดาย !