ที่ไหนซักที่ในหุบเขาที่ห่างจากเป่ยเฟิงหมื่นลี้
สมุนไพรจิตวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนโบกสะบัดไปตามสายลมที่เกิดจากสายฝน นอกจากนี้ยังมีหมอกสีเขียวปกคลุมไปทั่วทุ่งสมุนไพรจิตวิญญาณเหล่านี้
หลังจากฝนหยุดตกแล้ว สมุนไพรจิตวิญญาณก็ดูราวกับสูงขึ้นหลายจั้ง มันเต็มไปด้วยชีวิตชีวากว่าแต่ก่อนมาก
มีฉีลึกลับลอยละล่องอยู่ในหุบเขาทำให้ไม่มีสัตว์อสูรตัวใดกล้าเข้ามาใกล้
มีบ้านเพียงหลังเดียวที่ใจกลางหุบเขา แม้ว่ามันจะไม่ใหญ่จนเกินไป แต่การออกแบบของมันก็ไม่ธรรมดา
แต่ทว่าข้างในบ้านนั้นหากใครซักคนได้เข้ามา พวกเขาก็จะค้นพบว่ามันไม่เหมือนกับภายนอก เพราะในบ้านมันเป็นอีกมิติซึ้งมันมีพื้นที่กว่าหมื่นตารางเมตร
มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเล่นอยู่กับเถาวัลย์ที่กำลังเติบโตใกล้ ๆ หน้าต่าง
เถาวัลย์เส้นหนึ่งยาวครึ่งเมตร มันดูราวกับเด็กน้อยเพราะมันกำลังโอบแขนของเธออยู่
แต่หากมองดูชัด ๆ มันคือเถาวัลย์ที่สามารถฆ่าผู้มีพลังระดับราชาพันปีได้อย่างง่ายดาย !
ผู้หญิงคนนี้มีใบหน้าละเอียดอ่อน การเคลื่อนไหวของเธอในแต่ละครั้งมันราวกับเทพธิดา
“โอ้ มีใครบางคนกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติงั้นรึ ?” ผู้หญิงคนนั้นจ้องมองไปยังทิศหนึ่งพร้อมกับความคิดที่ปรากฎในหัวของเธอ ความอยากรู้อยากเห็นเปล่งประกายในดวงตาของเธอพร้อมกับการจ้องเขม้งไปทางทิศนั้น !
“อัก !”
ผู้หญิงคนนั้นตัวสั่นก่อนจะกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
เลือดของเธอเงางามราวกับคริสตัล
เลือดส่วนใหญ่กระเด็นไปโดนเถาวัลย์ที่อยู่ใกล้หน้าต่าง โดยมีบางส่วนเท่านั้นที่หล่นลงบนพื้น
“ปึก ปึก !”
เสียงเถาวัลย์เริ่มบิดตัวพร้อมกับเคลื่อนไหวไปมา
เถาวัลย์ดูดซึมเลือดอย่างรวดเร็ว จากความหนาที่เท่าข้อมือทารกในตอนนี้ก็เปลี่ยนไปเท่าขาของยักษ์ !
เถาวัลย์โบกสะบัดกลางอากาศทำให้ทุกคนที่เห็นมันต้องหวาดกลัว !
อย่างไรก็ตาม เถาวัลย์มันกลับพยายามทำให้ผู้หญิงคนนั้นได้สติและมันดูเป็นกังวลกับเธอมาก
“นี้ไม่ใช่ภัยพิบัติ แต่มันคือพลังแห่งสวรรค์ ! พลังแห่งสวรรค์ที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความตาย มันเกิดอะไรขึ้นกัน ? ทำไมพลังแห่งสวรรค์ถึงลงมาที่นี่ ?”
ผู้หญิงคนนั้นตกใจมาก เธอรู้สึกได้ถึงพลังอันทรงพลังที่พุ่งมาหาเธอในตอนที่เธอสัมผัสได้กับพลังอันทรงพลัง
และก่อนที่เธอจะได้ทันทำอะไร พลังนั้นก็สะท้อนกลับมาหาเธอ !
ใครจะไปคิดกันว่าจะมีใครก็ไม่รู้สามารถบรรลุพลังได้ทัดเทียมกับเธอปรากฎตัวที่นี่
“อินทรีเก้า พาราชาเสือไปตระเวนรอบ ๆ พื้นที่ตรงนี้ในระยะหมื่นลี้ และดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น จำไว้ว่าพวกเจ้าแค่ไปดูเท่านั้นห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับที่แห่งนั้นเด็ดขาด !”
คำพูดของเธอดังขึ้นในใจของอินทรีย์เก้าโดยไม่ต้องเปิดปาก
“ขอรับ !”
ลึกลงไปในภูเขา มีถ้ำทั้งหมด 9 ถ้ำ สามารถได้ยินเสียงปะทะของเหล็กดังออกมาจากถ้ำได้อย่างต่อเนื่อง
“หยินน !”
ลมกระโชกแรงหมุนวนไปในอากาศพร้อมกับนกอินทรีขนาดใหญ่ที่มีเก้าหัวพุ่งออกมาจากถ้ำใดถ้ำหนึ่ง
หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยสิ่งมีชีวิตลึกลับอีกตัว นั้นคือราชาเสือดำ
ไม่ใช่แค่พวกมันเท่านั้นที่มุ่งหน้าไปยังทิศทางของเป่ยเฟิง มันมีทั้งมนุษย์และสัตว์อสูรที่มีพลังระดับราชาพันปีมุ่งหน้าไปเช่นกัน
“ช่างเป็นความโกลาหลที่ยิ่งใหญ่นัก ข้าละอยากรู้จริง ๆ ว่าใครกำลังบรรลุอะไรบางอย่าง หรือไม่ก็เขาอาจจะกำลังสร้างสมบัติอะไรอยู่ก็ได้”
“ข้าควรจะไปดูมัน ! แม้ว่าข้าจะไม่ได้อะไรกลับมา แต่อย่างน้อยก็ไปเห็นความยากลำบากบางทีมันอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับข้าก็ได้ แต่หากมันเป็นสมบัติละก็ ข้าจะแย่งชิงมันมาซะ !”
ความคิดนี้ปรากฎในหัวผู้มีพลังระดับราชาพันปีหลายคน
ในทางกลับกัน เป่ยเฟิงยังคงจดจ่อตั้งสมาธิอยู่
หนึ่งในสิบของกระแสเลือดของเขาโปร่งใสราวกับคริสตัล ส่วนที่เหลือยังคงเป็นสีดำอยู่
เมื่อสายฟ้าเปลี่ยนเป็นพลังภายในร่างของเขา มันทำให้เลือดของเขากว่า 30% เริ่มสว่างขึ้น
ภายนอก สายฟ้ายังคงโจมตีเขาอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดหย่อน !
จากนั้นเมฆจำนวนมากก็เริ่มหมุนวนจนกลายเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่
สายฟ้ากระพริบกระโดดไปมาในน้ำวนเป็นครั้งราว
“โฮก !”
เสียงคำรามดังขึ้นในหมู่เมฆ และนั่นมันทำให้เกิดเสียงสั่นสะเทือนไปไกลกว่าพันลี้ !
สัตว์อสูรระดับต่ำจำนวนนับไม่ถ้วนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเสียงคำราม ตัวที่ยืนอยู่ใกล้เกินไปถึงกับระเบิดตาย !
เป่ยเฟิงถูกปลุกด้วยเสียงคำรามนั้น
“น่าเสียดาย”
เขาดูราวกับไม่ได้หลับมานานหลายวัน เป่ยเฟิงต้องตื่นขึ้นมาจากการฝึกฝนของเขาเพียงเพราะเสียงคำราม
มันช่างเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับเขา เพราะเขาใกล้จะฝึกฝนมันจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว
‘หากข้าได้เวลาอีกไม่กี่นาที กระแสเลือดพวกนี้คงถูกปลดล็อคไปได้ มันจะช่วยทำให้ข้าประหยัดทรัพยากรและความพยายามไปได้อีกมาก’
แม้ว่าเป่ยเฟิงจะรู้สึกสบายใจที่เห็นกระแสเลือดครึ่งหนึ่งมืดอีกครึ่งสว่าง แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดายโอกาสที่เกือบปลดล็อค 30 % นั้นได้ !
หลังจากตั้งสติได้ เป่ยเฟิงก็จ้องมองไปยังท้องฟ้า
เบ็ดตกปลาได้หายไปแล้ว มันหลงเหลือแต่เพียงเศษชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยกระแสไฟฟ้า
ลำแสงกระพริบพุ่งออกมาจากก้อนเมฆ จากนั้นก็ตามมาด้วยอุ้งเท้าที่เป็นกรงเล็บขนาดใหญ่ !
อุ้งเท้าของมันปกคลุมไปด้วยเกล็ดที่มีลวดลายลึกลับ
เป่ยเฟิงตกตะลึงกับขนาดและความยิ่งใหญ่ของอุ้งเท้านี่
อุ้งเท้ามันใหญ่พอ ๆ กับภูเขา นิ้วแต่ละข้างของมันก็ยาวหลายพันเมตร !
เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งมีชีวิตที่ซ่อนตัวอยู่หลังเมฆก็ปรากฏตัว !
แม้แต่เกล็ดของมันแต่ละเกล็ดก็ยาวหลายร้อยเมตร
“โฮก !”
เสียงคำรามอีกครั้งจากนั้นเมฆก้อนสุดท้ายก็กระจายจนเผยให้เห็นร่างที่ลอยอยู่บนฟ้า !
“มังกร !”
เป่ยเฟิงอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ ใครจะไปคิดกันว่ามันเป็นมังกรจริง ๆ !
แม้ว่ามันจะเป็นมังกรที่เกิดจากสายฟ้า แต่มันดูราวกับเป็นมังกรจริง ๆ !
เป่ยเฟิงวิ่งหนีทันที เขารู้ดีว่ามันไม่มีประโยชน์ที่เขาจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปป
แม้แต่โล่ที่ล้อมรอบตัวเขาก็ยังไม่มีทางทำให้เขารู้สึกปลอดภัย
เป่ยเฟิงกระโดดออกไปไกล เพียงไม่กี่นาทีเขาก็วิ่งหนีไปไกลกว่าร้อยลี้
ในขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ฝึกตนทั้งมนุษย์และสัตว์อสูรก็เกือบจะมาถึงจุดที่เกิดภัยพิบัติ
กลุ่มของมนุษย์มากันหลายคน มี 6 คนที่เป็นเป็นตัวตนระดับราชาพันปี ส่วนสัตว์อสูรมาทั้งหมด 10 ตัว
“พี่ใหญ่ เจ้าสัตว์อสูรตัวนั้นมันแข็งแกร่งกว่าพวกเรานัก”
“มันก็แค่สัตว์อสูร ไม่ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งแค่ไหน มนุษย์อย่างเราก็ฉลาดกว่าพวกมันเสมอ พวกเราควรใช้ประโยชน์จากความฉลาดแทนที่จะใช้กำลัง”
“อย่าประมาทอีกฝ่าย มันยากมากที่สัตว์อสูรจะบรรลุระดับราชาพันปีมาได้ ดังนั้นมันจึงต้องมีชีวิตมาอย่างยาวนานแน่นอน อย่างที่รู้ ๆ สติปัญญาจะเพิ่มขึ้นตามอายุ ดังนั้นมันอาจจะฉลาดกว่าพวกเราก็ได้”
เหล่ามนุษย์ที่มีพลังระดับราชาพันปีพูดคุยกัน
จากนั้นชายหนุ่มที่ดูสุภาพอ่อนโยนคนหนึ่งก็พูดขึ้น “ข้าละอยากรู้ว่าอะไรเป็นเหตุให้เกิดภัยพิบัติอัสนี !”
“ฮึ่ม หากรู้ได้ข้าก็อยากรู้ ข้าอยากจะจัดงานเลี้ยงเหลือเกิน”
“ใช่ เจ้าพูดถูก ข้าไม่ได้ลิ้มรสเนื้อมนุษย์ที่มีพลังระดับราชาพันปีมานานแล้ว ข้ายังจำได้ดีว่าเนื้อของพวกมันกรุบกรอบและเหนียวนุ่มแค่ไหน !”
เหล่ามนุษย์ไม่ได้ตระหนักเลยว่าพวกสัตว์อสูรเองก็พูดคุยกันอยู่ ตั๊กแตนตัวใหญ่ตัวหนึ่งกำลังพูดคุยเรื่องอาหารที่มันไม่ได้ลิ้มรสมานานโดยไม่ลืมที่จะหันไปมองเหล่ามนุษย์ทั้ง 6 คนที่อยู่ใกล้ ๆ