ความเร็วของเรือเทียบเท่ากับความเร็วเสียง
และแน่นอนว่าอัตราการกินหินวิญญาณของมันทำให้ทุกคนต้องปวดใจ
หินวิญญาณในหม้อค่อย ๆ สลายกลายเป็นผงเมื่อหลิงฉีถูกใช้ไปจนหมด
เป่ยเฟิงนั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือ กระแสลมที่พัดเข้ามาไม่สามารถสัมผัสกับเขาได้เพราะมันถูกกั้นไว้ด้วยเลือดฉีของเขา
น้ำสีทองของทะเลสีทองมันราวกับไวท์ชั้นเลิศ มีนกนางนวลตัวใหญ่จำนวนมากบินอยู่ด้านบน มันจะดำลงไปในน้ำแล้วโผล่ออกมาพร้อมกับปลายาวหลายเมตร
ทิวทัศน์ของที่นี่มันราวกับกำลังท่องเที่ยว มองไปที่ไหนก็มีแต่น้ำทะเล นอกจากกลิ่นเค็ม ๆ ที่พัดเข้ามาแล้วมันยังมีเรือจับปลาโผล่มาอีกเป็นบางครั้ง
พริบตาก็ผ่านไปครึ่งเดือน
ประตูสีทองขนาดใหญ่ปรากฎบนขอบฟ้า มันสูงกว่าหมื่นจั้งและดูเหมือนกับประตูไปสู่สวรรค์ เมื่อมองดูมันจะทำให้รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวที่กัดกินจิตใจ
“เมื่อผ่านประตูนี้จะหมายถึงเข้าไปในเขตทะเลลึก จากที่ข้าน้อยรู้มา ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนสร้างประตูนี้ กว่าหนึ่งหมื่นปีที่ผ่านมาเคยมีสัตว์อสูรพยายามจะทำลายประตูนี้ แต่สุดท้ายพวกมันก็ถูกหยุดและถูกสังหารโดยประตู” หลี่เหว่ยอธิบายกับเป่ยเฟิง
“อย่าบอกข้านะว่ามันคือประตูมังกร ?” เป่ยเฟิงหัวเราะ ดูเหมือนเขาจะคิดมากเกินไป
“ประตูมังกร ?” หลี่ปู้ถามด้วยความสนใจ
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมถึงถูกเรียกว่าประตูมังกร แต่คำว่ามังกรก็เพียงพอที่จะทำให้เขาสนใจแล้ว
เป่ยเฟิงระลึกถึงความทรงจำของเขาก่อนจะพูดขึ้น “ที่บ้านเกิดของข้า เคยมีประตูที่ถูกเรียกว่าประตูมังกร มันจะมีปลาชนิดหนึ่งที่ถูกเรียกว่าปลาคาร์พ มันเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่สุด แต่เมื่อพวกมันกระโดดข้ามประตูได้พวกมันก็จะกลายเป็นมังกร”
เรื่องราวของปลาคาร์พกระโดดข้ามประตูมังกรเป็นการบอกเล่าไปทั่วโลกนานมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หลายคนจะรู้จักมันดี
“มังกร ? นั่นเป็นสัตว์อสูรระดับสูงงั้นหรือท่านหัวหน้าตระกูล ?” หลี่ปู้ถามด้วยความสนใจ
เป่ยเฟิงยิ้มและกล่าว “มังกรเป็นสัตว์อสูรเทพเจ้าในตำนาน การโจมตีของมันเพียงครั้งเดียวมันเพียงพอที่จะทำลายดวงดาวเทียนมู่ แม้แต่สัตว์อสูรระดับสูงสุดก็ยังไม่คู่ควรที่จะถือรองเท้าให้มัน”
หลี่ปู้ประหลาดใจเล็กน้อย เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าการทำลายดวงดาวเทียนมู่ด้วยการโจมตีครั้งเดียวมันเป็นยังไง แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นมัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหน
ถึงอย่างนั้นหลี่ปู้ก็ไม่เชื่อมากนัก เขามองเป่ยเฟิงและไม่ได้พูดอะไร มันคงไม่มีทางที่มังกรจะมาปรากฎบนโลกใบนี้ได้หรอก
ไม่แม้แต่มังกรตัวเล็ก ๆ
เป่ยเฟิงสั่งให้จอดเรือที่ประตู จากนั้นเขาก็เหยียดมือไปที่ประตู
เมื่อรู้สึกได้ถึงความเย็นที่ปล่อยออกมาจากประตู เป่ยเฟิงก็ดึงมือออกมา
“อุณหภูมิมันต่ำมาก ! ถึงอย่างนั้นความเย็นนี้กลับถูกหยุดเอาไว้ที่ประตูแทนที่จะกระจายออกมาด้านนอก” เป่ยเฟิงยกมือขึ้นและสังเกตเศษน้ำแข็งที่อยู่บนปลายนิ้วของเขา
อุณภูมิมันต่ำขนาดที่ว่าเป่ยเฟิงยังได้รับผลกระทบ !
หากเป็นผู้ฝึกตนระดับร้อยปี เขาคงจะตายไปแล้ว !
เป่ยเฟิงจ้องมองที่ประตูก่อนจะสั่งให้เรือแล่นออกไป
เมื่อแล่นออกไปได้สักพัก น้ำแข็งบนปลายนิ้วของเป่ยเฟิงก็ละลาย
“ท่านหัวหน้าตระกูล ได้เวลาอาหารแล้ว” หลี่เหว่ยกล่าวด้วยความเคารพในขณะยืนอยู่ด้านหลังเป่ยเฟิง
เป่ยเฟิงรวบรวมสติอีกครั้งแล้วตอบกลับ “อืม”
ลึกลงไปในใจเป่ยเฟิงกำลังคิดอยู่ว่าใครเป็นคนสร้างหอเชื่อมสวรรค์ และอะไรคือสิ่งที่สามารถเชื่อมต่อระหว่างหอเชื่อมสวรรค์กับโลกใบนี้ได้
ยิ่งกว่านั้นคือทุก ๆ โลกมันมีร่องรอยการดำรงอยู่ของมนุษย์ แต่ทว่ามนุษย์ที่อยู่ในโลกหอเชื่อมสวรรค์มาก่อนกลับไม่เคยถูกค้นพบในดวงดาวเทียนมู่
คนเหล่านั้นหายไปไหน แล้วทำไมสัตว์อสูรถึงอยู่รอดมาได้ ทำไมมนุษย์ที่อยู่มาก่อนถึงหายไปไหนกัน ?
มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้ว่าทำไมมนุษย์เหล่านั้นถึงหายไป มันราวกับพวกเขาทั้งหมดหายไปในคืนเดียว
‘แต่ทำไมข้าต้องมาคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ? ข้าเป็นแค่คนที่ผ่านทางมาเท่านั้น’
เป่ยเฟิงเดินตามหลี่เหว่ยไปที่ห้องพัก
ทะเลสีทองมีทรัพยากรจำนวนมาก แม้ว่าปลาหลายตัวจะไม่มีค่าเทียบเท่ากับปลาวิญญาณนิรันดร์ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีประโยชน์เช่นกัน
เป่ยเฟิงนั่งอยู่ในห้องคนเดียว เขากำลังเพลิดเพลินกับอาหารของเขา
กลิ่นหอมของหอยนึ่งลอยเต็มห้อง บนโต๊ะมีกุ้งมังกรตัวใหญ่ที่มีเปลือกสีฟ้าเปล่งไอเย็นและดูสดใหม่
อีกจานคือหอยที่มีเปลือกสีขาวเหมือนหินอ่อน
และที่ดูสะดุดตาอีกอย่างคือหอยเม่นที่ดูเหมือนลูกบาสสีน้ำเงินที่เต็มไปด้วยหนาม
เป่ยเฟิงหยิบหอยที่ดูอ้วนและฉ่ำขึ้นมา เขาจุ่มมันลงในจานซอสแล้วเอาเข้าปาก ทันทีที่เขากัด น้ำของมันก็ระเบิดออกมาเต็มปาก แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับอาหารทะเลที่จะมีกลิ่นคาว แต่มันไม่ใช่หอยชิ้นนี้ มันมีรสที่เบาบางและเต็มไปด้วยกลิ่นหอม
ใช่แล้ว หอยตัวนี้เป็นสัตว์อสูรที่มีพลังระดับขั้นสี่ของร้อยปี
ดวงตาของเป่ยเฟิงเปล่งประกายในขณะเคี้ยวเนื้อหอย แม้ว่าขนาดของมันจะมีขนาดเท่ากำปั้น แต่มันกลับให้พลังงานเขาได้ไม่น้อย
เป่ยเฟิงตื่นเต้นมาก เขาลองอาหารจานอื่น ๆ ต่อทันที
เนื่องจากพ่อครัวประจำตระกูลไม่ได้มากด้วย ดังนั้นเป่ยเฟิงจึงจำเป็นต้องทำอาหารเอง มันจึงเป็นธรรมดาที่รสชาติจะไม่ได้ยอดเยี่ยมนัก แต่อาศัยเพียงแค่คุณภาพของตัววัตถุดิบ มันก็เพียงพอที่จะมีรสชาติล้ำเลิศแล้ว
หลังจากกินเสร็จ เป่ยเฟิงก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็ลุกออกไปจากโต๊ะ
หลังจากทำความสะอาดห้องเสร็จ เป่ยเฟิงก็โบกมือจากนั้นกองหินวิญญาณก็ปรากฎออกมา
“รากฐานของข้าน่าจะแข็งแกร่งพอแล้ว มันถึงเวลาบรรลุอีกขั้นแล้ว’ เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเอง จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
เป่ยเฟิงเตรียมพร้อมที่จะบรรลุขั้นต่อไป
เขารวบรวมพลังจิตของเขามาไว้ที่กระดูกสันหลัง
กระดูกสันหลังคือเสาหลักของร่างกายมนุษย์ ดังนั้นมันจึงถือว่าเป็นแหล่งพลังงาน
กระดูกสันหลังที่แข็งแกร่ง ย่อมทำให้เจ้าของแข็งแกร่งขึ้นตาม !
หลังจากกลั่นเลือดฉีได้แล้ว เขาก็เริ่มบรรลุ !
ราวกับเสือดุร้ายที่วิ่งลงจากเขา เลือดฉีของเขาในไม่ช้าก็สามารถทำลายกำแพงกั้นในส่วนของกระดูกสันหลังส่วนที่ห้าลงได้ !
หลังจากทำลายกำแพงได้ เป่ยเฟิงก็ขมวดคิ้ว ความเจ็บปวดที่เขาต้องเผชิญนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจินตนาการได้
มันเป็นกระบวนการปกติสำหรับผู้ฝึกตน ยิ่งต้องการพลังมากเท่าไหร่ ราคาที่ต้องจ่ายก็ต้องสูงตาม !
การต่อสู้กับใครสักคนนั้นเป็นประสงค์ของสวรรค์ ส่วนการต่อสู้กับตัวเองนั้นเป็นเรื่องปกติของผู้ฝึกตน !
นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนจำนวนไม่น้อยถึงใช้อายุขัยตัวเองจนหมด
ในขณะที่ผู้ฝึกตนระดับร้อยปีนั้นแม้ว่าจะมีชีวิตยืนยาวได้ 800 ปี แต่พวกเขากลับมีชีวิตอยู่ได้เพียง 5-600 ปีเท่านั้น
นั่นเป็นเพราะพวกเขาต้องต่อสู้เผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่ตัวเองต้องเผชิญในขณะฝึกฝน
บางคนอาจไม่รู้สึกถึงอาการบาดเจ็บภายใน และนั่นเป็นสาเหตุที่ว่าแม้เขาจะดูแข็งแกร่ง แต่ก็เหมือนคนที่พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ
แม้ว่าผู้ฝึกตนจะเข้าใจร่างกายของตนได้ดีกว่าคนธรรมดา แต่มันมีข้อจำกัดบางอย่างที่พวกเขาไม่สามารถทำได้
ยกตัวอย่างเช่นอาการบาดเจ็บจะทำให้สูญเสียเซลล์จำนวนมากไป ซึ้งในระหว่างการฟื้นฟู เซลล์เก่าจะถูกทำลายและแทนที่ด้วยเซลล์ใหม่
และหากมันเกิดขึ้นบ่อย ๆ มันจะทำให้อายุขัยของคน ๆ หนึ่งได้รับผลกระทบตามไปด้วย … เว้นเสียแต่ว่าจะพบกับยาที่จะยืดอายุให้ยืนยาวขึ้น
ยาศักดิ์สิทธิ์ มันถือว่าเป็นยาคุณภาพต่ำที่สุดในยาที่ใช้ยืดอายุ มูลค่าของยานั้นเทียบเท่ากับเมืองหลายเมืองเลยทีเดียว
สิ่งเดียวที่ยายืดอายุไม่สามารถช่วยได้คือมันไม่สามารถยืดอายุให้ไกลเกินกว่าขีดจำกัดของตัวเอง
ยกตัวอย่างเช่นผู้ฝึกตนระดับร้อยปีขั้นสูงสุดจะมีอายุยืนยาวสูงสุด 800 ปี
หากผู้ฝึกตนคนนั้นกำลังจะตายเมื่ออายุครบ 600 ปี พวกเขาสามารถใช้ยายืดอายุเพื่อยืดอายุขัยของตัวเองออกไป และตามทฤษฎีแล้วเขาจะมีชีวิตได้ต่อไปอีก 200 ปี
ในทางกลับกันหากผู้ฝึกตนระดับร้อยปีขั้นสูงสุดมีอายุครบ 800 ปีแล้ว ยายืดอายุจะไม่ส่งผลใด ๆ กับเขาอีกต่อไป