ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม – บทที่ 617 ไม่ใช่คนที่จะรังแกได้ง่าย ๆ

บทที่ 617 ไม่ใช่คนที่จะรังแกได้ง่าย ๆ

บทที่ 617 ไม่ใช่คนที่จะรังแกได้ง่าย ๆ

หลังจากเจ้าสามเรียนจบ นับวันโจวชิงไป๋ก็ยิ่งเรียกใช้ลูกชายตัวเองเสียจนคล่องทีเดียว ไม่ว่าจะโรงน้ำชาที่ภาคใต้ หรือว่าร้านอาหารทะเลแห้งที่กว่างโจว โจวชิงไป๋ก็พาเขาไป

หลังจากไปมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งต่อไปเขาก็ให้อีกฝ่ายพาพนักงานไปด้วยตัวเอง รวมทั้งให้ลูกชายเป็นฝ่ายโทรศัพท์ติดต่อเถ้าแก่ด้วย

ซึ่งโจวกุยหลายก็ทำงานได้เป็นอย่างดี

ตอนนี้เขามีหน้าที่รับผิดชอบกิจการของที่บ้านแล้ว มีหลายอย่างที่เขาร่วมจัดการกับหม่าเฉิงหมินจนเสร็จเรียบร้อย ทำให้หลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋แทบไม่ต้องเปลื้องแรงคิดอะไรเลยเมื่อถึงวันสิ้นปี

ดังนั้นถ้าจะไปไห่หนานล่ะก็ ก็ต้องยกให้เจ้าสามจัดการงานของครอบครัวทุกอย่างไป

ปีนี้โจวกุยหลายอายุ 20 ปีแล้ว ต่อให้เขายังอยากออดอ้อนอยู่ก็ไม่มีประโยชน์ มันหมดช่วงเวลาที่เขาสามารถอ้อนพ่อกับแม่ได้ไปแล้ว ขนาดท่านแม่โจวยังไม่สนใจเขาในตอนนี้เลย นับประสาอะไรกับโจวชิงไป๋ที่ยิ่งกว่ากลายเป็นพ่อผู้เข้มงวดคนหนึ่ง

เพียงแต่ว่าพ่อผู้เข้มงวดของเขาคนนี้พอเจอลูกสาวแล้วกลับไม่มีร่องรอยของพ่อผู้เข้มงวดเหลืออยู่เลยสักนิดเดียว

เขาขับรถไปรับเด็ก ๆ เอาสองแฝดมังกรหงส์ไปส่งที่โรงงานเสื้อผ้าของหวังหยวน ส่วนพั่งพั่งก็พาไปส่งที่ร้านขายอาหารทะเลแห้งให้กับซานนี หลังจากนั้นก็จึงค่อยขับรถกลับบ้านมากับลูกสาว

“ป๊าคะ วันนี้หนูเล่นกระดานลื่นด้วย” สาวน้อยมี่มี่สะพายกระเป๋าหนังสือเล็ก ๆ น่ารักไว้บนหลัง เธอเล่าเรื่องที่เล่นสนุกวันนี้ให้พ่อของเธอฟังขณะนั่งอยู่บนท่อนแขนของพ่อผู้แข็งแกร่ง

“สนุกไหมคะ” โจวชิงไป๋พูด

“สนุกค่ะ พรุ่งนี้หนูจะเล่นอีก” มี่มี่พูด

“หิวหรือยังคะ” โจวชิงไป๋ถาม

“หิวนิดหน่อยค่ะ” มี่มี่พูด

สองพ่อลูกพูดโต้กันไปมาขณะเดินขึ้นบันไดไปด้วย พอกลับมาถึงบ้านโจวชิงไป๋ก็ให้ลูกสาวกินเค้กพุทราจีนชิ้นหนึ่ง

สาวน้อยมี่มี่วิ่งไปให้แม่ของเธออุ้มก่อน หลังจากนั้นก็ถูกพี่ชายสามของเธอยกไปอุ้มไว้ในอ้อมแขน เธอพูดขณะในมือถือเค้กพุทราจีนกินไปด้วย “พี่คะพี่กินไหม”

“กินสิครับ” โจวกุยหลายพูด

สาวน้อยมี่มี่จึงแบ่งเค้กในมือให้เขา โจวกุยหลายที่ถูกสายตาของพ่อเขาจับจ้องกินเค้กชิ้นนั้นอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ก่อนพูดชมน้องสาวว่า “ขอบคุณค่ะมี่มี่ เค้กอร๊อยอร่อย พี่ชายชอบมากเลยค่ะ”

สาวน้อยมี่มี่ดีใจมาก ยื่นเค้กในมือให้ผู้เป็นพ่อทั้งที่ยังอยู่ที่อ้อมแขนเขาแล้วพูดว่า “ปะป๊าก็กินด้วยสิคะ”

โจวชิงไป๋ให้ความร่วมมือลูกสาว กินเสร็จแล้วก็พูดขอบคุณเธอเช่นกัน ส่งผลให้มี่มี่ยิ้มจนตาหยี

หลินชิงเหอกำลังทำงานแปลเหลือบมองนิด ๆ แล้วพูด “ทำไมของหม่าม้าไม่มีล่ะคะ”

“หม่าม้าทำงานอยู่นี่คะ เดี๋ยวหนูจะเก็บไว้ให้หม่าม้าเอง” สาวน้อยมี่มี่พูด เธอแบ่งเค้กส่วนหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ

หลินชิงเหอพูด “ยกมาให้หม่าม้ากินทีสิคะ”

สาวน้อยมี่มี่ก็ยกมาให้เธอ มองผู้เป็นแม่กินเข้าไปแล้ว ก็ยังคงจ้องมองเธออย่างเฝ้ารอ แน่นอนว่าหลินชิงเหอตอบกลับไปว่า “อืม อร่อยมากค่ะ”

เพียงเท่านี้มี่มี่ก็พอใจมากแล้ว ก่อนเด็กน้อยจะเริ่มกินของตัวเองพร้อมกับแกว่งเท้าเล็ก ๆ ดูทีวีไปด้วย

โจวชิงไป๋เทนมให้ลูกสาวตนแก้วหนึ่งแล้วพูด “ดื่มนมหน่อย”

“หนูไม่ชอบดื่มนม” สาวน้อยมี่มี่ไม่ชอบดื่มนมวัวจืด ๆ แบบนี้เลย

“ดื่มสองอึกก็ได้ค่ะ” โจวชิงไป๋พูด

โจวกุยหลายไม่อยากจะมองความเป็นทาสรักลูกสาวของผู้เป็นพ่อตัวเองจึงพูดขึ้น “ป๊าควรไปเปิดร้านเกี๊ยวได้แล้วนะครับ”

“หนูอยากไปด้วย” สาวน้อยมี่มี่พูด

โจวชิงไป๋ป้อนนมให้เธอดื่ม 2-3 อึก รอเธอกินเค้กเสร็จแล้วก็พาไปที่ร้านเกี๊ยวด้วยกัน

“ม้า ตอนพวกผมเด็ก ๆ ป๊าผมเป็นแบบนี้ไหมครับเนี่ย” โจวกุยหลายพูด

“ไม่นะ” หลินชิงเหอตอบกลับอย่างฉับไว

“ผมก็ว่าแล้ว ถ้ามีล่ะก็ผมจะต้องจำได้ไม่ลืมแน่นอน รับไม่ไหวเลยจริง ๆ” โจวกุยหลายพูดแขวะ

“ลูกคงไม่ได้อิจฉาใช่ไหม” หลินชิงเหอพูด

“ไม่มีทางที่ผมจะอิจฉาหรอกครับ ผมยังรู้สึกขอบพระคุณที่ป๊าปล่อยผมไปอยู่เลย” โจวกุยหลายพูด ถ้าพ่อของเขาเลี้ยงเขาแบบนี้ ตอนนี้เขาคงกลายเป็นเจ้าหนุ่มหน้าขาว*ไปแล้ว

*หนุ่มหน้าขาว หมายถึง คุณชายที่ทำอะไรไม่เป็น

รักหลงกันเกินไปแล้ว แม้ว่าเขาจะรักน้องสาวคนนี้ไม่ต่างกัน แต่เขาก็ให้ความสำคัญกับการอบรมสั่งสอนมาก

อย่างเช่นเรื่องการแบ่งปันนี้ น้องสาวให้ของกินเขา แน่นอนว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธ แม้ว่าจะไม่ใช่ปัญหาอะไรขนาดนั้น แต่ก็ถือว่าเป็นการอบรมสั่งสอนเธออย่างหนึ่ง

แน่นอนว่าตอนแรกเขาจะพูดว่าไม่เอา เป็นแม่ของเขาที่บอกว่าถ้าเธอให้แล้วก็รับไว้ซะ แล้วก็พูดขอบคุณเธอด้วยก็พอ

หลินชิงเหอหัวเราะ แต่โจวชิงไป๋ไม่ใช่คนที่จะปฏิบัติแบบนี้กับลูกชายตัวเองแน่นอน เขาปล่อยลูกชายไปตามสบายไม่ได้สนใจมาก ขอแค่ไม่ก่อเรื่องเดือดร้อน อย่างอื่นเขาไม่กังวลอะไรอีกแล้ว

ความอ่อนโยนของเขามีให้เธอแล้วก็ลูกสาวคนนี้ของเขาเท่านั้น ส่วนลูกชายทุกคนเอาไว้ทวงหนี้บุญคุณ

ไม่นานโจวเอ้อร์นีก็มาหาเธอ

หล่อนเอาบัญชีสิ้นเดือนของเดือนนี้มาด้วย พร้อมกับบัญชีของโรงงานเสื้อผ้าหวังหยวนที่ในหนึ่งเดือนคำนวณครั้งหนึ่ง

ตอนนี้สองแฝดโตขึ้นไม่น้อย โจวเอ้อร์นีก็สามารถวางมือได้แล้วเช่นกัน แม้ว่าโรงงานเสื้อผ้าจะมีนักบัญชี แต่หลินชิงเหอก็มอบเรื่องตรวจบัญชีให้กับหล่อนด้วย ซึ่งปกติหล่อนจะคอยดูแลร้านน้ำชาของหลินชิงเหอให้

“เรื่องนี้เธอไปพูดกับเจ้าสามนะ” หลินชิงเหอพูด

โจวกุยหลายรับบัญชีสิ้นเดือนของพี่เอ้อร์นีมา ดูแล้วก็พูดไปด้วย “ผมได้ยินว่าช่วงนี้พี่เขยรองรับนักบัญชีมาสองคน ทุกคนเป็นผู้หญิงเรียนจบมหาวิทยาลัยหมดเลยใช่ไหมครับ?”

“ใช่จ้ะ” โจวเอ้อร์นีพยักหน้า

“พี่เอ้อร์นีต้องระวังหน่อยนะครับ” โจวกุยหลายพูดยิ้ม ๆ

แม้ว่าเขาจะยิ้ม แต่ชัดเจนว่าเขากำลังกล่าวเตือนอยู่ โจวเอ้อร์นียิ้มแล้วพูด “สองคนนั้นฉันเป็นคนรับเข้ามาเอง คนหนึ่งแต่งงานแล้ว อีกคนมีแฟนหนุ่มแล้ว”

“ยังไงป้องกันไว้หน่อยก็ดีนะครับ” โจวกุยหลายพูด

“ฉันเคยพูดเตือนกับพี่สามีนายแล้วล่ะ ในใจเขารู้ดี” โจวเอ้อร์นีพูด

หลินชิงเหอยิ้มขณะมองหล่อน แล้วพูดขึ้นว่า “ให้ความไว้ใจเขาขนาดนั้น แน่ใจนะจ๊ะว่าจะไม่มีปัญหา”

สองปีนี้หวังหยวนเองก็ก้าวกระโดดในหน้าที่การงานเร็วมากเช่นกัน โรงงานของเขาจนถึงตอนนี้มีคนงานใกล้จะถึงพันคนอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าโรงงานของเขานั้นขยับขยายขึ้นมาก

และจากอายุของหวังหยวนก็ถือว่ายังหนุ่มยังแน่น ตอนนี้เข้าสู่ยุคสมัยเปิดกว้างแล้ว หญิงสาวสวยที่คอยหว่านเสน่ห์ต้องมีอีกไม่น้อยแน่ สิ่งล่อตาล่อใจก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นด้วย

“เขาก็ควรจะควบคุมตัวเองให้ได้สิคะ ถ้าฉันต้องเป็นคนขัดขวาง ขวางได้ครั้งสองครั้ง สุดท้ายฉันก็ไม่สามารถขวางเขาได้อยู่ดี” โจวเอ้อร์นีพูด

เทียบกับเมื่อก่อนแล้วโจวเอ้อร์นีโตขึ้นไม่น้อย หล่อนย่อมเชื่อใจหวังหยวน แต่หล่อนก็รู้ว่าเขาทนต่อการยั่วยวนค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงให้สองแฝดไปอยู่กับเขาที่นั่น ให้ตอนที่เขาถูกสิ่งล่อตาล่อใจแล้วเกิดทนไม่ไหวขึ้นมา เขาจะได้คิดถึงลูก ๆ สองคนนี้

เป็นไปไม่ได้เลยที่หล่อนจะต้องจับตามองเขาตลอด 24 ชั่วโมง แบบนี้เขาไม่เหนื่อยหรอก แต่หล่อนน่ะจะเหนื่อยเสียเอง

ที่จริงโจวเอ้อร์นีก็เคยคิดว่าถ้ามีวันนั้นขึ้นมา หล่อนขอแค่ลูกก็พอ อย่างอื่นไม่เอาเลยก็ยังได้

หลินชิงเหอหัวเราะ “ไม่ได้รุนแรงขนาดนั้นหรอกจ้ะ นิสัยของหวังหยวนอาดูก็รู้แล้ว แม้ว่าสองปีมานี้เขาจะพัฒนาไปเร็วมาก แต่เขาไม่เคยถูกเงินทำให้ดวงตามืดบอด หรือว่าเป็นคนจนที่จู่ ๆ เกิดรวยขึ้นมาแบบนั้นเหมือนกัน”

โจวกุยหลายมองบัญชีแล้วพูด “บ้านหลักตระกูลโจวของพวกเราก็ไม่ใช่คนที่จะสามารถรังแกได้ง่าย ๆ เหมือนกันนะครับ”

สองปีมานี้บ้านหลักตระกูลโจวของเขาพัฒนาจนไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

……………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มี่มี่น่ารักมาก ใจเหลวไปหมดเลยค่ะ มิน่าล่ะคะผู้ชายบ้านนี้ถึงเป็นทาสน้องกันหมด

จะมีใครมายั่วหวังหยวนไหมล่ะนี่ กลัวใจเหลือเกิน ยิ่งเป็นไทป์เถ้าแก่หล่อรวยด้วย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

Status: Ongoing

<strong>*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน</strong>

<strong>จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 …</strong>

<strong>ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย</strong>

<strong>ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…</strong>

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท