ได้ยินคำพูดของป่ายฉีแล้ว สายตาของหยูฉู่สองจับจ้องไปที่โห้หลีเฉินทันที
แววตาของเขาเฉียบแหลม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง
“หลีเฉิน นายรู้ดีที่สุดว่าอำนาจของตระกูลหยูเรา เลือกคนในบ้านไปหายาเป็นเพื่อนนายซะ ทุกอย่างที่นายต้องการ ตระกูลหยูจะให้ความช่วยเหลือนายเต็มที่”
เพราะฉะนั้น ห้ามปฏิเสธ
สายตาที่โห้หลีเฉินมองหยูฉู่สองดูเย็นชามาก ริมฝีปากบางของเขายิ้มอย่างประชดขึ้นมา
เขาป่วยเป็นโรคทางพันธุกรรม หยูฉู่สองอยากจะช่วยรักษาเขาให้หายจากโรคด้วยความจริงใจไม่ผิด แต่ในนี้ก็มีความเห็นแก่ตัวแอบแฝงอยู่ด้วย
เพราะว่าถ้าหยูฉู่สองหายาแก้พิษมาได้ เขาต้องการครอบครองยาไว้เอง เขาต้องใช้มันมาบีบบังคับให้โห้หลีเฉินอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาแน่ๆ
พอถึงตอนนั้น หยูฉู่สองก็ต้องจับจุดอ่อนนี้ของเขาไว้ไม่ปล่อย
แล้วใช้มันมาบังคับเขาให้ทำในสิ่งที่ไม่สมควร
ตอนนี้โห้หลีเฉินได้เป็นผู้สืบทอดของตระกูลหยูอย่างเต็มตัวแล้ว พวกเขายิ่งให้ความสำคัญกับสายเลือดของเขา ยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ เขาจะปล่อยให้หยูฉู่สองกำจุดอ่อนของตัวเองไม่ได้โดยเด็ดขาด
ถึงหยูฉู่สองจะเป็นปู่แท้ๆของเขาก็เถอะ
โห้หลีเฉินอ้าริมฝีปากบางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“กับแค่หายาแค่นี้ ด้วยความสามารถของผมไม่ใช่เรื่องยากอะไร เลยนะครับ หากไม่ได้จริงๆ ถึงตอนนั้นตระกูลหยูค่อยช่วยก็ยังได้ครับ ”
นิ่งไปครู่หนึ่ง โห้หลีเฉินถึงมองหน้าหยูฉู่สองคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม“คุณปู่ครับ ถึงตอนนั้นคุณปู่คงไม่ปฏิเสธผมใช่มั้ยครับ?”
ฟังแล้วเหมือนกำลังขอความช่วยเหลือจากหยูฉู่สองแต่อันที่จริงแล้วคือกำลังปฏิเสธเขา
ทำให้หยูฉู่สองไม่สามารถพูดปฏิเสธอะไรต่ออีก
สีหน้าของหยูฉู่สองดำลงในทันที จ้องโห้หลีเฉินด้วยสายตาที่ไม่พอใจอย่างมาก แต่ท่าทีโกรธของเขากลับไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรต่อโห้หลีเฉินเลยแม้แต่นิดเดียว
ยิ่งไม่มีทางเปลี่ยนความคิดของเขาได้
หยูฉู่สองโกรธเป็นไฟและโมโหสุดขีด ถึงเขาจะเป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลหยู แต่อำนาจการตัดสินของเรื่องนี้อยู่ที่ตัวของโห้หลีเฉิน
และเขาก็จัดการอะไรกับโห้หลีเฉินไม่ได้
“โห้หลีเฉิน นายต้องรู้ว่าฐานะนายคือผู้สืบทอดของตระกูลหยู !ชีวิตความเป็นความตายของนายไม่ได้เกี่ยวกับนายแค่ตัวคนเดียว แต่มันเกี่ยวพันถึงความรุ่งโรจน์และความเจริญก้าวหน้าของทั้งตระกูลหยูเลยนะ”
หยูฉู่สองเก็บอารมณ์โกรธแล้วมองหน้าของโห้หลีเฉินอย่างจริงจังและเคร่งขรึม
ริมฝีปากของโห้หลีเฉินยกขึ้นนิดๆ รอยยิ้มนั้นดูประชดประชันอย่างเห็นได้ชัด
ยิ่งตอนนี้ หยูฉู่สองเห็นเขาสำคัญเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกขยะแขยงมากเท่านั้น
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ หยูฉู่สองยังคิดจะถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งอยู่เลย
พอตอนนี้ไม่มีหยูซือห้านแล้ว และรู้เรื่องที่ว่าเขาเป็นผู้สืบทอดทางสายเลือด เลยเห็นเขาเป็นคนสำคัญในทันที
แต่ก็ต้องดูว่าคนอย่างเขาอยากจะรับน้ำใจหรือไม่ด้วย
โห้หลีเฉินเบื่อที่จะทนดูความเสแสร้งของหยูฉู่สองต่อ เขาลุกขึ้นโดยตรงแล้วพูดอย่างเย็นชา
“ในเมื่อคุยธุระเสร็จแล้ว ผมก็ควรไปได้ซะที”
ท่าทางเย็นชามาก เหมือนไม่อยากจะอยู่บ้านตระกูลหยูต่อเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ที่เขากลับมาก็เพื่อ เรื่องแรกคือทำให้หยูซือห้านยอมเปิดปากพูด เรื่องที่สองคือ ไม่ให้ตระกูลหยูปลดเขาออกจากตำแหน่งทายาทอีก และอย่ามาตามไล่ฆ่า สร้างความเดือดร้อนให้เขาอีก ส่วนเรื่องที่จะให้อยู่บ้านตระกูลหยู เขาไม่มีอารมณ์เลยแม้แต่นิด
คนทั้งตระกูลหยูเห็นท่าทีของโห้หลีเฉินแล้ว อดไม่ได้รู้สึกใจหาย และคนส่วนใหญ่เริ่มรู้สึกเสียใจและสำนึกผิด
ถ้าพวกเขาไม่ได้ต่อต้านและกลั่นแกล้งโห้หลีเฉินตั้งแต่แรก ตอนนี้ก็คงไม่ถูกโห้หลีเฉินรู้สึกขยะแขยงถึงขนาดนี้
กว่าจะมีผู้สืบทอดที่มีโรคทางพันธุกรรมสายเลือดปรากฏให้เห็นนั้นมันยากมาก แล้วนี่ก็ยังจะมาตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลหยูไปอีกงั้นหรอ?
หยูฉู่สองขมวดคิ้วจนแน่น ไม่พอใจกับท่าทีของโห้หลีเฉินอย่างมาก
แต่ในใจมีความกังวลและเกรงกลัวอยู่ เขายังคงพูดด้วยท่าทีที่อดทนอย่างดี “ก็ดี นายก็ควรจะไปพบพ่อแม่ของเย้นหว่านก่อนได้แล้ว ตระกูลหยูสนับสนุนเต็มที่ให้พวกนายสองคนอยู่ด้วยกัน และถ้าสามารถหมั้นไว้ก่อนก็จะดีที่สุด”
หมั้น
คำพูดนี้เย้นหว่านฟังแล้วรู้สึกตกใจ
คำ คำนี้ พิธีและขั้นตอนแบบนั้น สำหรับเธอแล้วถือว่าคุ้นเคยมาก เพราะเธอกับโห้หลีเฉินก็เริ่มจากการหมั้น
ตอนอยู่ที่เมืองหนานพวกเขาก็อยู่ในฐานะคู่หมั้นมาตลอด
แล้วตอนนี้ยังจะให้หมั้นการอีกหรอ?
หน้าของเธอแดงขึ้นทันที สายตาที่มองโห้หลีเฉินเปล่งประกาย หัวใจเหมือนน้ำทะเลสาบที่นิ่งสงบถูกโยนก้อนหินลงไปแล้วกลายเป็นคลื่นๆปรากฏออกมา
โห้หลีเฉินหันมาแล้วสบตากับเย้นหว่านพอดี
หน้าแดงๆของเธอดูแล้วน่ารักสุดๆ และมีเงาสะท้อนของเขาในดวงตาของเธอ ทำให้เขายิ่งรู้สึกหวั่นไหว
คำว่าหมั้นคำนี้ คงเป็นคำพูดที่หยูฉู่สองพูดเข้าหูที่สุด
“ผมขอกลับไปอธิบายเรื่องราวทั้งหมดในช่วงนี้กับคนที่บ้านตระกูลเย้นก่อน เรื่องอื่นแล้วค่อยว่ากันทีหลังเถอะครับ”
เย้นโม่หลินมองทั้งสองที่รักจนจะกลืนกินกันแล้วขมับกระตุกขึ้นอย่างแรง
เขาหน้าย้อยลงแล้วรีบพูดตัดความคิดของพวกเขาในทันที
ตระกูลหยูสนับสนุนเต็มที่แล้วไงครับ?
เรื่องที่โห้หลีเฉินปลอมเป็นกู้ซึงและเรื่องที่เย้นหว่านต้องเจอกับอันตรายเรื่องมันยังไม่จบนะครับ
ภาพความฝันที่สวยงามของเย้นหว่าน ถูกคำพูดของเย้นโม่หลินทำแตกสลายทันที
เธอมองหน้าของโห้หลีเฉินแล้วยิ้มอย่างจนปัญญา
แววตาของโห้หลีเฉินเผยถึงความอ่อนโยน เขาดึงเย้นหว่านมากอดแล้วกระซิบที่ข้างหูเธอ
“ขั้นตอนหมั้นมันยุ่งยากเกินไป แถมเคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว อันที่จริงเราสามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปเลยก็ได้”
ต่อจากการหมั้นก็คือขั้นตอนแต่งงาน
เย้นหว่านลืมตาโตอย่างตะลึงแล้วก็แดงไปทั้งหน้า
หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเลย
เธอ……ตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอมาก
ถือว่าโห้หลีเฉินได้ปฏิเสธความช่วยเหลือจากตระกูลหยูไปแล้ว งั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องอยู่ต่อ
หลังจากทั้งกลุ่มอยู่ที่นี่มาหลายชั่วโมง แล้วตอนนี้ก็จะจากไปอย่างยกโขยง
ก่อนจะไป เย้นโม่หลินได้พาเย้นหว่านไปที่ที่คุมขังหยูซือห้าน
เย้นหว่านเคยคิดว่าสภาพของหยูซือห้านอาจจะไม่เคยดีนัก แต่ไม่นึกเลยว่าจะน่าอนาถได้ขนาดนี้
เห็นเขานอนกองอยู่ที่พื้น บนพื้นเต็มไปด้วยเลือดสดที่ไหลออกมาจากตัวเขา แขนและขาของเขาทั้งสองข้างมีรูเลือดที่น่ากลัวมาก แถมยังมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
แต่เขานอนกองอยู่ที่พื้นราวกับเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย ลืมตาจนโตและแววตาสว่างจ้องมองที่ฝ้ากระดาน
ปากของเขาขยับและพูดไม่หยุด เสียงฟังดูแหบๆ
เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการสนทนา ประมาณว่าเขากำลังสั่งให้คนไปทำอะไรยังไง……
“ตอนนี้ เขากำลังอยู่ในความฝันที่ถูกสะกดจิต นึกว่าตัวเองอยู่ที่ค่ายฐาน กำลังวางแผนจะจัดการพวกเรายังไง”
ต้วนอานที่ยืนอยู่ข้างๆหยูซือห้านอธิบายให้กับเย้นหว่านฟัง
เขาเป็นคนคอยเฝ้าหยูซือห้านอยู่ที่นี่ตลอดเวลา เป็นเขาที่เป็นคนช่วยดึงตะปูที่ข้อมือและข้อเท้าของหยูซือห้านออกเอง และก็เป็นเขาอีกเช่นเคยที่ใช้คำพูดโน้มน้าวให้หยูซือห้านยอมให้เขาไปที่ค่ายฐาน
เย้นหว่านขมวดคิ้วแล้วถาม “แล้วเขายอมบอกว่ากู้ซึงอยู่ไหนหรือยัง?”
เธอไม่สนใจอำนาจและแผนการของหยูซือห้านเลยแม้แต่นิด เธออยากรู้แค่ว่ากู้ซึงปลอดภัยดีมั้ย
โห้หลีเฉินที่ยืนอยู่ข้างกายของเย้นหว่าน เห็นเธอถามอย่างเร่งรีบเป็นห่วงแล้ว แววตาแอบไม่พอใจ
ผู้หญิงคนนี้ ช่างเป็นห่วงกู้ซึงจังเลยนะ
ดูท่าที่เสียแรงมากขนาดนั้นเพื่อช่วยกู้ซึงกลับมานั้นคงจะไม่คุ้มค่าแล้ว
โห้หลีเฉินแอบคิดในใจ หรือว่าจะหาโอกาสทำให้กู้ซึงตายอีกรอบดีมั้ยนะ?
เย้นหว่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโห้หลีเฉินจะคิดเรื่องโหดร้ายแบบนี้ออกมาได้เธอยังตั้งตารอคำตอบจากต้วนอานอย่างตื่นเต้