สามวันผ่านไป
คนของป่ายฉีตรวจหาพื้นที่รอบๆ อย่างละเอียดแต่นอกจากปลอกกระสุนนั้นก็ไม่พบร่องรอยอะไรอีก
และไม่มีข่าวคราวของเย้นโม่หลิน
เบาะแส ขาดหายอีกครั้ง
อย่างน้อยมันก็ทำให้คนสงสัยว่าปลอกกระสุนนี้เป็นกลลวงตาหรือเปล่า ตั้งใจตบตาให้พวกเขาไปผิดทางและยื้อเวลา
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ กู้จื่อเฟยก็ยิ่งกลัวและกระสับกระส่าย
เป็นระยะเวลาห้าวันเต็ม ๆ ที่ขาดการติดต่อจากเย้นโม่หลิน
ห้าวันสามารถมีเรื่องที่ทำให้รู้สึกสิ้นหวังได้มากมาย
ตอนนี้เขายังไม่ติดต่อพวกเขามาและเป็นการพูดได้ว่าเย้นโม่หลินยังไม่พ้นจากอันตราย ส่วนการตามไล่ล่าภายในห้าวันนี้นั้นเขาอาจจะทนไม่ไหวแล้ว
ถ้าหากเขาตกอยู่ในมือของคนพวกนั้น…
กู้จื่อเฟยไม่กล้าจะคิดว่าเย้นโม่หลินจะโดนอะไรบ้าง
วันนี้กู้จื่อเฟยและพวกกลับไปพักผ่อนที่แคมป์ชั่วคราว ในทันใดนั้นข้อความก็เข้ามาในขณะที่กู้จื่อเฟยอยู่ในเต็นท์เพียงลำพัง
เป็นข้อความจากเบอร์แปลก
เนื้อหาคือ อยากจะช่วยเย้นโม่หลินไหม? ออกมาพบฉันเพียงลำพัง
กู้จื่อเฟยอึ้งและจ้องไปที่ข้อความโทรศัพท์มือถือ ร่างกายของเธอก็รู้สึกหนาวสั่นและกระสับกระส่าย
ก่อนหน้านี้เธออยู่กับป่ายฉีไม่ห่าง เพียงแค่ห่างจากเขามาอยู่ลำพังได้ไม่นาน คนคนนี้ก็เข้าหาเธอแล้ว
ดูเหมือนเขาจะเข้าใจสถานการณ์ของพวกเขาเป็นอย่างดี!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ กู้จื่อเฟยก็หนาวจนขนลุกราวกับว่ามีดวงตามากมายเฝ้าดูเธออยู่รอบตัว
อันตรายรอบด้าน
เธอถือโทรศัพท์แน่นแล้วตอบ
ไปพบคุณเพียงคนเดียวเพื่อให้คุณจับตัวฉันงั้นเหรอ? ฉันไม่ได้โง่นะ!
ข้อความตอบกลับมา วางใจเถอะ ฉันไม่ใช้ลูกไม้แบบนั้นเพื่อจับตัวเธอหรอก ฉันจะให้เธออยู่ในกำมือของฉันด้วยความยินยอม สิ่งที่ฉันต้องการจะบดขยี้คือศรัทธาของเธอ
พวกเธอไม่มีทางอื่นแล้ว ผ่านมาห้าวันแล้ว เย้นโม่หลินรับไม่ไหวแล้ว กู้จื่อเฟยจะช่วยเขาหรือไม่ช่วย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเธอ
กู้จื่อเฟยมองไปที่ข้อความแล้วกัดริมฝีปากแน่นและดวงตากะพริบตลอดเวลา
เธอนั่งตัวแข็งทื่ออยู่นานแล้วจู่ ๆ ก็ลุกขึ้น
และรีบเดินออกมาจากเต็นท์
มื่อบอดี้การ์ดเห็นเธอออกมาจึงถาม
“คุณหนูกู้ คุณจะไปไหนครับ?”
ดวงตาของกู้จื่อเฟยกะพริบเล็กน้อยและพูด “ชักโครกของฉันเสีย ฉันเลยจะไปข้างนอก ไม่เป็นไรแค่แถว ๆ นี้แหละ เดี๋ยวก็กลับ”
“แต่คุณไปคนเดียวไม่ค่อยปลอดภัยนะครับ”
“แถวนี้พวกคุณเก็บกวาดหมดแล้ว ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรอก วางใจเถอะ ฉันไปไม่ไกล เสร็จแล้วจะรีบกลับ”
บอดี้การ์ดลังเลครู่หนึ่งและได้แต่พยักหน้า
ท้ายที่สุด พวกเขาได้ควบคุมบริเวณโดยรอบไว้แล้วจึงไม่มีทางจะเกิดเรื่องใดๆ ในบริเวณนี้
แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่ากู้จื่อเฟยจะไม่ได้อยู่แค่ใกล้ ๆ แต่กลับเดินเข้าถ้ำเสือและเดินไปไกล
รอบข้างเป็นป่า หลังจากกู้จื่อเฟยเดินเข้าไปแล้วก็ไม่เห็นคนอีกเลย
เธอเดินไปตามป่าเขียวชอุ่มไปจนถึงยอดเขา
นี่คือจุดชมวิว ด้านหลังมีความลาดชันเล็กน้อย เต็มไปด้วยโขดหินและต้นไม้หนาแน่น
กู้จื่อเฟยยืนอยู่ข้างต้นไม้ เฝ้าดูทิศทางของภูเขาอย่างระมัดระวัง
ครู่หนึ่งก็มีคนคนหนึ่งเดินเข้ามา
เธอสวมชุดสีดำและมีรังสีแห่งความรุนแรง เธอคือสาวใช้ที่บ้านตระกูลเย้นในวันนั้น
เธอเห็นกู้จื่อเฟยและพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ถากถาง
“ไม่ต้องตื่นเต้น ฉันไม่กินเธอหรอก ฉันมาคนเดียว”
คนเดียวเหรอ?
กู้จื่อเฟยมองไปที่ป่ามืดข้างหลังเธอและไม่ได้พูดอะไร
“เธอรู้ว่าเย้นโม่หลินอยู่ที่ไหน? ฉันต้องการหลักฐาน”
กู้จื่อเฟยตรงไปที่ประเด็น
เธอกลับไม่รีบร้อนและเดินช้า ๆ เข้ามาหากู้จื่อเฟย และหยุดอยู่ตรงหน้ากู้จื่อเฟยโดยห่างกันไม่ถึงสองเมตร
เธอดูเย่อหยิ่งและถากถาง
“ได้สิ ฉันจะให้เธอได้เห็นกับตา ผู้ชายที่เธอรัก ตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว”
พูดแล้วหญิงสาวก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเปิดคลิปวิดีโอ
เธอหันหน้าจอให้กู้จื่อเฟย
ภายในคลิปวิดีโอนั้นเป็นภาพภายในถ้ำกึ่งปิด เย้นโม่หลินกำลังวิ่งไปข้างหน้า ตัวเต็มไปด้วยเลือด สีหน้าซีดเผือด แม้แต่การเคลื่อนไหวและวิ่งก็ดูไม่ค่อยมั่นคง
ส่วนรอบข้างตัวเขาก็มีกระสุนตามไล่ล่า
เขาถูกไล่ล่า!
สถานการณ์ของเขาทั้งแย่และน่าสังเวช เขาเกือบจะรับมันไม่ไหวอีกแล้ว!
กู้จื่อเฟยแทบจะหยุดหายใจในทันใดและสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ ตัวแข็งทื่อเหมือนถูกแช่แข็งไว้
ผู้หญิงคนนั้นดูวิดีโออย่างสนุกสนานและเย้ยหยัน
“นี่เป็นคลิปจากเมื่อวาน วันนี้ เขาคงจะดูแย่กว่าเดิมอีก”
กู้จื่อเฟยกำหมัดแน่น พยายามระงับอารมณ์และไม่ร้องไห้โวยวายออกมา
เธอสะอื้นและถามผู้หญิงคนนั้น
“เธอเป็นใครกันแน่? ! เธอเป็นคนจ้างให้คนมาฆ่าเขาเหรอ?”
“มันสำคัญด้วยงั้นเหรอ?”
หญิงสาวหัวเราะเย้ยหยันและก้าวไปข้างหน้าเข้าใกล้กู้จื่อเฟย “ตอนนี้คนที่ช่วยเย้นโม่หลินมีเพียงแค่ฉันเพียงคนเดียว เธออยากให้เขาตายหรืออยากให้เขารอดล่ะ?”
กู้จื่อเฟยหน้าซีดเผือดจนแทบไม่มีเลือดฝาด
เธอตัวแข็งทื่อและกัดฟันพูด “เธอต้องการให้ฉันทำอะไรกันแน่?”
“ฉันบอกแล้วไง ฉันต้องการให้เธอทำตัวเองเสียหน้า ฉันต้องการให้เธอตายทั้งเป็น”
หญิงสาวยิ้มอย่างโหดเหี้ยมด้วยสายตาที่เกลียดชัง “กู้จื่อเฟย เธอจะทำไหมล่ะ?”
กู้จื่อเฟยกัดฟันแน่นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดิ้นรน
ผ่านไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนเธอจะบีบเสียงออกมาจากลำคอของเธอ
“ถ้าฉันทำตามนั้นแล้วเธอจะปล่อยเย้นโม่หลินไหม?”
“ฉันจะไว้ชีวิตเขา”
เธอเขยิบเข้ามาใกล้กู้จื่อเฟยอีก “หากเธอไม่รับปาก เขาคงอยู่ได้ไม่ถึงพรุ่งนี้”
เธอคำนวณมาอย่างดีแล้ว โดยไม่ให้เธอได้มีเวลาคิดไตร่ตรองและต้องยอมจำนนในตอนสุดท้าย
ตรงหน้ามีเพียงสองทาง หนึ่งคือเธอตาย หรืออีกหนึ่งทางคือเย้นโม่หลินจะต้องตาย
จะเสียสละหรือจะหนี?
เธอต้องการจะบีบให้กู้จื่อเฟยต้องตัดสินใจแบบนี้
ถ้าหากเสียสละกู้จื่อเฟยก็มีแต่จะต้องเดินบนเส้นทางสู่ความตาย แต่ถ้าหากเลือกรักษาชีวิตไว้แล้วยอมปล่อยเย้นโม่หลินไป เธอจะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตและไร้ซึ่งคุณสมบัติที่จะรักเย้นโม่หลิน
“ฉันไม่มีทางเลือกแล้วใช่ไหม?”
กู้จื่อเฟยมองผู้หญิงตรงน้ำด้วยดวงตาแดงก่ำพร้อมสีหน้าที่ซีดเผือดราวกับสูญเสียสิ่งยึดเหนี่ยวสุดท้าย
หญิงสาวดูออก กู้จื่อเฟยโอนอ่อนผ่อนตามแล้ว
“พูดมาสิ เธอเลือกอะไร”
เธออยากจะได้ยินมันออกมาจากปากของกู้จื่อเฟย
ไม่ว่าเธอจะมีความรักที่ยิ่งใหญ่ หรือหนีไปด้วยความเห็นแก่ตัว
เธออยากจะฟังมันจากปากเธอ
ดวงตาของกู้จื่อเฟยเป็นประกายและพูดขึ้นช้า ๆ “สิ่งที่ฉันเลือกคือ…”
ผู้หญิงคนนั้นประหม่ามาก เธออดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้
กู้จื่อเฟยลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “คือ ทางเลือกที่สาม”
พร้อมกับเสียงนั้น กู้จื่อเฟยที่กำลังเศร้าโศกเสียใจ จู่ ๆ ก็รุนแรง เธอหยิบกระบองไฟฟ้าสีดำแทงผู้หญิงคนนั้นบนร่างกายของเธอและกระแสไฟฟ้าแรงก็ไหลออกมาในทันใด
ผู้หญิงคนนั้นล้มลงกับพื้นทันที
โดยไม่ลังเลกู้จื่อเฟยคว้าโทรศัพท์มือถือจากมือของผู้หญิงคนนั้นหันหลังและกระโดดไปทางลาดด้านหลังเขา
ทางลาดนั้นลาดชันมาก เธอแทบจะยืนไม่อยู่ เธอเดินไม่กี่ก้าวแล้วลื่นไปครู่หนึ่ง ถ้าต้นไม้เขียวชอุ่ม เธอก็ไม่สามารถแม้แต่จะล้มลงไปตรงๆ เลยด้วยซ้ำ
ในเวลาเดียวกัน บอดี้การ์ดมากกว่าสิบคนรีบวิ่งออกจากป่าทันที และรีบวิ่งไปที่ขอบหน้าผา