บทที่ 16: แผน! ทั้งหมดนี่ต้องเป็นแผนแน่ๆ!
หวังเต็งเดินเข้าไปในห้องเรียน
ความทรงจำเกี่ยวกับหลินซัวหานยังคงปรากฏอยู่ในใจของเขาอย่างควบคุมไม่ได้ เขาจำได้ว่าในตอนนั้นเธอมักจะเกลี้ยกล่อมเขาด้วยความหวังว่าเขาจะรู้แจ้งและตั้งใจเรียน
น่าเสียดายที่ในชีวิตที่แล้ว เขาไม่เคยหันหลังกลับมอง เขายังคงเดินไปตามทางแห่งความมืดจนถึงที่สุด
หลังจากนั้นทั้งสองก็แยกทางกันและไม่ได้พบกันอีกเลย ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่น่าเสียใจจริงๆ
ผู้หญิงคนนี้ทิ้งร่องรอยของเธอไว้ในความทรงจำของเขา และชาตินี้เขาก็ไม่อยากจะคิดถึงเธอ!
…
เมื่อหวังเต็งกลับไป เกือบทั้งชั้นเรียนก็ได้มาถึงแล้ว และมันก็ทำให้เกิดฟองสบู่ค่าคุณสมบัติที่มากขึ้น
หวังเต็งเดินไปรอบๆห้องเรียนภายใต้สายตาที่สับสนของเพื่อนร่วมชั้นและหเก็บฟองสบู่ทั้งหมดขึ้นมา
อังกฤษ*9
ภาษา*12
ชีววิทยา*15
…
“ นายน้อยหวังกำลังทำอะไรนะ?”
“ ใครจะไปรู้? บางทีเขาอาจจะกำลังเดินเล่นอยู่”
“ เดินเล่น?”
“ ทำไมนายถึงสนใจในสิ่งที่เขาทำกัน? ยังไงเขาก็เป็นลูกเศรษฐีที่ร่ำรวย เพราะงั้นความคิดของเขาจึงไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเราอยู่แล้ว”
“ ความคิดของเขาช่างแปลกประหลาดจริงๆ!”
นักเรียนที่เห็นหวังเต็งเดินไปเดินมาอดไม่ได้ที่จะนินทาเขาเงียบๆ
เมื่อหวังเต็งหันกลับมามองพวกเขา เสียงของพวกเขาก็หายไป พวกเขาทั้งหมดนั่งอยู่ที่นั่นอย่างจริงจังและแสร้งทำเป็นเรียนหนัก
หวังเต็หน้ามุ่ยขณะที่เขานั่งลงบนที่นั่งของเขา
หลินซัวหานไม่ได้อยู่ในที่นั่งของเธอ และมันก็ไม่มีใครรู้ว่าเธอไปที่ไหน
เธอเดินเข้าไปในห้องเรียนก็เมื่อเสียงกริ่งของโรงเรียนส่งสัญญาณการเริ่มต้นบคาบเรียนตอนเช้าดังขึ้น เธอมีการแสดงออกที่เย็นชาและไม่เหลือบมองหวังเต็งเลยแม้แต่น้อย
เธอนั่งบนที่นั่งของเธอราวกับเธอนั่งอยู่คนเดียว
หวังเต็งยิ้มอย่างขมขื่น เขาไม่กล้าที่จะยั่วยุเธออีก
บุคลิกของหลินซัวหานนั้นดูห่างเหินหและเย็นชา เมื่อเธอแสดงท่าทางเยือกเย็น เธอส่งออร่าที่ดูเหมือนห้ามไม่ให้ใครเข้าใกล้เธอ
“ ผู้หญิงคนนี้เย็นชาจริงๆ”
ในระหว่างคาบเรียนตอนเช้า หวังเต็งก็พลิกหนังสือเรียนอย่างไร้จุดหมาย เขารู้สึกเบื่อจนแทบตาย
นักเรียนทุกคนทบทวนบทเรียนอย่างเข้มข้นตลอดทั้งเช้า หวังเต็งเองก็เก็บฟองสบู่อย่างบ้าคลั่งเช่นกัน
ความรู้ของเขาในเรื่องการเรียนเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ถ้าเขาต้องทำการทดสอบตอนนี้ เขาก็น่าจะได้รับคะแนนประมาณ 60 คะแนน
มันน่ากลัวมาก!
ต้องเข้าใจก่อนว่าก่อนหน้านี้คะแนนผลการเรียนของเขานั้นอยู่แค่เพียงหลักหน่วยเท่านั้น และคะแนนหลักหน่วยนั้นก็มาจากการเดามั่วๆที่บังเอิญถูกอีกต่างหาก
หลินซัวหานไม่ต้องการโต้ตอบกับหวังเต็ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะกัน ดังนั้นเธอจึงสามารถเห็นได้ว่าหวังเต็งกำลังทำอะไรอยู่
เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
“ บุคลิกของเพื่อนคนนี้เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันหรือเปล่านะ? เขาอ่านหนังสือเรียนด้วยหรอ? นี่คำพูดของฉันได้ผลอย่างงั้นหรอ?”
“ หรือว่าไอ้บ้านั่นชอบฉันเข้าแล้ว?”
หลินซัวหานไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรแบบนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม เธอก็เคยพูดคุยเรื่องของผู้ชายกับเพื่อนผู้หญิงของเธอมาก่อน นอกจากนี้ เธอก็ยังเคยแอบอ่านนิยายโรแมนติกบางเรื่องอีกด้วย
ในนวนิยาย เมื่อชายหนุ่มตกหลุมรักหญิงสาวอีกคน เขาก็จะจำคำพูดของเธอไว้ในใจและเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเธอ นั่นคือสิ่งที่นวนิยายทั้งหมดบอกเมื่อผู้ชายชอบผู้หญิงคนหนึ่งแล้วต้องการที่จะทำให้เธอประทับใจ….
เมื่อเธอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เธอก็รู้สึกแปลกๆในใจ
อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังคงหงุดหงิดอยู่!
“ เขาคิดที่จะจีบฉันอย่างงั้นหรอ? แต่เขาเป็นคนที่โง่บรรลัยนี่ อย่างงั้นแล้วฉันควรจะทำอย่างไรดี?”
ขณะที่เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลินซัวหานก็ตื่นขึ้นด้วยความตกใจ เธอส่ายหัวไปมาอย่างบ้าคลั่ง และหูของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างควบคุมไม่ได้
ฉันกำลังคิดบ้าอะไรอยู่กันนะ?
มีการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในสมองของหลินซัวหาน ความคิดของเด็กสาวทุกประเภทปะปนอยู่ในหัวของเธอ ใบหน้าของเธอแดงก่ำราวกับลูกมะเขือเทศ
เจตจำนงในการตั้งใจเรียนของหลินซัวหานอาจแข็งแกร่งกว่าเพื่อนของเธอก็จริง แต่เธอก็ยังเป็นเด็กสาว ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่เธอจะหวั่นไหวเมื่อเจอกับเรื่องความรัก
หลังจากนั้นไม่นาน หลินซัวหานก็ถอนหายใจอย่างเงียบๆ
มันเป็นความผิดของเขา เขารบกวนความสงบสุขของฉัน
หวังเต็งสังเกตเห็นหลินซัวหานส่ายศีรษะอย่างเมามันและถอนหายใจโดยไม่มีเหตุผล ซึ่งนั่นก็ทำให้เขารู้สึกสับสน
เธอกำลังทำอะไรอยู่กันนะ?
เขาอดไม่ได้ที่จะเปิดปากของเขา “ คาบเรียนจบลงแล้ว ทำไมเราไม่ไปกินข้าวด้วยกันหน่อยล่ะ คิดซะว่าเป็นการไถโทษเรื่องเมื่อเช้าไง”
หลินซัวหานรู้สึกประหลาดใจ วินาทีถัดมา เธอก็ได้สติ
แผน! ทั้งหมดนี่จะต้องเป็นแผนแน่ๆ! ผู้ชายคนนี้มันจะต้องมีเจตนาอื่นแอบแฝงต่อฉันอย่างแน่นอน!
หวังเต็งตกตะลึง
ทำไมเธอถึงได้ดูระแวดระวังขนาดนี้กัน?
หรือว่าข่าวลือที่ฉันค้ามนุษย์จะกระจายไปอีกแล้ว
หลินซัวหานจ้องไปที่หวังเต็งและพูดอย่างเย็นชาว่า “ ไม่ ฉันไม่ไป”
เธอลุกขึ้นและหยิบกระเป๋าของเธอหลังจากพูดจบ จากนั้นเธอก็วิ่งออกจากห้องเรียนและปล่อยให้หวังเต็งยืนอยู่ที่นั่นคนเดียว
“ แปลกจริง!” หวังเต็งส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เขาน่ากลัวมากขนาดนั้นเลยหรอ?
อะไรกันที่ทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งถึงกับวิ่งหนีฉันอย่างไม่คิดชีวิตขนาดนั้น?
“ พี่หวังเต็ง ไปกินข้าวกันเถอะ!” เสียงของซูเจี๋ยดังมาจากนอกห้องเรียนในขณะนี้
หวังเต็งลุกขึ้นและเดินออกไป
ซูเจี๋ยเองก็เป็นนักเรียนปีสามเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เขาก็อยู่ห้อง 12
สำหรับไป่เว่ยและหยูห่าว พวกเขาก็เรียนอยู่ชั้นปีสอง
โดยปกติแล้วพวกเขาก็มักจะไปกินอาหารข้างนอกโรงเรียน อย่างไรก็ตาม วันนี้พวกเขาก็เลือกที่จะเข้ามากินที่โรงอาหาร
เมื่อหวังเต็งและซูเจี๋ยมาถึงโรงอาหาร มันก็มีคนอยู่แน่นแล้ว
ในขณะนั้นเอง การแจ้งเตือนวีแชทของซูเจี๋ยก็ดังขึ้น
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาดู จากนั้นเขาก็พูดว่า “ ไปที่ชั้นสองกันเถอะ ไป่เว่ยและคนอื่นๆกำลังรอเราอยู่ที่นั่น”
ชั้นสองกว้างขวางกว่าชั้นแรก
เมื่อพวกเขามาถึงชั้นสอง อากาศข้างบนนั้นก็เย็นมาก และมันก็มีคนอยู่ไม่มากเท่าไหร่
ราคาของอาหารบนชั้นสองนั้นสูงกว่าขชั้นแรกมาก ดังนันนักเรียนธรรมดาจึงไม่ค่อยนิยมมากินกันท ชั้นสอง
ขณะที่พวกเขาขึ้นมา พวกเขาก็มองไปรอบๆโรงอาหารและในที่สุดพวกเขาก็เห็นไป่เว่ยและหยูห่าวนั่งอยู่บนที่นั่งทางขวา
พวกเขาเตรียมอาหารเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และมันก็ยังคงร้อนอยู่ เห็นได้ชัดว่ามันเพิ่งทำเสร็จได้ไม่นาน
นี่เป็นลักษณะเฉพาะของชั้นสอง ไม่เพียงแต่อาหารจะเลิศรสและอร่อยเท่านั้น แต่มันยังปรุงออกมาในทันทีอีกต่างหาก
ที่ชั้นหนึ่ง อาหารทุกจานถูกปรุงเอาไว้ล่วงหน้าและใส่ลงในถาด และนักเรียนก็มีสิทธิ์เลือกได้แค่เท่าที่มีอยู่เท่านั้น
นอกจากนี้มันก็ยังมีการใช้ช้อนตักอาหารร่วมกัน หลังจากตักกับข้าวจานหนึ่งแล้ว คนครัวก็จะเอาช้อนคันเดียวกันนี้มาตักอาหารให้กับอีกจานหนึ่งโดยไม่ผ่านการล้าง ดังนั้นรสชาติที่แตกต่างกันทั้งหมดจึงถูกผสมรวมกัน และมันก็เป็นความทุกข์ทรมานต่อต่อมรับรสของคนๆหนึ่งเป็นอย่างมาก
คุณเคยลองรสชาติของการผสมระหว่างมะเขือเทศผัดไข่,หมูทอด,มะเขือยาวรสปลา และ… หรือยัง?
เมื่อคุณเคยแล้ว คุณก็จะไม่อยากลองอีกเลย
หากคุณมาสาย คุณก็จะได้กินแค่เศษอาหารเหลือเท่านั้น
ทั้งสี่พูดคุยกันอย่างมีความสุขและกินข้าวไปในเวลาเดียวกัน
เมื่อกินได้ครึ่งชจาน หยูห่าวก็ชี้ไปในทิศทางหนึ่งและถามว่า “ นั่นมันหยวนจางหัวไม่ใช่หรอ?”
ซูเจี๋ยและไป่เว่ยมองไปทางนิ้วของเขาทันที
“ เฮ้ย ไอ้เวรนั่นจริงๆด้วย!” ซุเจี๋ยเย้ยหยัน
“ แล้วไอ้หัวหมูข้างเขาๆนั่นมันก็… นั่นมันหลี่หรงเฉิงไม่ใช่หรอ?” ดวงตาของไป่เว่ยเบิกกว้างขณะที่เธอถามอย่างสับสน
“ หัวหมูไหน?”
ซูเจี๋ยและหยูห่าวตกตะลึงในเวลาเดียวกัน จากนั้นพวกเขาก็ดูอย่างระมัดระวัง
“ โอ้พระเจ้า ฮ่าฮ่า นั่นมันนายน้อยหลี่หรงเฉิงจริงๆด้วย เขากลายเป็นแบบนี้ได้ไปได้ยังไงกัน?” ทั้งสองคนประหลาดใจ จากนั้นพวกเขาก็หัวเราะออกมา
“ มันอาจจะเป็นเพราะ…”
ขณะที่ไป่เว่ยเริ่มพูด ซูเจี๋ยและหยูห่าวก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่าง พวกเขามองไปที่หวังเต็งด้วยท่าทางแปลกๆ
เมื่อหวังเต็งเห็นรูปลักษณ์ของหลี่หรงเฉิง เขาก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ผับกุหลาบป่าในทันที เขาไออย่างเชื่องช้าและพูดว่า “ อะแฮ่ม อย่าพูดไร้สาระถ้านายไม่มีหลักฐาน”