ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 742

ตอนที่ 742

บทที่ 742 สงครามแห่งความเป็นความตาย

“ฮ่าฮ่า เทียนอิงมาก็ดีแล้ว ทุกคนคงรู้นิสัยผมดี ผมพูดคำไหนคำนั้น!”

เฉินเฟิงเดินยิ้มลงมาจากรถ แล้วเดินมุ่งมาทางเทียนอิง ก่อนจะตบไหล่อีกฝ่ายสองสามที ราวกับรู้ๆกันอยู่ว่ามันหมายความว่าอย่างไร

แน่นอนว่าเทียนอิงรู้ว่าเฉินเฟิงหมายถึงสัญญาที่ให้แก่เขาเมื่อวาน

ทั้งหมดนี้ไม่ต้องพูดก็เข้าใจกันอยู่ เทียนอิงพยักหน้ารับจากนั้นก็เดินตามชางโป๋และคนอื่นๆไปยังที่นั่งสำหรับผู้ชม มีเพียงเฉินเฟิงคนเดียวที่เดินไปยังพื้นที่สำหรับรอการแข่งขัน

เมื่อเทียนอิงและคนอื่นๆมาถึงสนามแข่งขันก็พบว่าที่นั่งในสนามถูกจับจองจนหมดแล้ว กวาดสายตามองไปทางไหนก็พบคนเต็มไปหมดพร้อมกับมีเสียงจอแจดังให้ได้ยิน แต่ละคนล้วนตื่นเต้นเป็นอย่างมากเพราะพวกเขารอการแข่งขันในรอบนี้มาอย่างยาวนาน

ความน่าตื่นตาตื่นใจในการแข่งขันของเฉินเฟิงตั้งแต่ช่วงแรกและช่วงกลางสามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าถึงเฉินเฟิงจะไม่ได้ตำแหน่งแชมป์แต่ชื่อเสียงของเขาก็กลบทุกคนไปหมดแล้ว

เมื่อเฉินเฟิงมาถึงสนามแข่งขันก็พบว่าจั่วจู้มารออยู่ก่อนแล้ว ราวกับรอที่จะฆ่าเฉินเฟิงเพื่อลบล้างความอัปยศของประเทศญี่ปุ่นไม่ไหวแล้ว

จั่วจู้ยังคงสวมชุดซามูไรสีขาว นั่งขัดสมาธิ เมื่อเฉินเฟิงเดินเข้ามาในสนามเขาก็กวาดสายตาไปมองทันที

“โอ้ นั่นใครน่ะ ทำไมกระโดดโลดเต้นแบบนั้น!”

“ไม่รู้ล่ะสิ ใครบอกให้นายไม่มาดูการแข่งขันเมื่อวานเอง คนนั้นคือเทียนอิงที่พ่ายแพ้ให้กับจั่วจู้เมื่อวานจนขาหักไปข้างหนึ่ง!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูตลกชะมัด!”

เทียนอิงเพิ่งมาถึงสนามก็มีเสียงซุบซิบดังมาจากผู้ชมรอบด้าน ส่วนใหญ่คือเสียงหัวเราะเยาะอย่างสนุกสนาน เทียนอิงกระโดดไปยังที่นั่งของตนโดยไม่สนใจเรื่องพวกนี้

ขณะนั้นเองราวกับจั่วจู้สัมผัสได้ เขาจึงเปิดเปลือกตาก่อนจะเอ่ยเยาะเย้ย “คนที่ไร้ความสามารถอย่างนาย มาที่นี่เพราะอยากจะปลิดชีวิตตัวเองต่อหน้าฉันสินะ!”

“หึ ไอ้ญี่ปุ่นฉันจะคอยดูว่าเฉินเฟิงจะจัดการกับแกยังไง!”

พูดจบเทียนอิงก็ไม่ได้สนใจเขาอีก หันหลังเดินกลับไปยังที่นั่งของตน

“รอฉันจัดการกับเฉินเฟิงก่อน แล้วแกคือคนถัดไป!”

จั่วจู้หัวเราะเสียงเย็นพลางหยัดตัวขึ้น พิธีกรที่สวมเสื้อเชิ้ตสีดำมาถึงสนามแข่งขันแล้ว

“สวัสดีทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่สนามของการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลก การแข่งขันดำเนินไปกว่าครึ่งแล้ว ช่วงนี้คือช่วงที่น่าตื่นตาตื่นใจหนึ่งในสี่ของการแข่งขัน การแข่งขันในรอบนี้จะเป็นการพบกันระหว่างเฉินเฟิงจากประเทศหวาและจั่วจู้จากประเทศญี่ปุ่น การแข่งขันรอบที่แล้วหลู่หม่าจากชนเผ่าอินเดียได้รับบาดเจ็บจนทำให้วิลเลียมเป็นฝ่ายชนะและเข้ารอบ เช่นนั้นการแข่งขันในรอบนี้จะเป็นอย่างไร?”

ถือว่าพิธีกรช่างเล่นแง่พอสมควรก่อนเอ่ยต่อ “ผมคิดว่าทุกคนคงตั้งหน้าตั้งตารอการแข่งขันในรอบนี้มาอย่างยาวนาน จั่วจู้จากประเทศญี่ปุ่นพร้อมแล้ว ลำดับต่อไปขอเชิญเฉินเฟิงขึ้นสู่เวทีครับ!”

“ดี!”

พิธีกรเอ่ยจบก็มีเสียงโห่ร้องอย่างยินดีจากผู้ชมที่อยู่ในสนาม ทุกคนต่างตะโกนพร้อมกับมีเสียงเป่าปากควบคู่ เฉินเฟิงจึงค่อยๆเดินออกมาจากช่องทางสำหรับผู้เข้าแข่งขัน

“เฉินเฟิงออกมาแล้ว!”

“เฉินเฟิง เฉินเฟิง!”

เมื่อเฉินเฟิงปรากฏตัว เสียงโห่ร้องของผู้ชมก็ดังถึงขีดสุด ราวกับเสียงฟ้าร้องที่ดังจนหูแทบดับ โดยบางคนก็ชื่นชมเฉินเฟิงจากใจจริง บางคนก็ลงพนันไว้ที่ตัวเฉินเฟิง

ไม่ว่าอย่างไร เฉินเฟิงก็ยกมือขึ้นคารวะตอบกลับเสียงโห่ร้องจากทุกคน แสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดและเข้าถึงได้ ทุกคนสัมผัสได้ถึงความเคารพที่เฉินเฟิงมอบให้

สำหรับเรื่องนี้ จั่วจู้จากประเทศญี่ปุ่นกลับมีสีหน้ามืดครึ้ม ไม่พูดไม่จา การแข่งขันยังไม่ทันเริ่มด้านความนิยม เขาก็ถือว่าแพ้แล้ว

เดิมทีจั่วจู้ก็ไม่ชอบเฉินเฟิงอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ “ไอ้เดรัจฉาน ครั้งก่อนที่แกทำบาปอย่างใหญ่หลวงที่ประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้แกจะโชคดีหนีรอดไปได้แต่วันนี้แกต้องตายสถานเดียว!”

เฉินเฟิงแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นพลางเอ่ย “ขยะอย่างพวกนายไม่มีอะไรจะพูดแล้วหรือ? คนที่เคยพูดแบบนี้กับฉันตายไปหมดแล้วนะ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!” จั่วจู้หัวเราะเสียงดังราวกับได้ฟังเรื่องตลกนักหนา จากนั้นก็เยาะเย้ย “สวะอย่างแกคงจะไม่ขี้ขลาดจนไม่กล้าเข้าร่วมสงครามแห่งความเป็นความตายกับฉันหรอกนะ? ก็ดี หากแกคุกเข่าขอร้องฉัน ไม่แน่ฉันอาจจะใจดีไว้ชีวิตแกก็ได้!”

“ขยะอย่างนาย ฉันฆ่ามานับมาถ้วนแล้ว แต่ว่าวันนี้ฉันไม่ฆ่านายหรอก ฉันจะไว้ชีวิตนายเพื่อให้เพื่อนฉันเป็นคนจัดการนายเอง!” เฉินเฟิงตอบโต้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

“หื้ม!!!”

เทียนอิงที่นั่งอยู่บริเวณที่นั่งสำหรับผู้ชม เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเฟิงก็กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัวพลางหายใจหอบถี่ เขารู้ว่าเฉินเฟิงกำลังให้กำลังใจเขาและไว้หน้าเขา จนเขาเกิดความรู้สึกอบอุ่นในใจ

จั่วจู้ชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองเทียนอิงพลางเอ่ยเยาะเย้ย “แกคงไม่ได้หมายถึงสวะคนนั้นใช่ไหม?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!” จั่วจู้หัวเราะเสียงดังอีกครั้ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยก่อนเอ่ยต่อ “ต่อให้ไอ้ขาพิการคนนั้นจะฝึกอีกร้อยปี ฉันก็สามารถกำจัดมันได้อยู่ดี!”

หลังจากเทียนอิงได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของจั่วจู้ สีหน้าเขาก็มืดครึ้ม มือกำหมัดแน่นจนเกิดเสียงดังกร๊อบ

“พูดมาตั้งนาน สวะอย่างแกก็ไม่กล้าสู้กับฉันอยู่ดี แกนี่มันไอ้สวะจริงๆ!” เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงไม่มีเสียงตอบโต้เรื่องสงครามแห่งความเป็นความตาย จั่วจู้จึงคิดว่าเฉินเฟิงกลัวตนเอง จนเกิดความมั่นใจเต็มเปี่ยม

“เกิดอะไรขึ้น? วันนี้เฉินเฟิงเป็นอะไรไป?”

“ใช่ ดูไม่ค่อยปกติ นี่มันไม่ใช่นิสัยของเฉินเฟิงเลย!”

“เฉินเฟิงคงไม่ได้กลัวจริงใช่ไหม เช่นนั้นถูกจั่วจู้เยาะเย้ยทำไมเขาถึงไม่ตอบโต้!”

เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ ผู้ชมในสนามก็เริ่มวิจารณ์กันเสียงเบา เนื่องจากวันนี้เฉินเฟิงดูไม่เหมือนเดิม

ขณะนั้นเอง กรรมการตัดสินที่สวมเสื้อคลุมสีดำก็เอ่ยปากขึ้น “ทั้งสองฝ่ายเตรียมตัว การแข่งขัน……”

“ไอ้สวะ แกกล้าเข้าร่วมสงครามแห่งความเป็นความตายกับฉันไหม!”

ไม่รอให้กรรมการตัดสินได้ประกาศเริ่มการแข่งขัน ฉับพลันจั่วจู้ก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง

“ท่านกรรมการ สงครามแห่งความเป็นความตายที่อีกฝ่ายพูดถึง ผมยอมรับ!”

เฉินเฟิงไม่เปิดโอกาสให้จั่วจู้ แต่กลับหันไปเอ่ยกับกรรมการอย่างนอบน้อม

“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดไอ้สวะนั่นก็ยอมรับ!” จั่วจู้หัวเราเสียงดังราวกับตนเองได้เปรียบหนักหนา เอ่ยจบพลังของเขาก็พุ่งสูงจนถึงจุดสูงสุดในพริบตาพร้อมกับแผ่รังสีความอาฆาตออกมา

“เฉินเฟิง จั่วจู้พวกคุณยอมรับสงครามแห่งความเป็นความตายใช่ไหม!” เห็นดังนั้นกรรมการตัดสินก็หันไปเอ่ยถามทั้งสองคนเพื่อความมั่นใจ

“ยอมรับ!”

เฉินเฟิงและจั่วจู้ต่างตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน

เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยอมรับการแข่งขันในครั้งนี้ก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก หลังจากประกาศเริ่มการแข่งขันเสร็จกรรมการตัดสินก็เดินลงจากเวที

“สงครามแห่งความเป็นความตาย!”

“เฉินเฟิงจัดการมัน!”

หลังจากกรรมการตัดสินลงจากเวทีไปแล้ว เสียงโห่ร้องดังกึกก้องของผู้ชมก็ดังขึ้นอีกครั้ง การแข่งขันรอบนี้เป็นการแข่งขันที่ทุกคนเฝ้ารอมานาน

“หึ!”

เมื่อเผชิญกับเสียงโห่ร้องของผู้ชม จั่วจู้ก็พ่นลมออกจากจมูก ถึงแม้เขาจะไม่ชอบใจแต่ก็ไม่ได้สนใจนัก พลังของเขาพุ่งสูงขึ้นจากนั้นเขาก็พุ่งออกไปในพริบตา

ถึงแม้ว่าเฉินเฟิงจะฆ่าหลี่ชางซี รอนและหงอี้ไปแล้วทว่าจั่วจู้ก็ไม่สนใจ เขาคิดว่าขยะพวกนั้นไม่สามารถเทียบกับเขาได้ เขามั่นใจในความสามารถของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยมจึงไม่ได้อาศัยยาพันธุกรรมภายในร่างกาย

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท