ลูกเขยมังกร – ตอนที่ 838

ตอนที่ 838

แล้วคำพูดแบบนี้จะทำให้ชิงจือพึงพอใจได้อย่างไร ตอนนี้เธอมองไปยังชายชราหยางด้วยความโมโห แต่อาจเป็นเพราะความสนิทชิดเชื้อ ทำให้เธอไม่ได้ลงมือทำอะไร

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมคุณถึงได้ทำแบบนี้ แต่นับตั้งแต่เริ่มสิบสองเม็ดบัวพระพุทธเจ้าไม่ใช่ของที่พวกเราควรจะไปแตะต้องอยู่แล้ว คุณทำมันหายไป คุณก็รู้ดีว่าหากคนอื่นๆ รู้เข้า พวกเขาจะทำอย่างไรกับคุณ ?”

“ฉันรู้ตั้งนานแล้วหล่ะ” ชายชราหยางยิ้มออกมาด้วยความเศร้าหมอง

“แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่เคยคิดเสียใจที่ทำแบบนี้”

ทันใดนั้นสีหน้าโกรธเคืองของชิงจือก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าปกติอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอเพียงแต่ตอบกลับอย่างเรียบเฉย

“ฉันจะไม่พูดเรื่องที่ฉันได้รู้ออกไป แต่ข่าวนี้ก็คงจะปิดบังได้อีกไม่นานเท่านั้น มีคนในกลุ่มพวกเขาสามารถตรวจสอบทิศการเคลื่อนไหวของสิบสองเม็ดบัวได้ และส่วนที่คุณทำหายไปยังไงพวกเขาก็ต้องรู้อยู่ดี เมื่อถึงเวลานั้นทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณคนเดียวแล้ว”

ในตอนที่ชิงจือพูดจบ เฉินเฟิงสามารถรับรู้ได้ทันทีเลยว่าเธอสะกดอารมณ์ไม่พอใจของเธอเอาไว้จนมิด โดยที่น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความผิดหวัง

แต่สิ่งที่ทำให้เฉินเฟิงเกิดความอยากรู้อยากเห็นมากที่สุดก็คือสิบสองเม็ดบัวพระพุทธเจ้าที่ชิงจือพูดถึงนั้น

เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน แต่จากตัวเลขสิบสองจำนวนเขาเคยได้ยินชิงชิวพูดถึงจำนวนของเหล่ามหาปรมาจารย์ก่อนหน้านี้ และหากนำมาเปรียบเทียบกันแล้วสิบสองเม็ดบัวนั่นคงจะเป็นของที่เหล่ามหปรมาจารย์ทั้งสิบสองคนได้ครอบครองเอาไว้

แต่ว่าของแบบนั้นมันมีประโยชน์ในการใช้งานอย่างไรกันแน่ เฉินเฟิงหันไปจ้องชิงจือ เขาไม่กล้าถาม เพราะต่อให้ถามไปก็คงจะไม่ได้คำตอบอะไรตามเดิม

และในเมื่อตอนนี้ชายชราหยางได้ปฏิเสธคำขอของชิงจือไปแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อ

แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจะเดินทางกลับ หยางสิงอี้กลับดึงตัวเฉินเฟิงเอาไว้

เฉินเฟิงที่ถูกเขาพาไปอีกทางกล่าวถามขึ้นอย่างสงสัย

“มีเรื่องอะไรถึงต้องคุยกับผมเพียงลำพังแบบนี้?”

หยางสิงอี้ตอบกลับอย่างจริงจัง “เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้?”

เฉินเฟิงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ

“เรื่องที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับผม ปกติแล้วผมจะไม่เข้าไปยุ่งด้วยหรอกนะ”

แต่ทันใดนั้นสีหน้าของหยางสิงอี้ก็หมองลง ก่อนที่เขาจะพูดออกมาด้วยความหดหู่

“ที่แท้คุณก็เดาได้แล้วสินะ หึ ผมกำลังคิดอยู่พอดีเลยว่าจะทำอย่างไงให้คุณ …… แต่ช่างมันเถอะ”

เฉินเฟิงมองเขา สิ่งที่หยางสิงอี้พูดมาทั้งหมดนี้ต่อให้เป็นเรื่องเมื่อคืนนี้หรือเป็นเรื่องที่มีคนตายในเช้าตรู่วันนี้ แต่หลังจากที่รู้เรื่องว่าไอ้ผมแดงตายไป เฉินเฟิงก็ไม่เคยคิดว่าจะเป็นฝีมือของหยางสิงอี้เลย แต่พอสังเกตเห็นหยางสิงอี้ที่พยายามหลบสายตาเวลาที่มองเขา เขาถึงได้คิดว่าอาจจะมีความเป็นไปได้ที่เขาจะทำ

แต่อย่างที่เฉินเฟิงเคยบอกเอาไว้ เรื่องที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขา เขาจะไม่เข้าไปยุ่งด้วยเด็ดขาด และยิ่งไปกว่านั้นไอ้ผมแดงก็ไม่ใช่คนดีอะไรด้วย

ตอนนี้หยางสิงอี้ยังคงไม่เชื่อใจในคำพูดของเฉินเฟิง จนเขานิ่งเงียบไปนานหลายวิ

“ผมจะบอกกับคุณเรื่องที่อยู่ของสิบสองเม็ดบัวพระพุทธเจ้า แลกกับการที่คุณจะเก็บความลับเรื่องนี้เอาไว้”

เฉินเฟิงมองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ เดิมทีเขาไม่ได้คิดจะทำอะไรอยู่แล้ว แต่ในเมื่อตอนนี้หยางสิงอี้เป็นฝ่ายเสนอมา เขาก็ไม่อาจที่จะเสียมารยาทได้ ฉะนั้นเขาเลยยักไหล่เป็นการรับข้อเสนอ

“ข้อเสนอนี้ถือว่ามีความสมเหตุสมผล แต่ผมจะเชื่อได้อย่างไรว่าสิ่งที่คุณพูดมาคือความจริง ในเมื่อชายชราหยางพ่อของคุณยังไม่ยอมที่จะพูดเรื่องนี้ออกมา คุณก็ไม่ควรที่จะทำแบบนี้นี่หน่ะ”

ถึงแม้ว่าเฉินเฟิงจะพูดแบบนั้น แต่หยางสิงอี้กลับตอบเขาอย่างไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง

“ที่ผมบอกคุณก็เพื่อพ่อของผมเอง เดิมทีเรื่องนี้ไม่ควรจะเป็นความรับผิดชอบของเขาด้วยซ้ำ และเพียงแค่เพราะความรับผิดชอบในคำมั่นสัญญา เขาถึงต้องทำหน้าที่นั้นตราบจนวันสุดท้ายกว่าชีวิตจะดับหายไป”

เฉินเฟิงนิ่งเงียบ ตอนนี้เขาเพียงไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงของมัน เขาจึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

“แต่ว่าหลังจากที่ผมบอกคุณไปแล้ว สิ่งแรกเลยคุณอย่าพูดเรื่องของผมออกไปให้ใครรู้ และสิ่งที่สองคือทางที่ดีคุณและผู้หญิงคนนั้นอย่าคิดที่จะไปตามหามันเด็ดขาด เพราะพ่อเคยบอกเอาไว้ว่าคนที่ดูแลเม็ดบัวนั้นเป็นคนที่ร้ายกาจอย่างมาก”

เฉินเฟิงพยักหน้ารับคำของเขา สำหรับเรื่องของหยางสิงอี้เดิมทีเขาไม่เคยคิดมากอะไรอยู่แล้ว แต่เรื่องของเม็ดบัวนั่นจะตัดสินใจอย่างไร เขาอาจจะต้องพูดคุยกับชิงจือให้ชัดเจนก่อน หรืออาจจะเก็บเอาไว้คนเดียว แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ผิด

“ผมเข้าใจแล้ว”

“ภายใต้ตึกไห่สือ นักพรตเต้าสวน” หยางสิงอี้บอก

เฉินเฟิงที่ได้ยินแบบนั้นกำลังจะถามให้เข้าใจ แต่หยางสิงอี้กลับชิงพูดขึ้นมาก่อน

“หวังว่าคุณจะรักษาคำสัญญา” พูดจบเขาก็หันหลังกลับทันที เหลือเพียงเฉินเฟิงที่ยืนงงอยู่ตรงนั้น

เฉินเฟิงครุ่นคิดแต่ก็ไม่ได้วิ่งตามกลับไปถาม ก่อนจะเดินกลับไปที่รถ

ทันทีที่เขานั่งเข้าไปในรถ ชิงจือก็เป็นฝ่ายเริ่มถามเขาทันที

“เขาบอกอะไรกับคุณ?”

เฉินเฟิงที่เพิ่งนั่งลงไป หันไปมองชิงจือด้วยความประหลาดใจ

“เกี่ยวกับเรื่องของสิบสองเม็ดบัวพระพุทธเจ้า”

เฉินเฟิงพูดออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย แต่เรื่องนั้นไม่ได้ทำให้ชิงจือตกตะลึงเลย ทว่าไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุใดถึงได้ทำให้สีหน้าของเธอซีดเซียวลงไปแบบนั้น

ในขณะที่เฉินเฟิงกำลังรอให้ชิงจือถามอีกครั้ง เธอกลับไม่มีการตอบสนองกลับใดๆ อีกเลย

เฉินเฟิงที่เห็นแบบนั้นจึงถามด้วยความแปลกใจ

“คุณไม่อยากรู้หรอว่าเม็ดบัวอันนั้นอยู่ที่ไหน?”

“อยากรู้”

“แล้วทำไมคุณถึงไม่ถามผมล่ะ?”

“เพราะว่าเดี๋ยวคุณจะเป็นฝ่ายบอกกับฉันเอง”

เฉินเฟิงจ้องมองท่าทีมั่นอกมั่นใจของชิงจือ เดิมทีเขาอยากอดทนที่จะไม่พูดออกไป แต่สุดท้ายคิดไปคิดมาเขาพูดจะดีกว่า

“ผมจะบอกเรื่องที่อยู่ของเม็ดบัวนั้นให้กับคุณ แลกกับคุณบอกผมเรื่องสิบสองเม็ดบัวพระพุทธเจ้า”

นี่ถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผลที่สุด เฉินเฟิงคิดว่ายังไงซะชิงจือคงจะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธแน่นอน แต่เมื่อได้ยินคำตอบว่าไม่ได้จากปากของชิงจือ เฉิยเฟิงถึงกับต้องตะลึงทันที

“ทำไมล่ะ คุณไม่อยากรู้ที่อยู่ของเม็ดบัวอันนั้นหรอ?”

ชิงจือตอบกลับ

“นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคุณ ถ้าหากฉันพูดออกไป คุณก็จะถูกลากเข้ามาพัวพันด้วย ซึ่งนั่นไม่ได้เป็นผลดีต่อคุณหรอกนะ”

เฉินเฟิงนิ่งอึ้งไปทันที “คุณพูดแบบนี้ ยิ่งทำให้ผมเกิดความอยากรู้มากกว่าซะอีก”

ชิงจือเหลียวหันไปมองเขา “คุณอยากจะรู้จริงๆ หรอ นี่อาจจะต้องแลกด้วยชีวิตเลยนะ”

เฉินเฟิงรู้สึกเฉยๆ กับเรื่องแบบนี้ เพราะพลังของเขาถูกสะกดเอาไว้ในแดนนินจานานเกินไปแล้ว และตัวเขานั้นอยากที่จะบรรลุสู่จุดสูงสุดอย่างมหาปรมาจารย์ตั้งนานแล้วด้วย เพื่อที่จะได้ชื่นชมดินแดนอื่นที่ต่างออกไป

และบางทีสิบสองเม็ดบัวพระพุทธเจ้าอะไรนี้อาจเป็นตัวเบิกทางแห่งโอกาสที่จะทำให้เขาสามารถเข้าไปเจอกับโลกใบใหม่

“ทุกคนมีชีวิตก็เพื่อไขว่คว้าความตื่นเต้น คุณว่าใช่หรือเปล่า?” เฉินเฟิงถามอย่างเฉียบคม

แต่ชิงจือกลับไม่ได้ตอบอะไร เพียงหันไปเหลียวมองโลกที่อยู่นอกหน้าต่างรถ

“ในเมื่อคุณอยากจะรู้ ฉันก็จะถือว่าฉันได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว หวังว่าคุณจะไม่เสียใจภายหลัง”

พูดไป เธอก็พลันครุ่นคิดราวกับว่ากำลังคิดว่าจะเริ่มพูดจากจุดไหนก่อนดี จากนั้นไม่นานเธอถึงพูดออกมา

“เทียนตี้ต้าถง (ฟ้าดินกลมเกลียว) เป็นดินแดนสูงส่งในอุดมคติที่เหล่านักบุญ และคนสมัยก่อนตามใฝ่ฝัน แต่ว่าในขณะการสืบหาความฝันนั้นนักต่อสู้เก่าแก่แห่งหวาเซี่ยได้เกิดการหายสาบสูญไป คุณอาจจะคิดว่ามหาปรมาจารย์ผู้หมั่นในการฝึกฝนอาจไม่จำเป็นต้องไปไล่ตามอะไรอีกแล้ว เพราะนั่นถือเป็นดินแดนสูงสุดในการฝึกวิชาต่อสู้แล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ ต้าถงต่างหากที่เป็นแดนสูงสุดนั้น”

“ต้าถง?” เฉินเฟิงสงสัย เขาไม่เข้าใจว่ามันหมายความอย่างไร เพราะเขารู้จักแค่เมืองต้าถงที่อยู่ในมณฑลซานซีเท่านั้น

“ต้าถง เดิมทีถูกกล่าวเอาไว้ในคัมภีร์พิธีกรรมว่าเป็นดินแดนแห่งฟ้าดินอันกลมเกลียว เป็นโลกแห่งความสมบูรณ์แบบในอุดมคติ แต่กลับไม่มีใครรู้เลยว่าในเวลาเดียวกันที่นั่นก็เป็นดินแดนแห่งการฝึกฝนวิชาการต่อสู้ด้วยเช่นกัน ที่แห่งนั้นสามารถทำให้ร่างกายของเราพัฒนาอย่างไร้ขีดจำกัดและมีความอิสระที่ไร้ข้อผูกมัดใดๆ”

ลูกเขยมังกร

ลูกเขยมังกร

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ลูกเขยมังกร ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ลูกเขยมังกร บ้างส่วนของนิยาย

บทที่ 1 ทรัพย์สินหลายล้านล้าน

“อยากให้ฉันกลับบ้านตระกูลเฉินงั้นหรือ?” ถนนคนเดิน ในเมืองชางโจวที่ทางเข้าร้าน อาหาร เฉินเฟิงใส่ชุดส่งอาหารเดลิเวอรี่สีเหลืองด้วย สีหน้าเย็นชา

“ใช่ นายท่านบอกว่า ตราบใดที่นายน้อยเต็มใจ ที่จะกลับไปยังตระกูลเฉิน ทรัพย์สินทั้งหมดหลาย ล้านล้านของตระกูลเฉินจะอยู่ภายใต้การควบคุม ของนายน้อย” ตรงข้ามกับเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถัง สีเทาพูดด้วยความเคารพ

“เห้อ…ทรัพย์สินหลายล้านล้าน? ” เฉินเฟิง หัวเราะกับตัวเอง และถอนหายใจเบาๆ : “ตระกูล เฉินนั้นรวยมากจริงๆ”

ราวกับว่าเขาสามารถฟังออกจากคำ กาง ของเฉินเฟิงชายชราใส่ชุดถังถามอย่างหมด หนทาง : ” นายน้อย คุณยังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด ขึ้นเมื่อสามปีก่อนหรือ? ”

เมื่อเห็นเฉินเฟิงไม่พูดเลย เฉินจงก็ยิ้มอย่าง ขมขื่น ” นายน้อย เรื่องของเมื่อสามปีก่อน นาย ท่านเป็นฝ่ายทำผิดจริงๆ แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นายท่านได้ชดใช้กรรมไปแล้วมากพอสมควร สำหรับสิ่งนั้น เหตุใดนายน้อยจึงไม่ให้โอกาสนาย ท่านบ้าง?”

” โอกาสงั้นเหรอ? ” เฉินเฟิงยกมุมปากยิ้มเยาะ %3D เย้ย ขอให้เขาให้โอกาสเฉินเจิ้นหนาน แต่เฉินเจิ้น หนานเคยให้โอกาสแม่ของเขาหรือไม่?

เฉินเฟิงจะไม่มีวันลืมเรื่องที่แม่ของเขาเสียชีวิต de ด้วยโรคร้ายต่อหน้าตัวเอง เมื่อสามปีก่อน

ตระกูลเฉินมีทรัพย์สินหลายล้านล้าน แต่เฉิน เจิ้นหนานไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งล้านเพื่อรักษาแม่ของ เขา แม้ว่าตัวเองจะเป็นเหมือนสุนัข คุกเข่าต่อหน้า เขา และขอความเมตตาจากเขา แต่เฉินเจิ้นหนานไม่ ได้สนใจเลยสักนิด และทำได้เพียงแค่เฝ้าดูแม่ของ เขาเสียชีวิตด้วยความเจ็บป่วยอย่างสิ้นหวัง

ตอนนี้ เฉินเจิ้นหนานต้องการโอกาสงั้นหรือ?

ที…

เฉินเฟิงส่ายหัวด้วยสีหน้าเย้ยหยันสุดจะพรรณนา

“หรือว่า นายน้อยเต็มใจที่จะเป็นคนส่งอาหารไป ตลอดชีวิตหรือ? ” เฉินจงถามพร้อมกับถอนหายใจ เมื่อเฉินเฟิงไม่ไหวติง เขารู้ว่าสามปีหลังจากที่เฉินเฟิ งออกจากบ้านของตระกูลเฉิน ชีวิตของเขาไม่ราบ รื่นเลย ไปเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยไม่ต้องพูดถึง ฐานะที่ต่ำต้อยของเขา ยังคงถูกคนในตระกูลเสี้ย ดูถูกอยู่ตลอดด้วย และวันเวลาของเขาที่อยู่ในตระ กูลเฉินนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

“ส่งอาหารดีกว่าตาย” เฉินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ

สีหน้าของเฉินจงเปลี่ยนไป และเขาก็พูดว่า “นายน้อย คุณหมายถึงอะไร?”

“ไม่ได้หมายถึงอะไรเลย” เฉินเฟิงส่ายหัว “เฉิน จง คุณกลับไปได้แล้ว บอกเฉินเจิ้นหนานและคนใน ตระกูลเฉินด้วย สักวันหนึ่งผมจะกลับไปแน่นอน แต่ ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น!”

เฉินจงผงะ มองดูเงาร่างด้านหลังของเฉินเฟิงที่ กำลังเดินจากไป ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็ซับ ซ้อน…

ตลอดทาง อารมณ์ของเฉินเฟิงซับซ้อนมาก

ตั้งแต่วันที่เขาเกิดมา เขาก็อาศัยอยู่ในบ้านของ ตระกูลเฉิน แต่เนื่องจากฐานะของเขาเป็นลูกนอก สมรส คนในตระกูลเฉินจึงไม่ค่อยชอบเขานัก แม้ กระทั่งคนรับใช้ของตระกูลเฉินก็สามารถดุด่าว่าเขา อย่างดุเดือด และดูถูกเขาได้ตามต้องการ

เดิมที่เฉินเฟิงเคยคิดว่าเขาจะเป็นตัวหนอนใน ตระกูลเฉินไปชั่วชีวิต จนกระทั่งแม่ของเขาล้มป่วย เมื่อสามปีก่อน เขาจึงตระหนักถึงว่า ตระกูลเฉินไม่ ได้ให้โอกาสเขาเป็นแม้แต่ตัวหนอนด้วยซ้ำ!

ในคืนนั้น แม่ของเขาป่วยหนักมาก เฉินเฟิง คุกเข่าต่อหน้าคนในครอบครัวเฉินเหมือนสุนัขตัว หนึ่ง ขอร้องให้พวกเขาช่วยชีวิตแม่ของเขา แต่ไม่มี ใครยื่นมือช่วยเหลือเลย

การแสดงออกของทุกคนนั้น เย็นชามาก

ในที่สุด แม่ของเขาก็ป่วยหนักจนเสียชีวิต เฉินเฟิงรู้สึกว้าวุ่นมาก ในตอนนั้น เขาก็เข้าใจ แล้วว่า ชีวิตของตัวเอง และแม่ของเขานั้น ด้อยกว่า มดอยู่ในสายตาของคนในตระกูลเฉิน!

ในวันนั้น เฉินเฟิงก็ออกจากบ้านของตระกูลเฉิน

ในวันนั้น เฉินเฟิงสาบานว่า วันหนึ่งเขาจะกลับ ไปที่ตระกูลเฉิน และใช้ความสามารถเข้มแข็งอย่าง เต็มที่ เพื่อให้ทุกคนในตระกูลเฉินคุกเข่าต่อหน้า หลุมฝังศพของแม่เขา และขอให้เธอยกโทษ!

แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นเพียงความคิดเล็กๆ น้อยๆของเขาที่ยังเด็ก หลังจากที่เขาออกจากตระ กูลเฉิน และมาที่ชางโจวได้สองวันเฉินเฟิงก็ถูกกลุ่ม คนไล่ล่าและสังหาร หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากเสี้ยเว่ยกั๋ว เขาก็คงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า คนที่ไล่ล่าเขานั้น ต้องมีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเฉินอย่างแน่นอน

อยู่ต่อหน้าคนในตระกูลเฉินที่ยักษ์ใหญ่ เฉินเฟิ งก็ต่ำต้อยราวกับมด

หลังจากกลายเป็นลูกเขยของตระกูลเสี้ยแล้ว ชีวิตของเฉินเฟิงก็ค่อยๆสงบลง แม้ว่าเขาจะถูกผู้คน นับพันหมื่นคนเยาะเย้ย แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคน ธรรมดาคนหนึ่ง

แต่ต้นไม้ต้องการความสงบลมพัดไม่ยอมหยุด และตระกูลเฉิน ก็ตามมาอีกครั้งโดยไม่คาดคิด

ยังจะให้เขากลับไปที่ตระกูลเฉิน และสืบทอดทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น

แต่ลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเฉินที่ใหญ่โต นั้น มีผู้ชายมากกว่าหนึ่งร้อยคน ไม่ว่าจะวนกันไปกี่ รอบ ก็ไม่มีวันที่จะวนจนถึงลูกนอกสมรสที่จะ สืบทอดตระกูลเฉิน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่เป็นแผนการชั่วร้ายของ พวกเขา

ครั้งหนึ่งเขาเคยถ่อมตัวเหมือนสุนัข แต่วันนี้ เขา มีค่าหลายล้านล้าน

แผนการชั่วร้ายนี้ปลอมเกินไป!

“เฉินเฟิง!” เมื่อเฉินเฟิงขมวดคิ้วอยู่ในความคิด ก็ มีหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีขาวที่สง่างามปรากฏต่อหน้า เขา ผู้หญิงคนนั้นมีใบหน้าที่บอบบาง รูปร่างสูงสุด ส่วนอารมณ์ที่สวยงาม เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็จะ ทำให้คนรู้สึกสดใสและน่าทึ่งมาก

ผู้หญิงคนนี้ ก็เป็นภรรยาของเฉินเฟิง มีชื่อว่า เสี้ยเมิ่งเหยา

“เมิ่งเหยา มีอะไรเหรอ?”

เมื่อเห็นเสี้ยเมิ่งเหยา ใบหน้าของเฉินเฟิงก็เต็มทรัพย์สินนับล้านล้านนั้น


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท