Bringing Culture to a Different World – ตอนที่ 79

ตอนที่ 79

“ ข้าได้ยินมาว่าปีศาจของเจ้าล้วนแต่เป็นนักรบที่ดุร้าย ดูเหมือนว่าเรื่องที่ผู้เผยแพร่คำสอน นักบวช และคนเร่ร่อนเหล่านั้นพูดกันล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งสิ้น”

ฟรอสแอ็กถอดหมวกของเขาออก หากปีศาจทั้งหมดเป็นเหมือนปีศาจบาป คนแคระเหล่านี้จะต้องเยาะเย้ยพวกเขาโดยไม่ลังเลอย่างแน่นอน

“ ในอดีตซีนาร์ทเป็นนักรบที่ดุร้ายและโหดเหี้ยม แต่นี่เกิดจากกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงนะ”

จากความทรงจำของเจ้าชายสามโจชัวรู้ดีว่าปีศาจบาปเป็นเผ่าพันธุ์แบบใด พวกเขาเกิดจากเปลวเพลิงแห่งบาป ปีศาจบาปไม่มีช่วงวัยเด็กเหมือนสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ พวกเขาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งและดุร้ายทันทีที่เกิด

วัยเด็กเป็นสิ่งที่ไม่มีสำหรับปีศาจเผ่าพันธุ์นี้

ซีนาร์ทเคยเป็นหนึ่งในนักรบที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาปีศาจบาป แต่นับตั้งแต่ที่เขากลายมาเป็นพี่เลี้ยงของโจชัวดูเหมือนว่าเขาจะค้นพบบางสิ่งที่ทำให้เขาสนใจมากกว่าการต่อสู้ นั่นคือการแสดง

และตอนนี้เขาพบสิ่งอื่น – เป็นเพื่อนกับมนุษย์

ดูเหมือนว่าซีนาร์ทจะเข้ากันได้ดีกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้น

ในขณะที่โจชัวและฟรอสแอ็กกำลังสนทนากัน ซีนาร์ทก็กลับมา เขายังคงสวมห่วงดอกไม้รอบคอของเขา เป็นไปได้ว่าเขาคงลืมไปแล้วว่าเขาสวมมันอยู่

โจชัวไม่สนใจที่จะบอกซีนาร์ทเกี่ยวกับห่วงดอกไม้เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วการสวมมันทำให้เขาดูเป็นมิตรมากขึ้น

“ ฝ่าบาทภารกิจของข้าคืออะไร?”

นี่เป็นครั้งแรกของซีนาร์ทที่มาถึงดินแดนของคนแคระ กลุ่มคนที่เตี้ยกว่า 1.5 เมตรดูเหมือนจะไม่กลัวเขาเท่าพวกมนุษย์

“ เจ้าแค่ต้องติดตามข้า”

โรงละครไวเซนาสเช่

“ มาดามโครเดอร์ ข้าขอโทษจริงๆ ข้าไม่ใช่คนเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้”

ในห้องทำงานของเขา เซอร์ไวเซนาสเช่กำลังขอโทษสุภาพสตรีสูงศักดิ์ที่แต่งตัวสวยหรู

เซอร์ไวเซนาสเช่ได้ก่อตั้งโรงละครแห่งนี้ในนอร์แลนมาเกือบยี่สิบปีแล้ว แต่เขายังมีตัวตนอื่น – ขุนนางจากฟารัคชี่

เพื่อประโยชน์ของงานศิลปะ เซอร์ไวส์เซนาสเช่ได้ละทิ้งหน้าที่นั้นชั่วคราว โดยไม่ลังเลใด ๆ เขาพาคนรับใช้ของเขามาที่เมืองซึ่งถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของโลกเพื่อจัดตั้งโรงละคร

เขาจึงได้ทำความรู้จักกับสตรีสูงศักดิ์หลายคนที่สนใจละครเวทีและศิลปะ

ในหมู่พวกนางมีสตรีสูงศักดิ์ที่ร้องไห้หลังจากดูละครเวที หลังจากนั้นพวกนางจะนำเรื่องราวของบทละครมาเป็นหัวข้อสนทนาขณะจิบน้ำชายามบ่าย

อย่างไรก็ตามนั่นก็แตกต่างกันไปสำหรับสตรีผู้สูงศักดิ์ที่จริงจังกว่าบางคน ตัวอย่างก็คือมาดามโครเดอร์คนนี้ซึ่งยืนอยู่ต่อหน้าเซอร์ไวส์เซนาสเช่

“ แล้วใครเป็นคนเขียนบท?”

มาดามโครเดอร์ถือพัดที่ทอจากขนนกล้ำค่า และชี้มาที่เซอร์ไวส์เซนาสเช่ นางเรียกร้องให้เขาบอกว่าใครเป็นคนเขียนบทเรื่อง “โฉมงามกับเจ้าชายอสูร”

“ เอ่อ เรื่องนั้น…มาดาม…”

อีกหนึ่งผู้หญิงอ่อนไหวที่โดนทำร้ายโดย ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’

เซอร์ไวเซนาสเช่เหลือบมองไปที่การแต่งหน้าของสุภาพสตรีสูงศักดิ์คนนี้ เห็นได้ชัดว่านางเพิ่งจะร้องไห้ น้ำตาทำให้เครื่องสำอางเปรอะเปื้อน

นางไม่รู้เลยว่าเครื่องสำอางของนางนั้นเละไปหมดแล้ว

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซอร์ไวเซนาสเช่ได้ยินคำขอดังกล่าว ตอนจบที่น่าเศร้าของ ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ ครองใจสาว ๆทุกคน

แต่เซอร์ไวเซนาสเช่รู้สึกว่าตอนจบนี่เป็นตอนจบที่สมบูรณ์แบบ บทที่สามารถกระตุ้นหัวใจของคน ๆ หนึ่งได้จะเป็นบทที่ดีที่สุดตลอดกาล

น่าเสียดายที่เซอร์ไวเซนาสเช่ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นกับสุภาพสตรีสูงศักดิ์คนนี้ ท้ายที่สุดนางเป็นภรรยาของแกรนดยุคจากฟารัคชี่ อำนาจที่นางมีอยู่ในมือไม่ใช่สิ่งที่เขาซึ่งเป็นเพียงเจ้าของโรงละครสามารถต่อกรได้

“ คนเขียนบทของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่นักเขียนธรรมดา ตัวตนและสถานะของเขาสูงกว่าข้ามาก ไม่…ต่อหน้าเขา ข้าก็คงไม่ต่างอะไรกับเศษฝุ่น”

เซอร์ไวเซนาสเช่อึดอัด เขาคงไม่กล้าเปิดเผยตัวตนของโจชัวอย่างบุ่มบ่าม ท้ายที่สุดชีวิตของเขาก็อยู่ในเงื้อมมือของโจชัว

“ เหนือกว่าเจ้าเหรอ? หากคนเขียนบทมีความสามารถและสถานะเหนือกว่าเจ้า ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาหรือนางจะต้องปิดบังตัวเองให้ลึกลับ”

พัดขนนกของมาดามโครเดอร์ปกคลุมใบหน้าส่วนล่างของนาง นางดูเหมือนกำลังคิด นางมีบทบาทอื่นที่มีชื่อเสียงมากกว่าภรรยาของแกรนดยุค นางเป็นแม่ของดอกไม้แห่งฟารัคชี

เนื่องจากตัวนางเองชื่นชอบการแสดงละครเวทีมาก จึงให้ลูกสาวของนางเรียนการแสดงละครเวทีที่มีชื่อเสียงที่สุด

อาจกล่าวได้ว่าความสำเร็จและการเป็นที่ยอมรับของโรงละครห่านดำ ล้วนเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนาง

“ ถ้างั้นบอกนักเขียนบทลึกลับคนนั้นว่าแกรนดยุคโครเดอร์เชิญเขาไปดื่มน้ำชายามบ่ายที่ สถานกงสุลฟารัคชี่ ข้าปฏิเสธที่จะเชื่อว่าสถานะของเขาจะสูงมากจนปฏิเสธคำเชิญของแกรนดยุค”

“ ข้า…ข้าจะส่งต่อข้อความนี้ให้เขา” เซอร์ไวส์เซนาสเช่กล่าวด้วยท่าทางลังเลเล็กน้อย

สถานะของโจชัวอาจสูงมากจนสามารถปฏิเสธคำเชิญของแกรนดยุคได้อย่างง่ายดาย ท้ายที่สุดโจชัวเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับวีรสตรีในประวัติศาสตร์ของฟารัคชี่!

เซอร์ไวเซนาสเช่เหลือบไปเห็นภาพวาดสีน้ำมันที่อยู่ด้านหลังโต๊ะของเขา ชื่อของภาพวาดนั้นคือ “การปฏิวัติ” เป็นภาพหญิงสาวที่ถือธงนำกลุ่มคน 1

น่าเสียดายที่ภาพนั้นเป็นภาพวาดของสิ่งที่เกิดขึ้นในฟารัคชี่เมื่อหลายร้อยปีก่อน…ตอนนี้ภาพวาดนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าภาพวาดของวีรสตรีในประวัติศาสตร์ของฟารัคชี่

“ ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าส่งต่อข้อความถึงเขา เขาต้องมา…การตายของเจ้าชายปีศาจนั้นเป็นเรื่องที่น่าสังเวชมากเกินไปจนข้าไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน ชาวบ้านที่โง่เขลาเหล่านั้นไม่มีความสามารถที่จะฆ่าเขาได้”

มาดามโครเดอร์สังเกตเห็นช่องโหว่เล็ก ๆ ที่มีอยู่ในภาพยนตร์ ตามเหตุผลแล้วไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้ที่ชาวบ้านจำนวนมากที่มีแค่คราด คันธนู และลูกศรแม้ว่าจะมีผู้วิเศษร่วมกับพวกเขาก็ตามที่จะเอาชนะปีศาจสุดทรงพลังได้

ดี มาดามโครเดอร์ยอมรับว่านางเพียงต้องการเป็นสักขีพยานในตอนจบที่มีความสุข นางรู้สึกว่าเรื่องราวของ ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ น่าจะจบลงอย่างมีความสุข มันเป็นความรู้สึกน่าหงุดหงิดที่นางมีจากการเฝ้าดูตอนจบที่น่าเศร้า ซึ่งทำให้นางมาหาเซอร์ไวเซนาสเช่

“ข้าจะพยายาม”

เซอร์ไวส์เซนาสเช่หยิบผ้าเช็ดหน้าของเขาขึ้นมาและเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก หลังจากได้รับคำยืนยันที่หนักแน่พอในที่สุดมาดามชโรเดอร์ก็ยอมปล่อยเขา

หลังจากส่งมาดามออกไปแล้ว เซอร์ไวเซนาสเช่ก็นั่งลงหลังโต๊ะทำงานของเขา เขาหมดแรงแล้ว

นี่เป็นครั้งที่ห้าแล้ว ครั้งแรกพวกเขาเป็นขุนนางจากประเทศอื่น ๆ แต่เมื่อพูดถึงขุนนางจากฟารัคชี เซอร์ไวเซนาสเช่จะไม่กล้าทำให้พวกเขาขุ่นเคือง ท้ายที่สุดทรัพย์สินของครอบครัวของเขาตั้งอยู่ในฟารัคชี่

บทภาพยนตร์เรื่อง ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ นั้นเป็นเรื่องที่ … ชั่วร้ายเกินไป โจชัวใช้เวลาส่วนใหญ่ในการสร้างความสัมพันธ์อันแสนหวานระหว่างเบลล์และเจ้าชายปีศาจ เป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กผู้หญิงนับไม่ถ้วนจะร้องเสียงหลงกับแผนการ แต่ในที่สุดเขาก็ไม่แสดงความรักใด ๆ และบดขยี้ความรักอันหอมหวานนั้น

ใครเห็นตอนจบของภาพยนตร์ก็ต้องด่าคนเขียนบท

เซอร์ไวเซนาสเช่กำลังพยายามสงบสติอารมณ์ ทันใดนั้นประตูห้องทำงานของเขาก็เปิดออก

เขายืนขึ้นด้วยความกังวลใจ หลังจากเห็นว่าคนที่มาคือโจชัว เขาก็นั่งลงบนพื้นด้วยความเหนื่อยล้า

“ นี่ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะมานั่งบนพื้น เซอร์ไวเซนาสเช่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าข้าต้องการให้เจ้าเตรียมการสำหรับการแสดงละครเวทีครั้งยิ่งใหญ่ “โจชัวกล่าว

Bringing Culture to a Different World

Bringing Culture to a Different World

Status: Ongoing

โจชัวพบว่าตัวเขามาอยู่ในร่างของเจ้าชายปีศาจในต่างโลก เจ้าชายผู้ถูกมองว่าเป็นพวกแหกคอก

เขาไม่สนใจการต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์หรือกังวลถึงอนาคตของเผ่าปีศาจ แต่เขากลับตัดสินใจนำวัฒนธรรมของโลกเกิดเขามายังโลกนี้และพิชิตโลกใหม่นี้ผ่าน…สิ่งบันเทิง!

ก้าวแรก สร้างภาพยนตร์เพื่อเปลี่ยนความประทับใจของปีศาจเสียก่อน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท