“เจ้าจะสมรสกับข้าหรือไม่”
แทะเม็ดแตง
“วาจาเช่นนี้ข้าถามเพียงครั้งเดียว”
แทะเม็ดแตง คายเปลือกเม็ดแตงแถวหนึ่งออกมา คางพยักพเยิด บอกใบ้ให้ตัวเขาเองนับว่ากี่ครั้งกันแน่
“ช่างเถิดต่อให้จะถามหลายครั้งแล้ว ทว่าเจ้าเข้าใจหรือไม่ แต่ก่อนมีสตรีมากเพียงใดขอร้องให้ข้าหันมองสักครั้งยังไม่ได้?”
แทะเม็ดแตง
เรื่องตั้งแต่ปีมะโว้ยังกล้าเอ่ยขึ้นมา แต่ก่อนเหรอ? แต่ก่อนพี่อยู่สถาบันวิจัย สิ่งมีชีวิตเพศผู้ทุกชนิดตั้งแต่อายุสิบห้าจนถึงอายุแปดสิบเป็นสาวกใต้กระโปรงพี่ทั้งนั้นล่ะ
“เจ้ายังนับว่าเลิศล้ำ ข้านั้นยิ่งโดดเด่นเหนือผู้อื่น เจ้ากับข้าเหมาะสมกัน เป็นคู่สรรสวรรค์สร้างโดยแท้ อีกทั้งเจ้ากับข้าพบกันที่หุบเขาเทียนฮุย คู่ต่อสู้ฝีมือทัดเทียมกัน ยิ่งเป็นลางบอกเหตุว่าเจ้ากับข้ามีพรหมลิขิตที่ไม่ธรรมดาต่อกัน”
แทะเม็ดแตง
เวรกรรมมากกว่ามั้ง?
เปลือกเม็ดแตงลอยเป็นชั้น จิ่งเหิงปัวเปลี่ยนท่านั่งหลายครั้ง ปัดใบหน้าที่ผลุบโผล่ตรงหน้าออกไปตลอดเวลา…อย่าขวาง พี่มองทิวทัศน์
“จิ่งเหิงปัว!” เผยซูของขึ้นจนได้ ลากม้านั่งมาขวางตรงหน้านางในครั้งเดียว แยกขาสองข้างนั่งลง สองมือค้ำยันอยู่บนผิวม้านั่งร้องว่า “ตั้งใจฟังข้าเอ่ย!”
“ได้ยินแล้ว” จิ่งเหิงปัวถุยเปลือกเม็ดแตงบนใบหน้าของเขา ก่อนจ้องมองจริงจัง เอ๊ะ หมู่นี้สีเทาเหมือนหนูบนใบหน้าไอ้หนุ่มคนนี้หายไปอีกไม่น้อย
ยากจะได้มองเขามุมใกล้ขนาดนี้ จนวันนี้นางเพิ่งพบว่าเผยซูหน้าตาดีจริง ไม่ใช่ความงามด้วยบุคลิกลึกลับซ่อนเร้นมวลผกาของเหยียลี่ว์ฉี ซ้ำยังไม่ใช่ความงามด้วยหิมะเย็นจันทร์เยือกแวววาวพราวแพรวของกงอิ้น อีกทั้งแตกต่างจากความงามด้วยปลุกเร้าโลกมนุษย์ใกล้ชิดทุกผู้คนแบบนั้นของเจ็ดสังหาร ความงามของเขาอวดตัว อวดฤทธิ์อวดเดชเช่นเดียวกับนิสัยของเขา ความคมเข้มดุเดือดรุนแรงดุจกระบี่นั้นเขียนไว้ตรงปลายคิ้วทั้งดกดำทั้งเชิดสยายเป็นพิเศษของเขา เขียนไว้ตรงนัยน์ตาดำขาวตัดกันบริสุทธิ์สว่างไสวของเขา เขียนไว้ตรงริมฝีปากขอบคมเด่นชัดอิ่มเอิบแดงสดของเขา แม้แต่สันจมูกยังสูงตรงยิ่งกว่าคนธรรมดา ก้มมองโลกมนุษย์ประหนึ่งยอดเขาหยก
สีเทาของเขาซีดหายไปจากใบหน้าแล้ว ตอนนี้ใบหน้ายังมีสีเทาจางชั้นหนึ่ง เห็นแล้วไม่รู้สึกว่าน่าเกลียด แต่กล่อมเกลาลักษณะท่าทางดุเดือดรุนแรงเหลือเกินของเขาให้เห็นแล้วนุ่มนวลมากกว่าเดิมอยุ่บ้าง จิ่งเหิงปัวจินตนาการไม่ออกเลยว่าถ้าเขาฟื้นคืนผิวพรรณดั้งเดิมโดยสมบูรณ์แล้วจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร เล่ากันว่าหยกขาวแกนทองคำ เขาถึงนับว่าเป็นหยกขาว เมื่อก่อนตอนตะลุยสนามรบตากแดดตากลมยังไม่หม่นหมอง ผิวกายนวลเนียนดุจสตรี หากไม่ใช่เพราะลักษณะน่าเกรงขามเกินไป คาดว่าคงเป็นหลานหลิงหวังที่เข้าสู่สนามรบต้องคอยสวมหน้ากากมาสยบอีกฝ่ายอีกคน
จิ่งเหิงปัวสังเกตว่าแม้แต่ผมของเขายังดำและหนากว่าคนอื่น ตอนอยู่ในหุบเขาขนร่วงแทบหมดแล้ว ตอนนี้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ขนาดผมไม่มากเท่าคนอื่นยังทั้งดำทั้งดึงดูดสายตาเป็นพิเศษ คนคนนี้อวดตัวจนถึงรายละเอียดจริงแท้ ย้ำเตือนคนอื่นถึงความพิเศษกับความงดงามแห่งบุรุษของเขาทุกที่ทุกเวลา
จิ่งเหิงปัวรู้สึกว่าถ้าในห้องหนึ่งปรากฏผู้ชายทุกคนข้างต้น กงอิ้นอาจทำให้คนอื่นสังเกตเห็นการดำรงอยู่ของเขาเป็นคนแรก เพียงแต่สิ่งที่สังเกตเห็นแวบแรกคงไม่ใช่ใบหน้าของเขา แต่เป็นลักษณะท่าทางกับความรู้สึกดำรงอยู่ของเขา ทว่าตำแหน่งทอดสายตาแวบแรกของแววตาทุกคน เป็นไปได้ว่ายังคงเป็นเผยซู…ช่วยไม่ได้ เขาหล่อเกินหน้าเกินตาไปแล้ว
เหยียลี่ว์ฉีอาจถูกพบเห็นได้ช้ามาก ไม่ใช่เพราะหน้าตาเขายอดแย่ แต่เป็นเพราะเขามีลักษณะท่าทางลึกลับซ่อนเร้น ตัวเขาเองไม่ยอมเป็นจุดสังเกต ท่วงท่าผุดเผยข้างแก้มเล็กน้อยท่ามกลางความมืดมิดของเขาคล้ายแสงจันทร์สาดส่องม่านปักลายหน้าต่างฉลุฝั่งหนึ่ง ทำให้ผู้คนมองแล้วในใจหวั่นไหวเล็กน้อย ลมพัดผ่านม่านพัดพลิ้ว หยกกำเนิดเกิดไอควัน บุปผาโปรยปรายคล้ายหมอกคล้ายลม
จิ่งเหิงปัวถอนใจ…พ่อรูปงามเอ๋ย นางชอบพ่อรูปงามที่สุดแล้ว ถ้าเมื่อก่อนมีคนหล่อมากขนาดนั้น นางหลับฝันยังหัวเราะสะดุ้งตื่น แต่ว่าตอนนี้ ไม่ใช่เวลาเกินไปหน่อย
“ข้าเอ่ยว่าเจ้าเสียสติอะไร” นางคว้าเม็ดแตงกำหนึ่งยัดเข้ามือเขา กล่าวว่า “อยู่ดีๆ จะมาขอสมรสอะไร อยากมอบกายถวายชีวิตเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? แล้วสาวเล็กสาวน้อยที่จะเป็นจะตายเพื่อเจ้าฝูงนั้นจะทำอย่างไร? หากปลิดชีพตนเองจนสิ้นจะไม่โทษข้าด้วยหรือ? ไม่เอา!”
ยงเสวี่ยยกขนมเดินผ่านข้างหลังสองคน เอ่ยด้วยสายตาแน่วแน่ว่า ปลอม!
เผยซูไม่เข้าใจ จิ่งเหิงปัวรู้ดีอยู่แก่ใจ ปรมาจารย์ยงเสวี่ยเอ่ยว่าเผยซูไม่ได้รักจริง!
“ด้วยเพราะข้าต้องการฟื้นคืนชื่อเสียง!” เผยซูตรงไปตรงมาเช่นกัน เอ่ยว่า “ข้าไม่สิ้นชีพ ข้ากลับมาแล้ว พอเผยซูคนนี้หวนคืน จะซุ่มเงียบไร้ข่าวคราวได้อย่างไร? ข้าจะต้องได้รับชื่อเสียงมากที่สุดภายในระยะเวลาสั้นที่สุด ให้ทุกผู้คนรู้ว่าเผยซูกลับมาแล้ว ข้าทนรอเจ้าค่อยๆ โผล่ขึ้นมาไม่ไหว…”
“ฉะนั้นเจ้าจึงคิดจะสมรสกับข้าเพื่อให้ทุกคนตื่นตะลึงในครั้งเดียว?” จิ่งเหิงปัวหน้านิ่วคิ้วขมวด คว่ำเม็ดแตงบนศีรษะเขาดังซ่า ร้องว่า “พี่เป็นสิ่งใดในสายตาเจ้ากัน ขั้นบันได? โทรโข่ง? หรือแตร?”
ไม่นึกว่าไอ้หนุ่มคนนี้จะคิดแบบนี้ นั่นสินะ แม้จิ่งเหิงปัวคนนี้จะโชคร้าย แต่กล่าวถึงความโด่งดังในต้าฮวงหมู่นี้ นางกล่าวว่าอันดับสองยังไม่มีคนกล่าวว่าอันดับหนึ่ง ไม่ว่าจะอย่างไรนางเป็นถึงราชินีองค์ก่อน ถ้าบุคคลในตำนานเช่นนางแต่งงานกับเผยซูผู้ที่กลายเป็นตำนานเช่นเดียวกันกะทันหัน แบบนั้นคงสั่นสะเทือนต้าฮวงในเสี้ยววินาทีแน่แท้
“สตรีเช่นเจ้านี้ ไม่รู้ชั่วดีโดยแท้” เผยซูปัดเม็ดแตงทิ้ง คิ้วเชิดสูงยิ่งกว่านาง เอ่ยว่า “ข้าไม่คู่ควรกับเจ้าที่ใดกัน? ข้าไม่ได้สมรสเรื่อยเปื่อยเช่นนั้นด้วย แต่ก่อนสตรีมากเพียงใดขึ้นเตียงข้าข้าต้องการพวกนางหรือ? ข้าเพียงเห็นเจ้ายังพอไหว พอจะเหมาะสมกับข้า ข้าถึงได้มอบโอกาสให้เจ้า ด้วยชื่อเสียงของเจ้า เคียงข้างท่วงท่าสง่างามของข้า นับเป็นคู่สรรสวรรค์สร้างโดยแท้…”
“คู่กับพวกคลั่งเพศน่ะสิ!” จิ่งเหิงปัวยกเท้าเตะกระดูกหน้าแข้งเขา กล่าวว่า “เผยซู ตกลงเจ้าเข้าใจหรือไม่ว่าสิ่งใดเรียกว่าความรัก?”
“เข้าใจ!” เผยซูตอบด้วยพลังท่วมท้นว่า “ข้ารู้สึกว่าผู้ใดเหมาะสม สมรสกับผู้นั้น ผู้นั้นย่อมควรซาบซึ้งจนน้ำตานอง เกิดความรู้สึกรักข้า!”
“แล้วตัวเจ้าเองเล่า?” จิ่งเหิงปัวอยากใช้มีดกรีดใบหน้าหล่อเหลานั่นให้ลายพร้อยเหลือเกิน ดูสิว่าเขายังอาศัยอะไรคิดว่าขอแต่งงานเท่ากับสร้างบุญคุณ
“ลูกผู้ชายอกสามศอกควบอาชาตะลุยสนามรบ ช่วงชิงคุณูปการทุกยุคทุกสมัย เพียงหวังบริจาคชื่อเสียงกับตำแหน่งให้สตรี มัวใช้ความคิดสักเสี้ยวบนร่างสตรีได้อย่างไร” เผยซูเอ่ยด้วยเหตุผลหนักแน่น
“ปณิธานแน่วแน่!” จิ่งเหิงปัวปรบมือ ร้องว่า “เช่นนั้นเจ้าจงเตรียมใจ อยู่เป็นชายโสดชั่วชีวิตเถิด!”
“เช่นนั้นแท้จริงแล้วพวกเจ้าต้องการสิ่งใด ความรัก? เจ้าเข้าใจหรือ?” เผยซูมองนางด้วยหางตา คล้ายไม่เห็นด้วยกับวาจาแปลกประหลาดนี้ยิ่งนัก
“ความรัก” จิ่งเหิงปัวยื่นนิ้วมือออกมาชี้จมูกของเขา กล่าวว่า “ไม่มีการบริจาค และไม่มีการมองตนสูงส่ง ยิ่งไม่มีความต่ำต้อย หากเงยหน้ามองอีกฝ่ายจากฝุ่นธุลี อย่าหวังให้ดอกไม้บานสะพรั่ง หากก้มหน้ามองอีกฝ่ายจากมวลเมฆ และอย่าหวังมองเห็นความจริงใจ แต่ไหนแต่ไรความรักเป็นเพียงเรื่องของคนสองคน เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน อาศัยซึ่งกันและกัน อีกทั้งยิ่งพยายามซึ่งกันและกันด้วยเพราะการดำรงอยู่ของอีกฝ่าย ยามคิดถึงนางเจ้าจะอบอุ่น ควบอาชาตะลุยสนามรบช่วงชิงคุณูปการทุกยุคทุกสมัยเพียงหวังแบ่งปันด้วยกันกับนาง เข้าใจหรือไม่?”
“ไม่เข้าใจ!” เผยซูเสียงดังยิ่งกว่านาง เอ่ยว่า “ข้ารู้เพียงว่าพวกสตรีเสแสร้ง ข้ารู้เพียงว่าพวกสตรีแสนจอมปลอม เอ่ยว่าหวังความจริงใจเต็มปากเต็มคำ แต่พอเห็นเครื่องประดับดวงตาถึงเปล่งประกายอย่างแท้จริง เอ่ยว่ารักเพียงข้าเต็มปากเต็มคำ แต่ยามข้าเข้าคุกทุกคนเอ่ยว่าไม่รู้จักข้า ยามปกติสำรวมแทบสิ้นใจ แต่เห็นผู้ใดหน้าตาดีมีความสามารถพลันชิดใกล้ไม่ห่วงหน้าตา พร่ำเอ่ยว่าหวังเพียงความจริงใจสักเสี้ยวหนึ่งของเจ้าก็พอแล้ว แต่พอหันหน้าถามว่าหากเป็นฮูหยินข้าจะได้บรรดาศักดิ์ขั้นใด…เฮอะ พวกสตรีก็มีนิสัยเช่นนี้ล่ะ อย่าได้โทษว่าพวกบุรุษเหยียดหยาม!”
จิ่งเหิงปัวเท้าคาง มองท่าทางแค้นเคืองความเหลื่อมล้ำของเจ้าคนนั้น แต่ก่อนคงถูกผู้หญิงทำร้ายมามากสินะ? นั่นสิ เขาโด่งดังตั้งแต่เยาว์วัย เป็นจุดสนใจชั่วขณะ เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกสตรีไล่ตาม จนกระทั่งภายหลังร่วงหล่นสู่ธุลี คงเคยได้เห็นสังคมไร้น้ำใจนับครั้งไม่ถ้วน
ชีวิตขึ้นสูงลงต่ำ มันน่าเศร้าแบบนี้เอง
“เจ้ามองเห็นสตรีเช่นนั้นแล้วสินะ” จิ่งเหิงปัวตบไหล่ของเขา กล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าจงไปสมรสกับพวกนางเถิด เจ้ามอบสิ่งที่เจ้ามอบให้ได้ พวกนางได้รับสิ่งที่พวกนางต้องการ ไม่ใช่เหมาะสมกัน ดีใจกันถ้วนหน้าหรือ?”
“ทว่าข้ารู้สึกว่าเจ้าถึงพอคู่ควรข้าได้!”
“ทว่าข้ารู้สึกว่าพวกคลั่งเพศที่ไม่เข้าใจความรักคนหนึ่งไม่คู่ควรกับข้า”
“จิ่งเหิงปัว ข้าจะให้เกียรติเจ้า ตามจีบเจ้าอย่างเปิดเผย!”
“ไม่แปลก!”
“จิ่งเหิงปัว ข้าสมรสกับเจ้าแล้วข้าจะจงรักภักดีต่อเจ้าชั่วชีวิตเป็นแน่ ข้ามีลูกน้องมากมายกระจายทั่วต้าฮวง ทุกคนจะกลายเป็นผู้ช่วยทรงพลังของเจ้า ภายภาคหน้าเจ้ากับข้าร่วมครองโลกหล้า!”
“ไม่มีทาง!”
“จิ่งเหิงปัว หากข้าเอาพิมพ์เขียวเรือวิเศษมาได้เจ้าจะสมรสกับข้าหรือไม่?”
“…ค่อยว่ากัน!”
…
เผยซูเอ่ยจริงกระทำจริง ปฏิบัติการตามจีบเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ขณะนี้คนขบวนหนึ่งมาถึงเมืองเทียนหลินซึ่งเป็นเมืองหลวงของเผ่าจั๋นอวี่แล้ว ยิ่งเดินทางเข้าสู่ส่วนลึกของต้าฮวง คนคุ้นเคยยิ่งน้อยลง ต้าฮวงมีบึงโคลนมากมาย ทุกแคว้นทุกชนเผ่าแบ่งแยกเขตแดนชัดเจน นอกจากพ่อค้าแล้ว คนเดินทางทุกแคว้นทุกชนเผ่าหาได้ยาก ทุกคนจึงไม่ต้องอำพรางร่องรอยการเคลื่อนไหวอีกต่อไป เหมาลานบ้านใหญ่แห่งหนึ่งในโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในเมืองเทียนหลิน
ตลอดทางที่ผ่านมา จิ่งเหิงปัวทิ้งคนติดต่อหนึ่งถึงสองคนไว้ที่คูเมืองที่ค่อนข้างใหญ่ทุกแห่ง ใช้ทหารเก่าที่เคยได้รับบาดเจ็บจนพลังการต่อสู้ถดถอยพวกนั้นข้างกายเหล่านายกองบรรดาศักดิ์เป็นหลัก ให้เงินพวกเขาจำนวนหนึ่ง ให้พวกเขาทำมาหากินอยู่ที่นี่ เปิดโรงน้ำชาภัตตาคารหอคณิการ้านอะไรก็ได้ทั้งนั้น ขอแค่เป็นสถานที่ที่ผู้คนพลุกพล่าน แหล่งข้อมูลเยอะ นอกจากนี้ ตามข้อเรียกร้องของนาง เซวียนหยวนฉี่จะจัดหาคนคุมงานท้องถิ่นของตระกูลตนเองคอยช่วยเหลือเคียงข้าง เพื่อให้สายสืบที่ทำได้แค่สู้รบไม่ถนัดบริหารพวกนี้เปิดร้านขายของได้อย่างรวดเร็ว
ต่อไปคนพวกนี้จะส่งข่าวจากทุกแห่งให้นางอย่างไม่ขาดสาย ช่วยให้นางรู้ข่าวทั่วโลกแม้อยู่บึงโคลนเฮยสุ่ยที่ห่างไกล สรุปข้อมูลวิเคราะห์แผนการที่เป็นไปได้เพื่อเส้นทางอนาคตของตัวเอง นอกจากนี้ ถ้าเกิดเรื่องอะไร จะบุกรุกได้ตั้งรับได้ด้วย
หลังเหตุการณ์บังคับสละอำนาจที่ตี้เกอ นางเริ่มรู้ความสำคัญของแหล่งทรัพยากรกับกำลังคน มีแค่ตำแหน่งเหมือนต้นไม้ไร้รากฐานสายธารไร้ต้นน้ำ ถ้าบัลลังก์ไม่มีอำนาจแข็งแกร่งค้ำจุน ช้าเร็วจะร่วงหล่นจากมวลเมฆ
นางคิดจะขโมยพิมพ์เขียวของเรือวิเศษกับช่างฝีมือดีที่สุดที่จั๋นอวี่ หลังจากนั้นไปเขาชีเฟิงรักษาโรคฝึกวรยุทธ์ เสร็จแล้วค่อยรีบไปเผ่าไต้เม่า
พิษในร่างกายยังคงกำเริบเป็นบางครั้งบางคราว แต่ส่วนใหญ่กำเริบตอนกลางคืน อีกทั้งระดับความรุนแรงไม่เท่าเมื่อก่อนด้วย ภายใต้การขัดเกลาของพิษชนิดนั้น นางรู้สึกว่าความอดทนกับหนทางการฝึกปราณของตัวเองกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
บางครั้ง การได้รับความทุกข์ทรมานเป็นโอกาสที่หาได้ยากเช่นกัน
ด้วยเพราะอย่างแรกต้องติดต่อคนรักเก่าคนนั้นของเผยซู อีกทั้งเล่ากันว่าอีกฝ่ายเก็บเนื้อเก็บตัว ขณะนี้ปิดบ้านไม่รับแขก ฉะนั้นคนทั้งขบวนจึงรอคอยชั่วคราวก่อน อยู่ว่างเรียนรู้สถานการณ์ของเผ่าจั๋นอวี่สักหน่อย
เผ่าจั๋นอวี่มีการแก่งแย่งอำนาจเฉกเช่นอำนาจใต้อาณัฐทุกแห่ง จั้นเจวี๋ยซึ่งเป็นบุตรชายคนเล็กของภรรยาเอกที่ผู้นำเผ่าจั้นซินแสนรักใคร่สิ้นชีพที่หุบเขาไร้นามในต้าเยียน ก่อเกิดความวุ่นวายในชนชั้นอำนาจของเผ่าจั๋นอวี่ เป็นแค่การช่วงชิงคาวเลือดอีกรอบหนึ่งเท่านั้น
ด้วยเพราะเหตุนี้เอง คนรักเก่าคนนั้นของเผยซูไม่ได้ปรากฏตัวนานมากแล้ว เล่ากันว่าด้วยเพราะฐานะสุ่มเสี่ยง