Jun Jiu Ling หวนชะตารัก – ภาคที่ 4 ตอนที่ 25 ต่างมีที่สังหารศัตรู

ภาคที่ 4 ตอนที่ 25 ต่างมีที่สังหารศัตรู

ทหารต้าโจวนี่ช่างเหิมเกริมจริงๆ

แม่ทัพจินทั้งหลายมองดูกระบวนทัพสี่เหลี่ยมเบื้องหน้ากับทหารโจวสิบกว่าคนที่ควบม้าวิ่งท้าทายอยู่หน้ากระบวนทัพสี่เหลี่ยมก็โกรธจนหนังหน้ากระตุก

กล้าไล่ตามมาถึงชายแดนด้านนี้ นอกจากนี้ยังเอ่ยวาจาโอหังหน้าไม่อายเช่นนี้อีก

ดูจำนวนคนของพวกเขาก็ไม่นับว่ามากเกินไปนัก ทำไมกล้าเหิมเกริมเช่นนี้?

ไม่ต้องพูดถึงจำนวนคนของสองฝ่ายเท่าๆ กัน นี่กำลังเข้าใกล้ชายแดนแล้ว แม้มีกำลังพลของเฉิงกั๋วกงรบห้ำหั่นขวางอยู่ แต่ทหารจินของพวกเขาก็รวมตัวกันนับหมื่น

เมื่อได้ยินคำพูดที่ทหารโจวเหล่านี้ตะโกนออกมา แม่ทัพจินก็ตะคอกเสียงดังโกรธเกรี้ยว

แม้ถูกเฉิงกั๋วกงข่มมาตลอด แต่ไม่เคยถูกท้าทายเช่นนี้

“ไปฆ่าพวกเขาให้หมด” แม่ทัพจินร้องตะโกน

พร้อมกับที่คำสั่งนี้ดังขึ้น ทหานจินแถวแล้วแถวเล่าก็ร้องตะโกนบ้าคลั่งชูอาวุธพุ่งไปหาทหารโจวที่อยู่เบื้องหน้า ทหารจินที่เหลือก็เริ่มตั้งกระบวนทัพเคลื่อนไปด้านหน้า

ประชาชนทั้งหลายล้วนกุมหัวนั่งยองหลบหลีก จวงเหล่าซานก็ไม่เว้น อ้อมแขนกอดหลาน หลบไปข้างหลัง แต่ก็อดไม่ได้รวบรวมความกล้าชะเง้อมองด้านหน้าด้วย

“จะสู้ชนะได้ไหม?” บุรุษด้านข้างคนหนึ่งเอ่ยถามเสียงเบา “ข้าว่าคนของพวกเราไม่มากนะ”

“ใช่แล้ว ทหารจินน่ะมีตั้งสองพันเชียวนะ ก่อนหน้านี้อย่างน้อยที่สุดต้องเกินครึ่งหนึ่งสองฝ่ายถึงสู้กันได้นะ” บุรุษอีกคนหนึ่งก็เอ่ยเสียงเบาบ้าง

“ต้องได้สิ” จวงเหล่าซานเอ่ยท่าทางแน่วแน่อย่างยิ่ง “พวกนี้ล้วนเป็นผู้กล้า”

ต้องเป็นผู้กล้าแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ แล้วยังตั้งใจมาเพื่อพวกเขาประชาชนที่ถูกจับตัวมาเหล่านี้

แต่ก็เพราะเป็นผู้กล้า ดังนั้นพวกเขาถึงยิ่งเป็นห่วงกังวล

“พวกเจ้าไม่เคยได้ยินหรือ? นี่คือกองทหารชิงซาน” จวงเหล่าซานเสียงสั่นเอ่ย

พวกเขาล้วนเป็นประชาชนที่ถูกจับตัวมาจากทั่วทุกสารทิศ คนละภูมิลำเนาหาใช่เพื่อนบ้าน ไม่ใช่ทุกคนล้วนรู้ข่าวคราวเหมือนกัน

ตัวอย่างเช่นบุรุษสองคนนี้ไม่รู้จักกองทหารชิงซาน

“ป้าโจวฝั่งนี้ไม่ใช่กองทหารซุ่นอันหรือ?” พวกเขาเอ่ยถามเสียงเบา “กองทหารชิงซานคืออะไร?”

“กองทหารชิงซานเป็นกองทหารที่ร้ายกาจยิ่งนัก…” จวงเหล่าซานเอ่ย ยังไม่ทันสิ้นเสียงพูด ก็ได้ยินเสียงบึ้มบึ้มดังขึ้น พร้อมกันนั้นแผ่นดินพลันสะเทือน

ประชาชนทั้งหลายส่งเสียงร้องตกใจฟุบหมอบกับพื้น

เกิดเรื่องอะไรขึ้น?

ใต้ฝ่าเท้าสั่นสะเทือนไม่ทันหยุด หูก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง เสียงกรีดร้องนี่ไม่ใช่เสียงของชาวโจว ส่วนใหญ่ล้วนเป็นภาษาหู ชาวบ้านทั้งหลายอดไม่ได้รวบรวมความกล้ามองไป เห็นรูปกระบวนทัพของทหารจินเสียรูปกระบวนแล้ว ส่วนทหารจินหลายแถวที่พุ่งไปข้างหน้าล้วนล้มกลิ้งอยู่บนพื้น

ม้าสิบกว่าตัวย้อมไปด้วยเลือด ส่งเสียงร้องคลุ้มคลั่งวิ่งเตลิด

ควันทึบลอยขึ้นมาเป็นพักๆ แสบจมูกชวนให้สำลัก

นี่คืออะไร?

ชาวบ้านทั้งหลายไม่ทันพินิจให้ละเอียด ทหารจินด้านหลังที่พุ่งตามต่อไปข้างหน้าก็ตกสู่ความโกลาหล เสียงหวีดแหลมมาพร้อมกับหอกยาวที่บินมาประหนึ่งสายฝน

กั้นห่างกันไกลปานนี้ ชาวบ้านทั้งหลายยังมองเห็นทหารจินมากมายถูกแทงปลิวตอกตรึงไว้กับพื้น บ้างก็ถูกแทงทะลุ หอกยาวทะลวงผ่านหลายคนไปก็ยังไม่หยุด

น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว…

ในหมู่พวกเขามีคนมากมายเคยเห็นทหารจินกับทหารโจวรบกันมาก่อน ภาพการรบย่อมโหดร้ายยิ่ง แต่โหดร้ายเช่นนี้เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

ที่สำคัญก็คือความโหดร้ายนี่เป็นการฆ่าล้างบางอยู่ฝ่ายเดียว กำลังพลด้านนั้นยังไม่ออกมาสักคน ด้านนี้ก็ล้มลงเป็นแถบแล้ว

“กองทหารชิงซานนี่ร้ายกาจจริงๆ…” บุรุษสองคนเอ่ยพึมพำ ในดวงตาความหวังลุกโชนเต็มเปี่ยม

เสียงการเข่นฆ่ายังคงดังต่อเนื่อง

แม้ถูกอาวุธอันรุนแรงนี้ทำให้ตื่นตะลึง แต่ชาวจินแถวแล้วแถวเล่ายังคงคำรามโกรธเกรี้ยวพุ่งเข้าไป

ระยะห่างใกล้ย่อมไม่อาจใช้กระสุนหินกับรถยิงศรได้แล้ว พร้อมกับเสียงกลองรบด้านในกระบวนทัพ กระบวนทัพของทหารโจวพลันเปลี่ยนแปรอีกหน พวกผู้หญิงด้านหน้าถอยกลับไปใจกลางกระบวนทัพ พลหอกยาวทั้งหลายเรียงแถวขึ้นหน้า

เหลยจงเหลียนมือซ้ายกำหอกยาวแน่น

“บุก” เขาตะโกนเสียงดัง ควบม้าพุ่งออกไป

ซ้ายขวาและหลังร่างเขา บรรดานายทหารทั้งหลายล้วนตะโกนเสียงดัง สะบัดขยับหอกยาว ดาบใหญ่ในมือประจันเข้าใส่ทหารจินที่โถมมา

กำลังพลของสองฝ่ายในที่สุดก็ปะทะกัน

เสียงคำว่าฆ่าสะเทือนฟ้า

ชาวบ้านที่หมอบอยู่บนพื้นดินแม้หลับตายังรู้สึกได้ถึงภาพคลุ้งคาวเลือดนั่นได้

จวงเหล่าซานไม่กล้าลืมตามองแล้ว เขากอดเด็กน้อยปากเอ่ยพึมพำไม่หยุด กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองพึมพำอันใด

เทพเทวาพระพุทธองค์ที่ใดก็ตาม ได้โปรดคุ้มครองนายทหารผู้กล้าเหล่านี้ด้วยเถิด

ผู้ที่ปกป้องตนเองได้ แต่ไหนแต่ไรมาล้วนไม่ใช่เทพเทวาพระพุทธองค์ มีเพียงตนเองเท่านั้น

เสียงฉึบทึบตันดังขึ้นทีหนึ่ง หอกยาวในมือเหลยจงเหลียนแทงทะลุทหารจินที่มือถือดาบฟันม้าคนหนึ่ง

แต่นายทหารหลายคนอีกด้านหนึ่งกลับกรีดร้องถูกทหารจินนายอื่นที่รุมเข้ามาฟันเข้า

ทหารจินคนนั้นในมือกำดาบคู่ ร่ายรำดุดันเยี่ยงพยัคฆ์น่าเกรงขาม พลหอกยาวทั้งหลายในแถวที่เหลยจงเหลียนอยู่ถูกบีบถอยร่นไม่หยุด

ดาบคู่

คิดถึงเมื่อก่อนตนเองก็ใช้หอกคู่เหมือนกัน หากตนใช้หอกคู่ต้องร้ายกาจยิ่งกว่าเขาแน่นอน

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาทอดถอนใจ เสียสมาธิแค่ครู่เดียวเท่านั้น เหลยจงเหลียนก็ยกหอกพุ่งเข้าไป

ดาบของทหารจินฟันโดยหัวไหล่ของนายทหารนายหนึ่ง คล้ายตัดแขนทั้งข้างของเขาไป นายทหารคนนี้ส่งเสียงกรีดร้อง แต่คนกลับไม่ล้มกลิ้งลง ตรงกันข้ามท่าทางเด็ดเดี่ยวใช้แขนอีกข้างหนึ่งกอดดาบของทหารจินคนนี้ไว้แน่น

ก็เป็นช่องว่างนี้เอง เหลยจงเหลียนส่งหอกยาวในมือเข้าไปอย่างแรง

เสียงฉึบดังขึ้นทีหนึ่ง ปลายหอกแหลมคมของเหลยจงเหลียนแทงเข้าไปในลำคอของทหารจินตรงๆ ทหารจินกรีดร้องทีหนึ่งล้มคว่ำกับพื้น

เหลยจงเหลียนถูกดึงล้มไปด้านหน้าด้วย ยังดีตั้งร่างมั่นทันเวลา กำลังจะชักหอกยาวออกมาก็ได้ยินเสียงฉึบ เลือดสาดเต็มศีรษะเขา

ทหารจินคนหนึ่งล้มอยู่แทบเท้าเขา ในมือยังกำเคียวเล่มหนึ่งไว้ บนหน้ายังคงยิ้มเ**้ยมเกรียม

เหลยจงเหลียนหันศีรษะมองไปด้านหลังร่าง จินสือปากำลังเก็บดาบยาวกลับไป สีหน้าเฉยชา

เขา…

เหลยจงเหลียนกำลังคิดจะพูดอะไร จินสือปาก็หมุนตัวกลับไปแล้ว กลับไปยืนท่ามกลางนายทหารอีกแถวหนึ่ง

ต่อให้ในสถานการณ์โหดร้ายเช่นนี้ นายทหารทั้งหมดก็ยังคงรักษาตำแหน่งของตนในขบวนแถวนี่ รุดหน้าตามรูปขบวนที่กองทหารชิงซานเคยสอนอย่างเคร่งครัด

ความหาญกล้าของแต่ละคนทั้งหมดถูกหลอมรวมอยู่ในกระบวนทัพสี่เหลี่ยมที่นี่ คนทั้งหมดร่วมรุกร่วมถอย ต่างแบ่งงานกัน หนึ่งคนกล้า สามคนห้าวหาญ สิบคนไม่อาจต้านทาน

เหลยจงเหลียนมองจินสือปาที่กำลังร่ายรำดาบฟันทหารจินคนหนึ่งคว่ำแล้วสูดหายใจลึกทีหนึ่ง

“นับว่าเจ้าหนูนี่ก็ยังเป็นมนุษย์คนหนึ่ง” เขาเอ่ยกับตนเอง พูดจบก็สะบัดหอกยาวทีหนึ่ง ประจันเข้าหาทหารจินที่โถมมาคนหนึ่ง

หอกยาวแทงทะลุหน้าผากของอีกฝ่าย

มีคนล้มลงไม่หยุด มีคนกลิ้งหลุนๆ บนพื้น มีทหารจินแล้วก็มีทหารโจว

แต่ไม่มีทหารโจวถอยหลัง คนล้มลงไป ขบวนแถวก็ปรับเสริมที่ขาดทันที

กระบวนทัพสี่เหลี่ยมของทหารโจวประหนึ่งรถคันยักษ์เคลื่อนที่บดขยี้เข้ามา

หัวหน้าแม่ทัพจินที่ยืนอยู่ด้านหลังมองตะลึงไปแล้ว ความเสียหายเกินกว่าที่เขาคาดไว้อย่างสิ้นเชิง

“พวกนี้มันทหารที่ไหน? ถึงกับเ**้ยมหาญยิ่งกว่ากองทหารฝีมือฉกาจคนสนิทของเฉิงกั๋วกง” เขาเอ่ยพึมพำ

บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชารอบด้านพากันล้อมเข้ามา

“นี่คือกองทหารชิงซาน”

“ได้ยินเกี่ยวกับพวกเขามานานแล้ว”

“ทหารกล้าจำนวนหนึ่งของพวกเราตายในมือพวกเขาไปแล้ว”

“พวกเราไม่อาจบาดเจ็บล้มตายได้อีกแล้ว ใต้เท้าปาตูอย่างไรพวกเราไปช่วยที่จุดพักไป๋โกวดีกว่า”

“บอกว่าจะเอาประชาชนก็ให้พวกเขาไปเถอะ ไม่อาจเสียทหารกล้าของพวกเราเพื่อแกะสองขาเหล่านี้ได้นะขอรับ”

คำกล่อมเหล่านี้ทำให้แม่ทัพจินยิ่งลังเล มองดูทหารจินด้านหน้าสูญเสียไม่หยุด ใบหน้าเขาก็กระตุกเป็นพักๆ

บาดเจ็บล้มตายมากเกินไปแล้ว บาดเจ็บล้มตายมากเกินไปแล้ว

เขาย่อมไม่อยากให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเสียไปหมดสิ้นเพื่อการกุมตัวประชาชนกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารฝีมือดีของตน ไม่มีทหารฝีมือดีเหล่านี้ ในเผ่าเขาก็ไม่มีตำแหน่งแล้ว

เขายกมือขึ้น ในดวงตามีความโกรธเกรี้ยวแล้วยังมีความหวาดกลัวที่ยากปิดบังอยู่จางๆ

……………………………………….

เมื่อเสียงแตรเขาสัตว์ดังฮูมฮูมขึ้นมา จวงเหล่าซานก็หวิดจะเป็นลม

นี่ไม่ใช่กลัว แต่ตื่นเต้น

นี่เป็นแตรเขาสัตว์เรียกทหารกลับของชาวจิน นี่เป็นครั้งที่สองในชีวิตนี้ที่เขาได้ยิน

ครั้งแรกเป็นตอนที่ตัวอำเภอซึ่งตนอยู่ถูกโจมตีแตก แตรเขาสัตว์เรียกทหารกลับของเหล่าทหารจินเป็นความปิติยินดีแห่งชัยชนะ

แต่ตอนนี้….

ทหารจินทั้งหลายประหนึ่งน้ำหลากถอยไป ขบวนแถวแตกกระเจิง ไม่มีเวลาสนใจสหายที่บาดเจ็บล้มตาย

เสียงแตรเขาสัตว์ฮูมฮูมประหนึ่งระฆังไว้อาลัย พาความหวาดกลัวมาทำให้คนหดหู่

“ชนะแล้ว ชนะแล้ว” จวงเหล่าซานอุ้มเด็กกระโดดลุกขึ้นมาตะโกนเสียงดัง ไม่ทันสนใจว่าข้างตัวทหารจินยังไม่ทันถอยไปไกล

คนมากกว่าเดิมก็กระโดดลุกขึ้นมา โห่ร้องตะโกนยินดีด้วย

แล้วก็มีคนร่ำไห้หมอบลงกับพื้นโขกศีรษะไม่หยุด

ยังมีคนร่ำไห้ตะโกนวิ่งไปหาทหารโจวที่ยังคงรักษารูปกระบวนทัพเคลื่อนมาช้าๆ ด้านนั้น ประหนึ่งเด็กน้อยหลงทางในที่สุดก็เห็นคนในครอบครัวที่มาตามหา

……………………………………….

ข่าวกระจายไปดุจสายลม

จูจั้นที่มาถึงอีกเมืองหนึ่งยื่นมือลูบหนวดเครารกครึ้ม

“ภรรยาของบุตรชายเฉิงกั๋วกงนำทหารเหยียบราบทุกทิศ ประชาชนในเขตป้าโจวมองประหนึ่งเทพ” บุรุษคนหนึ่งเอ่ยอยู่ด้านข้าง วันนี้มีประชาชนเกือบสิบหมื่นแล้วที่ได้นางคุ้มครองถอยลงมาที่เมืองเหอเจียน”

“พี่ใหญ่ พวกเราก็รีบไปเถอะ” บุรุษอีกคนเอ่ยขึ้นอย่างฮึกเหิม ในดวงตายากปิดบังความสงสัยใคร่รู้

ดูซิภรรยาของบุตรชายเฉิงกั๋วกงคนนี้ที่แท้เป็นใคร ทหารในมือนี่ทำไมร้ายกาจปานนี้

จูจั้นกลับส่ายศีรษะ

“พวกเราไม่ไปป้าโจว” เขาเอ่ย “พวกเราไปเซินโจว”

เซินโจว?

บุรุษทั้งหลายไม่เข้าใจอยู่บ้าง

“แต่ท่านหญิง…” พวกเขาเอ่ย

“แม่ข้าอยู่ที่ด้านนั้นย่อมปลอดภัยไร้อันตราย” จูจั้นเอ่ย ดวงตาสุกใส “ข้าไปที่นั่นไม่สู้ไปเซินโจว ข้ามาช่วยทหารหย่งหนิงที่เซินโจวคุ้มครองประชาชนของเป่าโจวลงใต้”

เซินโจวอยู่ชิดติดเป่าโจว เหอเจียนด้านนั้นอย่างไรกำลังพลก็มีจำกัด แค่ป้าโจวที่เดียวก็ทำให้พวกเขาตรากตรำวิ่งวุ่นแล้ว จะไปสยงโจว เป่าโจวอีกยากลำบากนัก

กำลังพลของเซินโจวด้านนี้ยังรอดูท่าทีอยู่ หากไปเกลี้ยกล่อมพวกเขาให้เข้าเป่าโจวทำเรื่องนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องให้ท่านหญิงเฉิงกั๋วกังวลใจด้านนี้อีกต่อไป

บุรุษทั้งหลายพยักหน้า

“ดี พวกเราไปเซินโจว” พวกเขาเอ่ยพร้อมเพรียง

“อีกอย่าง” จูจั้นเอ่ยขึ้นยื่นมือทึ้งหนวดลงมา เส้นผมก็ออกแรงกำทีหนึ่งยกขึ้น เส้นปมที่ขาวประปรายเหล่านั้นพลันกระจายร่วง เส้นผมดำขลับเผยออกกมาทันที “ตั้งแต่ตอนนี้จูจั้นกลับมาแล้ว”

บุรุษทั้งหลายตกตะลึงอีกครั้ง

“ต่อให้ใช้ตัวตนคนตัดฟืน พวกเราก็เกลี้ยกล่อมกองทหารหย่งหนิงได้นะขอรับ” บุรุษคนหนึ่งเอ่ย “ท่านชายท่านไม่ต้องเปิดเผยร่องรอยหรอก”

“ใช่แล้ว องครักษ์เสื้อแพรไล่ตามมาแล้ว คนเหล่านี้หลอกหลอนไม่เลิก” บุรุษอีกคนหนึ่งขมวดคิ้วเอ่ย

จูจั้นมุมปากยกโค้ง

“ก็เพื่อให้พวกเขาไล่ตามข้ามาน่ะสิ” เขาเอ่ย “ไม่ให้เจ้าโง่พวกนี้ถูกภรรยาท่านชายตัวปลอมคนนั้นหลอกไป”

พูดจบก็เอามือรองไว้หลังศีรษะ หมุนตัวก้าวยาวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

“ข้าบุรุษดีๆ คนหนึ่ง ไม่อยากถูกคนทำให้เสียความบริสุทธิ์หรอกนะ”

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

Status: Ongoing

ภาคที่ 1-2  (ภาค 2 ตอนที่ 1 – 90)  อ่านนิยาย

( อ่านต่อข้างล่าง )


ฤดูหนาวปีที่สามแห่งรัชสมัยไท่คัง

มีเด็กสาวผู้หนึ่งมาทวงสัญญาแต่งงานจากตระกูลหนิงแห่งอำเภอเป่ยหลิวเมืองหยางเฉิงถึงหน้าจวน

หลังถูกปฏิเสธการแต่งงงาน เด็กสาวตัดสินใจผูกคอตายเพื่อแสดงจุดยืนของตน

เมื่อเด็กสาวผู้หมดลมหายใจไปลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

นับแต่นั้นชะตาชีวิตของคนมากมายก็ถึงคราวพลิกผัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท