Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน – ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 12 ดวงตาสีเทาดวงหนึ่ง

ภาคที่ 36 ขั้นสุดยอด ตอนที่ 12 ดวงตาสีเทาดวงหนึ่ง

ส่วนอีกด้านหนึ่ง

พวกพลพรรคชนพื้นเมืองและตงป๋อเสวี่ยอิงพุ่งตัวเข้าไปในดินแดนชนเผ่าตามๆ กันไปอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าบริเวณรอบๆ ดินแดนชนเผ่าจะมีระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างขัดขวางอยู่ แต่ก็ขัดขวางได้อย่างอ่อนแอยิ่งนัก

“ผู้บำเพ็ญของดินแดนจิตโลกา!” ผู้อาวุโสใหญ่เดือดดาลหาใดเปรียบ แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยประสบกับการโจมตีของเขตลวงที่ยากจะต้านรับเช่นนี้มาก่อนเลย แรงปรารถนาดึงดูดอันน่าหลงใหลนั้นฉุดลากวิญญาณของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน เขาบรรลุขั้นนั้นมาถึงระดับจักรพรรดิแล้ว แต่ก็ยังคงต้องแบ่งพลังจิตมากมายไปต้านทานอยู่ดี พลังคุกคามของกระบวนท่าที่สำแดงก็ลดต่ำลงอย่างมหาศาล

เดิมทีกระบวนท่าของเขาก็หยาบอยู่แล้ว พลังคุกคามลดต่ำลงอย่างมหาศาล แรงกดดันต่อจอมกระบี่ก็ต่ำลงไปเป็นอย่างมากแล้ว จอมกระบี่ก็เหาะเหินหลบเลี่ยงอย่างสบายๆ ไม่หยุดหย่อน

พรึ่บ

ทะลุผ่านระลอกคลื่น ด้านหน้าก็คือภูเขาสูงของดินแดนชนเผ่าที่ตั้งอย่างตระหง่านเป็นที่สุดแห่งนั้น

ตงป๋อเสวี่ยอิงมองภูเขาสูงของดินแดนชนเผ่าที่อยู่ไกลออกไป ทันใดนั้นจิตใจก็วูบไหวคราหนึ่ง

พรึ่บๆๆ…

เงาร่างสายแล้วสายเล่าแน่นขนัดของหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวก็เหินบินไปทุกทิศทุกทาง! แต่เขามีร่างแยกกว่าหมื่นร่าง ร่างแยกที่มายังหุบเขาเขี้ยวหักในคราวนี้ที่มีพลังรบแข็งแกร่งก็คือร่างแยกทั้งเก้าเป็นหลัก!

ส่วนร่างแยกอื่นๆ นั้นพลังยุทธ์อ่อนแอกว่ามาก พอๆ กันกับพลังยุทธ์ของเทพจักรวาลธรรมดาๆ เท่านั้น

แต่นำมาใช้สำหรับ ‘หาสมบัติ’ ก็เพียงพอแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ปล่อยร่างแยกออกมาหลายร้อยร่างตามอำเภอใจ

“พรืด!” บรรพชนแมลงหัวเราะเสียงดัง อาภรณ์สีดำของเขาแปลงเป็นแมลงจำนวนนับไม่ถ้วนแล้วบินตรงไปทุกทิศทุกทางเพื่อไปหาสมบัติ

“สมควรตาย”ผู้อาวุโสใหญ่เดือดดาล ที่ผ่านมาล้วนเป็นพวกเขาเผ่ามรณะทมิฬที่กลืนกินผู้แกร่งกล้าเผ่าอื่นมาโดยตลอด เคยถูกบุกเข้ามาในดินแดนชนเผ่าเพื่อช่วงชิงสมบัติตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

น่าเสียดาย

บรรดาเผ่ามรณะทมิฬระดับยอดสุดของดินแดนชนเผ่าร่นถอยไปจนหมดสิ้นแล้ว เพราะว่าพวกเขารู้อยู่แล้วว่าเผชิญหน้ากับเคล็ดวิชาวิญญาณอันน่าหวาดหวั่นของผู้บำเพ็ญของดินแดนจิตโลกาผู้นั้น กระทั่งเหล่าอ๋องโดยทั่วไปก็ยังต้านไม่อยู่ ผู้ที่พลังยุทธ์อ่อนแอกว่าสักหน่อยเหล่านั้นไปก็เท่ากับส่งไปตาย!

……

หุบเขาเขี้ยวหักเป็นสถานที่ที่ ‘หยวน’ ก่อตั้งขึ้น แล้วยังเป็นสถานที่ขัดเกลาซึ่ง ‘หยวน’ ทิ้งเอาไว้ให้กับผู้บำเพ็ญอีกด้วย

ที่นี่มีภยันตราย แล้วก็มีสมบัติวิเศษด้วย

แต่ว่าเกาะลอยคว้างมีอยู่มากมายเหลือเกิน เกาะลอยคว้างเพียงแห่งเดียว ถึงอย่างไรสมบัติล้ำค่าก็มีอยู่อย่างจำกัด! อีกทั้งยังมีบางส่วนที่ถูกระดับสูงของเผ่ามรณะทมิฬเห็นเป็นสมบัติล้ำค่าแล้วเก็บซ่อนเอาไว้ ก็มีแค่เพียงบางส่วนที่เผ่ามรณะทมิฬมิชมชอบ ไม่เห็นอยู่ในสายตา จึงโยนเอาไว้ข้างนอกเช่นเดิม

ในท้ายที่สุดแล้ว ‘เผ่ามรณะทมิฬ’ กับผู้บำเพ็ญก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกัน! สมบัติล้ำค่าที่มีค่ากับผู้บำเพ็ญอย่างที่สุดกลับไม่มีประโยชน์อันใดต่อเผ่ามรณะทมิฬเลยแม้แต่น้อย

ในทางกลับกันสมบัติล้ำค่าที่ ‘ชนพื้นเมือง’ กับ ‘เผ่ามรณะทมิฬ’ ให้ความสำคัญนั้นโดยปกติแล้วก็เหมือนๆ กัน

“หืม”

ร่างแยกหลายร้อยร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงบินไปยังทิศทางที่แตกต่างกันพร้อมกับตรวจตราอย่างรวดเร็ว

“นั่นมันอะไรกัน” ร่างแยกร่างหนึ่งในบรรดาร่างแยกเหล่านั้นค้นพบว่าภูเขาสูงของดินแดนชนเผ่ามีกระแสน้ำกระทบโจมตี เบื้องล่างของการกระทบนั้นกลับมีก้อนหินแปลกประหลาดอยู่มากมายหลายก้อน

ก้อนหินเหล่านี้แต่ละก้อนมีสีดำขลับ มีประกายแวววาว ถ้าหากดูอย่างละเอียดจะเห็นว่าที่พื้นผิวของก้อนหินสีดำมีลวดลายชั้นแล้วชั้นเล่า ลวดลายนี้ราวกับแผ่นเกล็ดอันงดงามเป็นอย่างยิ่ง

“ศิลาเกล็ดนิลหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงคาดเดาออกมาได้ในทันทีแล้วเหินบินเข้าไป ร่างแยกร่างนี้โบกมือคราหนึ่ง แล้วควบคุมอากาศคว้าเอาศิลาเกล็ดนิลก้อนแล้วก้อนเล่าเหล่านี้ขึ้นมา

ศิลาเกล็ดนิลล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง ทนทานยากทำลาย บุคคลผู้ไร้เทียมทานก็ยังมิอาจทำลายซึ่งๆ หน้าได้ สามารถใช้ประโยชน์ได้เฉพาะยามที่ผสมผสานกับกับวัสดุเสริมหลายชนิดเท่านั้น เป็นวัตถุหายากในการหลอมสมบัติลับล้ำค่า

“ศิลาเกล็ดนิลมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ หกร้อยยี่สิบห้าก้อนเชียวหรือนี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงยินดีอยู่ในใจ

ศิลาเกล็ดนิลมากมายถึงเพียงนี้ มูลค่าก็สูงพอๆ กับสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าชิ้นหนึ่งแล้ว!

“สมกับที่เป็นหุบเขาเขี้ยวหัก การค้นพบในครั้งนี้ก็เทียบเคียงได้กับสุดยอดสมบัติลับล้ำค่าชิ้นหนึ่งเลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้บำเพ็ญของดินแดนจิตโลกาที่เข้ามายังหุบเขาเขี้ยวหัก จะมีสักกี่คนที่สามารถบุกเข้ามายังดินแดนชนเผ่าที่เป็นศูนย์กลางสำคัญของเกาะลอยคว้าง ได้ ต่อให้เข้ามายังดินแดนชนเผ่าได้ แต่จะมีสักกี่คนที่จะมีร่างแยกจำนวนมากมายจนสามารถสำรวจได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับเขาบ้างเล่า

……

ก่อนหน้าที่จะเข้ามา ตงป๋อเสวี่ยอิง จอมกระบี่ และบรรพชนแมลงก็เคยหารือกันมาก่อนแล้วว่าจะแบ่งสมบัติล้ำค่าที่ได้รับจากหุบเขาเขี้ยวหักกันตามผลงาน! แน่นอนว่าผู้ใดที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่สุดก็สามารถหยิบเอาไปได้ทันที แต่ก็ต้องชดเชยให้กับอีกสองฝ่ายที่เหลือด้วย

ถึงอย่างไรในบรรดาพวกเขา ตงป๋อเสวี่ยอิงอาศัยเคล็ดวิชาวิญญาณ จึงเชี่ยวชาญในการโจมตีหมู่! จอมกระบี่พลังรบแข็งแกร่งที่สุด บรรพชนแมลงก็รับผิดชอบหาสมบัติ เพราะแมลงจำนวนนับไม่ถ้วนของเขาหาสมบัติได้อย่างร้ายกาจที่สุด

“ไม่มีแล้ว”

ร่างแยกหลายร้อยร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังเสาะหา นอกจากค้นพบศิลาเกล็ดนิลแล้วในตอนนี้ก็ยังมิได้ค้นพบสมบัติล้ำค่าอื่นๆ เลย

ทันใดนั้นเอง…

ปัง!!!

กลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นขุมหนึ่งระเบิดขึ้นที่บริเวณไกลๆ

ตงป๋อเสวี่ยอิง บรรพชนแมลง และจอมกระบี่ต่างก็สังเกตได้ในทันทีว่าที่บริเวณไกลออกไปนั้น นั่นก็คือสถานที่แห่งหนึ่งในส่วนลึกของภูเขาสูง สถานที่แห่งนั้นก็เป็นสถานที่ที่พลพรรคชนพื้นเมืองบุกสังหารเข้าไปเช่นเดียวกัน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีร่างแยกที่เข้าไปได้ใกล้เป็นอย่างยิ่ง

กลิ่นอายที่ระเบิดออกมาขุมนั้นช่างน่าหวาดหวั่นเหลือเกิน ยิ่งใหญ่เสียจนทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิง จอมกระบี่ และบรรพชนแมลงต่างก็หน้าถอดสี ที่ด้านบนของภูเขาสูงของดินแดนชนเผ่าก็มีหมอกดำที่แผ่กลิ่นอายแห่งความตายเริ่มรวมตัวเข้าด้วยกัน ล่องลอยอย่างดำทะมึนอยู่ที่บริเวณยอดภูเขาสูง

“เผ่าเซวี่ยเหยียนหรือ จะมาขโมยผลวิญญาณทิพย์ของข้าอีกแล้วหรือ” น้ำเสียงอันโอ่อ่าเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงนี้ทำให้ทั่วฟ้าดินล้วนสั่นสะเทือน

“เป็นจักรพรรดิ”

“มันฟื้นแล้ว”

“พวกเรารีบหนีไปเร็วเข้า”

จอมกระบี่ บรรพชนแมลง และตงป๋อเสวี่ยอิงรู้ได้ในทันทีว่าท่าไม่ดีเสียแล้ว

“รีบหนีโดยเร็วที่สุด เหล่าแมลงของข้าค้นพบสมบัติล้ำค่าแล้วสี่แห่ง พวกท่านเล่า” แมลงจำนวนนับไม่ถ้วนบินมาจากที่ไกลๆ ตรงไปหาบรรพชนแมลงแล้วรวมตัวกันเป็นอาภรณ์สีดำห่อหุ้มอยู่บนร่างของบรรพชนแมลง “ข้าค้นพบแล้วแห่งหนึ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยตอบ ร่างแยกร่างแล้วร่างเล่าเหินลอยมาจากทุกทิศทุกทาง

“เร็วเข้า ตอนนี้พลพรรคชนพื้นเมืองกำลังจัดการกันอยู่ อีกประเดี๋ยวจักรพรรดิผู้นั้นก็จะมาจัดการพวกเราแล้ว” จอมกระบี่เอ่ยอย่างเป็นกังวลและกระวนกระวาย

“จ้าวหิมะเหิน ได้โปรดช่วยเหลือเผ่าเซวี่ยเหยียนของข้าด้วย เผ่าเซวี่ยเหยียนของข้าก็จะขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง” น้ำเสียงกระวนกระวายเสียงหนึ่งลอยเข้าหูตงป๋อเสวี่ยอิง

“ข้าทิ้งร่างแยกหลายร่างเอาไว้ที่นี่เพื่อช่วยพวกเขาอีกแรง” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูดกับจอมกระบี่ในทันที

เขามีร่างแยกมากมาย

ในบรรดาร่างแยกหลายร่างที่ทิ้งเอาไว้ ร่างแยกที่มีพลังรบแข็งแกร่งอย่างแท้จริงนั้นมีอยู่เพียงแค่ร่างเดียวเท่านั้น! ส่วนร่างแยกอื่นๆ ล้วนมีพลังยุทธ์ค่อนข้างอ่อนแอ หลักๆ แล้วก็ใช้เพื่อทำให้ศัตรูสับสนเมื่อยามต้องเผชิญกับอันตรายเท่านั้นเอง

“เอาล่ะ”

จอมกระบี่โบกมือคราหนึ่งแล้วเก็บตัวบรรพชนแมลงกับตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์

ภายในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์แห่งนี้ ความนึกคิดของตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้ถูกขัดขวางการแทรกผ่านไปยังโลกภายนอก ยังคงสามารถสำแดงเคล็ดวิชาเขตลวงโลกเทียมได้เช่นเดิม

“ไป!”

เก็บตัวเพื่อนร่วมทางแล้วก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก จอมกระบี่ก็หลบหนีอย่างสุดความสามารถในทันที!

พรึ่บ!

อัตราเร็วพุ่งสูงขึ้นถึงขีดสุด! สิ่งที่ได้รับจากการมายังเกาะลอยคว้างแห่งนี้ในครั้งนี้ก็เพียงพอแล้ว ต้องรู้ไว้ว่าการหนีออกไปนั้นยังต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควร จอมกระบี่เองก็มิได้มีความมั่นใจมากนักว่าจะสามารถหนีจากผู้ใต้บังคับบัญชาของ ‘จักรพรรดิ’ ไปได้หรือไม่ ดังนั้นจึงต้องหนีไปให้เร็วที่สุด! ถ้าหากตัวตายไป สูญเสียร่างแยกก็แล้วไปเถิด แต่ก็ต้องทิ้งสมบัติล้ำค่าต่างๆ ไปด้วย

พวกเขามายังหุบเขาเขี้ยวหัก… ด้านหนึ่งก็เพื่อขัดเกลาตนเองภายใต้อันตราย…! ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เพื่อรวบรวมสมบัติวิเศษ มีสมบัติวิเศษบางอย่างที่มีส่วนช่วยเหลือในการบำเพ็ญด้วย

“ไล่ตามไป” ผู้อาวุโสใหญ่ก็ไล่ตามอยู่ด้านหลังอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาเข้าใจกระจ่างดีว่าเมื่อใดที่ถูก ‘ทิ้งห่าง’ ด้วยเคล็ดลับการซ่อนเร้นกลิ่นอายของอีกฝ่าย หากนึกอยากจะพบตัวอีกครั้งนั้นเกรงว่าคงจะต้องสิ้นเปลืองเวลามิใช่น้อยเลยทีเดียว

ก็จะต้อง ‘ติดตาม’ ไปตลอด รอให้จักรพรรดิมาถึงแล้วก็เป็นเวลาที่ผู้บุกรุกเหล่านี้จะต้องชดใช้!

*******

ส่วนอีกด้านหนึ่ง

ณ ตำหนักผู้อาวุโส

ร่างแยกที่แข็งแกร่งเป็นที่สุดร่างหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึงที่นี่แล้ว มองปราดเดียวก็เห็นสถานการณ์ของตำหนักผู้อาวุโส

ทางด้านพลพรรคชนพื้นเมือง บริเวณหว่างคิ้วของท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้ผู้นั้นก็มีอัญมณีสีแดงโลหิตชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้น พลังยุทธ์พลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างชัดเจน เพิ่มพูนขึ้นมาหลายเท่าจนไปถึงระดับไร้เทียมทาน! เหล่าชนเผ่าด้านหลังเขาก็ก่อตัวกันเป็นค่ายกลรบ หว่างคิ้วของทุกคนล้วนมีของเหลวสีแดงโลหิตหยดหนึ่งปรากฏขึ้น กลิ่นอายก็พุ่งสูงขึ้นมาหลายเท่า

ทว่าศัตรูกลับแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง

ผู้อาวุโสรองและผู้อาวุโสสาม ทุกคนล้วนสามารถนับได้ว่ามีพลังรบระดับไร้เทียมทาน! อ๋องฝูซาและบรรดาอ๋องคนอื่นๆ ก็แข็งแกร่งอย่างที่สุดเช่นเดียวกัน

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือผู้ที่กดดันให้ ‘ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้’ ต้องต่อสู้ในคราวนี้ก็คือยักษ์ตัวดำขลับคนหนึ่ง!เขามีร่างกายอันดำขลับไปทั้งร่าง มีดวงตาสามดวง ท่อนแขนใหญ่ทั้งคู่ยามที่โบกสะบัดก็แฝงเอาไว้ด้วยความรู้สึกอันลึกลับ ต่อตีเสียจนท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้กระอักเลือดครั้งแล้วครั้งเล่า โชคดีที่ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้เป็นถึงชนพื้นเมืองจึงมีร่างกายแข็งแกร่งเป็นที่สุด

“เสี่ยงชีวิตหรือ เผาผลาญพลังสายโลหิตอย่างนันหรือ ไม่มีประโยชน์หรอก!” ยักษ์ตัวดำขลับผู้นี้ฟาดฝ่ามือเดียวก็ทำให้ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้จมลงไปอยู่ใต้ดิน ร่างกายอันบาดเจ็บสาหัสของเซวี่ยเหยียนจี้ก็บิดเบี้ยวแล้วฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะเดียวกันกับที่เขากำลังต่อสู้อย่างดุเดือดก็พุ่งไปทางต้นไม้ผลต้นโค้งอันแปลกพิสดารกลางบ่อน้ำด้านข้างต้นนั้น

“เสี่ยงชีวิตถึงเพียงนี้ ก็ยังอยากจะพุ่งไปหาต้นไม้ผลอันแปลกพิสดารต้นนั้นอีกหรือ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่สนใจสิ่งอื่นใด

สำแดงกระบวนท่าเขตลวงอย่างสุดกำลังก่อน

ปัง…

โลกเขตลวงเคลื่อนเข้าโอบล้อมทั่วทั้งตำหนักผู้อาวุโสในทันใด ผู้อาวุโสรองและผู้อาวุโสสาม รวมถึงบรรดาอ๋องคนอื่นๆ ภายในตำหนักผู้อาวุโสก็มีสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวงในทันใด แล้วสำแดงการเคลื่อนที่ในพริบตาหลบหนีไป สำหรับ ‘ท่านอ๋องฉี่ตู้’ เพราะรู้ว่าศัตรูบุกเข้าไปในดินแดนชนเผ่า ดังนั้นจึงได้หลบหนีไปไกลก่อนแล้ว เขาเข้าใจกระจ่างดียิ่งว่าการเผชิญหน้ากับผู้บำเพ็ญของดินแดนจิตโลกาที่น่าหวั่นเกรงผู้นั้น พบหน้ากันเพียงแค่ครั้งเดียวเขาก็ต้องเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว

ทางด้านเผ่ามรณะทมิฬคนอื่นๆ ล้วนหลบหนีไปจนหมด

แต่ ‘จักรพรรดิ’ ก็ยังคงมิได้เคลื่อนไหวเช่นเดิม

“หืม” ยักษ์ตัวดำขลับผู้นี้หันหน้ามองไปทางหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวที่ปรากฏตัวขึ้นภายนอกตำหนักผู้อาวุโสผู้นั้น ภายใต้การปะทะโจมตีของเขตลวงอันน่าหวาดหวั่น แม้กระทั่งจักรพรรดิก็ยังต้องแบ่งจิตใจไปต้านทาน พลังยุทธ์ก็ลดต่ำลงไปถึงสามส่วนในทันใด

ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังยุทธ์กล้าแกร่งยิ่งกว่าผู้อาวุโสใหญ่เสียอีก

แต่ในความเป็นจริงแล้วเขากับผู้อาวุโสใหญ่ต่างก็เป็นระดับจักรพรรดิด้วยกันทั้งสิ้น! ความแข็งแกร่งของวิญญาณของผู้อาวุโสใหญ่มีความแตกต่างพื้นฐานกับพวกผู้อาวุโสรองแต่ละคน แต่จักรพรรดิและผู้อาวุโสใหญ่กลับไม่มีความแตกต่างพื้นฐานระหว่างกันเลย

“เร็วเข้า!” ท่านชายเซวี่ยเหยียนจี้ได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็ถ่ายเสียงให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาในทันที

“ชิงผลวิญญาณทิพย์มา!”

“ผลวิญญาณทิพย์!”

ชาวเผ่าเซวี่ยเหยียนเหล่านั้นพุ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง

……

ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สังเกตต้นไม้ผลอันแปลกพิสดารต้นนั้น ของเหลวภายในบ่อน้ำที่ต้นไม้ผลต้นนี้เจริญอยู่เต็มไปด้วยสีดำสนิท ส่วนต้นไม้ผลก็โค้งงอและเจริญเติบโตจนสูงราวๆ สิบกว่าจั้ง ‘เปลือกผล’ ของผลไม้ทั้งสองลูกล้วนบางเฉียบจนสามารถมองเห็นประกายจำนวนนับไม่ถ้วนไหลเวียนอยู่ภายในผลได้เลยทีเดียว

“ผลไม้นี้ดูแล้วไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง แต่ในข้อมูลก็มิได้มีบันทึกเอาไว้เลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองสำรวจไปถึงเรือนยอดของต้นไม้ผลประหลาดต้นนี้ในทันใด ตรงนั้นมี ‘ดวงตาสีเทา’ อยู่ดวงหนึ่ง ดวงตาสีเทาดวงนี้คล้ายกับถูกฝังติดเอาไว้ภายในต้นไม้ผลอย่างไรอย่างนั้น พลังคุกคามที่มันแผ่ออกมาก็แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งตำหนักผู้อาวุโสอยู่ตลอดเวลา

เพียงแต่ว่ากลิ่นอายที่จักรพรรดิระเบิดออกมาในตอนนี้มีพลังคุกคามแกร่งกล้ายิ่งกว่า ก่อนหน้านี้ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงมิได้สังเกตเห็นดวงตาสีเทาดวงนี้เลย

ยามที่มองไปนั้นเอง…

ดวงตาของตงป๋อเสวี่ยอิงกับดวงตาสีเทาดวงนั้นก็จ้องมองซึ่งกันและกัน

……………………………………………………

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

Status: Ongoing
ในแคว้นอันหยางสิงแห่งชนเผ่าเซี่ย
มีดินแดนใต้อาณัติแห่งหนึ่งที่แสนจะเล็กและไม่สะดุดตา นามว่า ‘แดนอินทรีหิมะ’ เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจากที่แห่งนี้ เมื่ออายุได้แปดปี บุพการีทั้งสองถูกพรากไปต่อหน้าต่อตา เขายอมทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยบุคคลอันเป็นที่รักกลับมา ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนอย่างหนักวันแล้ววันเล่า หรือการผจญกับเหล่าสัตว์มารแสนอันตราย ล้วนมิอาจทำลายปณิธานอันแรงกล้านี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท