ลำนำบุปผาพิษ – บทที่ 1690+1691

บทที่ 1690+1691

บทที่ 1690 ช่วยคน 2

หลังจากเข้ามาเธอได้ทราบว่า ยามและผู้คุ้มกันอันใดของสถานที่แห่งนี้ไม่สามารถเดินวุ่นวายตามใจชอบได้ ต่างคนต่างมีหน้าที่และพื้นที่ของตน ถ้าข้ามเขตจะถูกสังหารทันที!

ดังนั้นกู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีปะปนเข้ามาได้ไม่นาน ก็สวมรอยฐานะของสองคนนั้นต่อไม่ได้แล้ว

จึงกลับสู่รูปลักษณ์เดิมเสียเลย เร้นกายเดินทางมาโดยตลอดยามนี้ประตูใหญ่สองบานของอาคารพิสดารหลังนั้นปิดสนิท มองไม่เห็นเช่นกันว่าด้านในมีสิ่งใด

มีผู้คุ้มกันทั้งหมดสิบคน ล้วนเป็นผู้ที่มีพลังวิญญาณขั้นเก้าขึ้นไปทั้งสิ้น มองจากสายตาและท่าทางแล้ว ล้วนมีปฏิกิริยาตอบสนองเฉียบไวทั้งสิ้น และตื่นตัวระแวดระวังยิ่งนัก

พวกเขายืนเรียงเป็นขบวนค่ายกลอย่างหนึ่งอยู่รางๆ ขบวนค่ายกลนี้คือจู่โจมหัวหางตั้งรับ จู่โจมหางหัวโต้กลับ[1] ดังนั้นจึงใช้วิธีลอบโจมตีไปทีละคนไม่ได้

กู้ซีจิ่วคิดเล็กน้อย คิดจะใช้วิชาเคลื่อนย้ายเข้าไปตามสัญชาตญาณ ถูกตี้ฝูอีรั้งไว้ “ไม่ได้! รอบๆ อาคารหลังนี้มีเขตแดนป้องกันคนเคลื่อนย้ายเข้าไป!”

กู้ซีจิ่วชักมือตนกลับ ชะงักไปเล็กน้อย ตัดสินใจลองใช้กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิม[2]ดู

เธอใช้วิชาเคลื่อนย้ายไปยังอาคารที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่แล้ววางเพลิง…

สิ่งที่เธอนึกไม่ถึงคือ เพิ่งจะจุดเพลิงนี้ขึ้น เหนือจุดที่วางเพลิงก็มีน้ำพ่นออกมา ประหนึ่งฝนห่าใหญ่ดับไฟให้วอดไป

ช่างเป็นสถานที่ที่วิทยาการล้ำหน้าโดยแท้!

ขณะที่เธอกำลังหาตำแหน่งวางเพลิงใหม่อีกครั้ง ตี้ฝูอีก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเธออย่างเงียบเชียบ ดีดนิ้วทีหนึ่ง เปลวเพลิงสายหนึ่งลุกไหม้ตัวอาคารโดยตรง ด้านบนยังคงมีน้ำพ่นลงมา แต่ครานี้ฝนห่าใหญ่กลับไม่สามารถดับไฟได้แล้ว

กู้ซีจิ่วมองเขาแวบหนึ่ง ตี้ฝูอีก็เอ่ยเพียงสี่คำ “เพลิงแท้กสิณ!”

เพลิงโหมขึ้นที่นี่ ย่อมทำให้ผู้คุ้มกันที่ลาดตระเวนอยู่รอบๆ เหล่านั้นตื่นตระหนก พากันวิ่งเข้ามา

อาศัยจังหวะที่ชุลมุนวุ่นวาย กู้ซีจิ่วใช้วิชาเคลื่อนย้ายกลับไปยังละแวกอาคารทรงหัวใจหลังนั้นอีกครั้ง ผลคือพบว่ายอดฝีมือสิบคนนั้นยังคงยืนอยู่ตรงนั้นเช่นเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะไปช่วยดับไฟเลย กลับขยับเข้าใกล้อาคารหลังนั้นยิ่งขึ้น แต่ละคนตั้งท่าเตรียมพร้อม!

เห็นทีว่าผู้บงการคนนั้นจะแจกแจงเรื่องราวไว้ก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ให้พวกเขาออกห่างจากที่นี่

ตี้ฝูอีวางเพลิงอย่างเนื่องกันเจ็ดแปดจุด เสียงโวยวายให้มาช่วยดับไฟแว่วอยู่ไกลๆ เสียงรอบข้างสับสนอลหม่าน สถานการณ์ฉุกเฉินถึงเพียงนี้ แต่สิบคนนั้นถึงแม้สีหน้าจะตื่นตระหนกตกใจ แต่ยังคงไม่ขยับเขยื้อนเช่นเดิม

เห็นทีว่าต่อให้ที่อื่นถูกเผาจนวอดไปหมด สิบคนนี้ก็คงไม่ออกห่างจากรัง ไม่มีทีท่าว่าจะออกไปเลย…

เพียงแต่ นี่ก็ทำให้มองออกว่าผู้บงการคนนั้นก็ซ่อนตัวอยู่ในอาคารทรงหัวใจหลังนี้ ไม่แน่ว่ายามนี้อาจจะเริ่มทรมานหลานไว่หูแล้ว…

กู้ซีจิ่วร้อนใจดั่งไฟลน ตี้ฝูอีก็วกกลับมาแล้วเช่นกัน เห็นนางมองดูสิบคนนั้นอีกครั้ง เอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น “ไม่มีวิธีแล้ว ตีฝ่าไปเถอะ!”

ขณะที่กำลังจะเคลื่อนไหว กู้ซีจิ่วกล่าวขึ้นว่า “พวกเราแยกกันปฏิบัติการเถอะ!”

ตี้ฝูอีเลิกคิ้วมองเธอ กู้ซีจิ่วจึงเอ่ยต่อว่า “พอพวกเราลงมือ จะต้องทำให้คนด้านในตระหนกแน่ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะลงมือกับจิ้งจอกน้อยทันที และการกำจัดสิบคนนี้ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเค่อ กว่าพวกเราจะบุกเข้าไปได้ ไม่แน่ว่าคนที่อยู่ด้านในอาจหนีหายไปนานแล้ว พวกเราก็จะวุ่นวายอย่างเสียเปล่า! มิสู้เอาเช่นนี้ ท่านพุ่งออกไปดึงดูดความสนใจทั้งหมดจากพวกเขาก่อน ข้าจะฉวยโอกาสเคลื่อนย้ายไปที่ประตูอาคารนั้น ใช้วิชาเยือกสุริยันทำลายเขตแดนป้องกันการเคลื่อนย้ายของมันแล้วค่อยเข้าไป ยับยั้งการลงมือของคนที่อยู่ด้านในก่อน ท่านกำจัดพวกเขาเสร็จค่อยตามเข้าไป…”

วิธีนี้ของกู้ซีจิ่วย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ทว่าตี้ฝูอีกลับนิ่งไปเล็กน้อย

กำจัดสิบคนนี้สำหรับเขาแล้วไม่ยากเย็นอะไร เป็นระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น

แต่หากว่านางบุกเดี่ยวเข้าไปก่อน เผชิญหน้ากับผู้บงการคนนั้นตามลำพัง…

————————————————————————–

บทที่ 1691 ช่วยคน 3

“พวกเราจัดการคนด้านนอกเหล่านี้ด้วยกันก่อนดีกว่า แล้วค่อยเข้าไปก็ไม่สาย” ตี้ฝูอีปฏิเสธนางในทันที

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว ไม่ค่อยเข้าใจเขา เธอกล่าวขึ้นหลังจากชะงักงันไปครู่หนึ่ง “ท่านกลัวว่าข้าเข้าไปก่อนแล้วจะไม่เป็นผลดีต่อหลานจิ้งอี๋งั้นหรือ?”

ตี้ฝูอีนิ่งอึ้ง บางครั้งนางตอบสนองเชื่องช้าก็ไม่เป็นไร บางครั้งนางอ่อนไหวเสียจนน่ากลัว

เขาไม่พูดจาอันใด เพียงแค่จ้องมองนาง

กู้ซีจิ่วถือว่าเขายอมรับโดยปริยาย เย้ยยิ้มออกมาในทันที “วางใจเถิด ครั้งนี้ข้าไม่มีทางทำร้ายนางเป็นอันขาด! หากท่านไม่เชื่อ ข้าขอสาบานต่อท่าน หากผิดคำสาบานขอให้ข้า…” คำสาบานด้านหลังยังไม่ทันได้พูดออกมา เธอก็ถูกตี้ฝูอีปิดปากในทันใด น้ำเสียงของเขาเย็นชา “เจ้าไม่ต้องให้สัตย์สาบาน ข้าเชื่อเจ้า!” จากนั้นหันกายกลับแล้วพุ่งตัวออกไป!

วิธีของกู้ซีจิ่วรวดเร็วที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย สามนาทีต่อมา ตี้ฝูอีต่อสู้โรมรันพันตูกับทั้งสิบคนนั้น มีสองคนตกอยู่ในเงื้อมมือเขาเรียบร้อยแล้ว

ส่วนกู้ซีจิ่วยืนอยู่หน้าประตูของสิ่งก่อสร้างแปลกประหลาดนั้นแล้ว ยกมือขึ้นทำลายเขตแดนที่ปกคลุมอยู่ทั้งสี่ทิศ

หลังจากทำลายเขตแดน ด้านในก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนอันน่าเศร้าสลดส่งผ่านเข้าหูอย่างน่าตกใจ!

เสียงกรีดร้องนั้นแปรเปลี่ยนไปแล้ว อีกทั้งยังฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงร้องของผู้ใด คนแรกที่กู้ซีจิ่วคิดถึงก็คือหลานไว่หู!

สีหน้าเธอแปรเปลี่ยน แทบจะไม่ต้องยั้งคิด เธอเคลื่อนย้ายเข้าไปในเวลาเดียวกันกับที่ทำลายเขตแดน ดังนั้นจึงเห็นภาพฉากด้านใน!

มีนางเงือกชุ่มโลหิตนอนอยู่ที่พื้น เสียงกรีดร้องประหนึ่งเสียงเชือดสุกรก็เป็นนางเงือกผู้นี้เปล่งเสียงออกมา

ส่วนหลานไว่หูถูกโซ่เส้นเล็กมัดแขนขาไว้ ห้อยอยู่ตรงนั้น ใบหน้านางซีดเผือด ที่หน้าอกมีเข็มปลายแหลมค่อนข้างใหญ่เล่มหนึ่งเสียบอยู่ มีหยาดโลหิตไหลหยดจากอีกด้านหนึ่งของเข็มปลายแหลม…

คุณชายชุดครามยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ในมือถือถ้วยสุราใบหนึ่งซึ่งมีของเหลวสีแดงฉานกระฉอกไปมาเต็มครึ่งถ้วย นั่นก็คือโลหิตขั้วหัวใจของจิ้งจอกน้อย!

เมื่อเขาหันกายกลับมามีโลหิตติดที่มุมปาก หยาดโลหิตไหลเยิ้มที่ริมฝีปาก ประหนึ่งผีดูดเลือดก็ไม่ปาน

เดิมทีหลานไว่หูคิดว่าตัวเองต้องสิ้นชีพอย่างแน่นอน ใบหน้านางสิ้นหวัง หลับตาลงกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวด ทันทีที่เห็นว่าคนที่บุกเข้ามาเป็นกู้ซีจิ่ว ดวงตานางพลันวาบไหว! อ้าปากจิ้มลิ้มเล็กน้อย “ซีจิ่ว…”

หยาดน้ำตาไหลริน

คุณชายชุดครามได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจึงหันกายกลับมา เมื่อเห็นว่าคนที่บุกเข้ามาเป็นกู้ซีจิ่ว เขาก็ทอดถอนใจ “ซีจิ่ว เจ้ามาได้รวดเร็วเหลือเกิน! เรื่องนี้เจ้าไม่ควรเข้ามาข้องเกี่ยว”

นิ้วมือกู้ซีจิ่วกระชับแน่น จ้องมองคนผู้นั้น

คนผู้นี้ใช้รูปลักษณ์ของหรงเจียหลัว

ทว่าบุคลิก…

“เจ้าคือโม่เจ้า!”

คุณชายชุดครามผู้นั้นแย้มยิ้ม กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ซีจิ่ว เจ้ารู้จักข้าดียิ่งนักจริงๆ ข้าเปลี่ยนเนื้อหนังมังสาแล้วยังถูกเจ้าจำได้ในแวบเดียว”

กู้ซีจิ่วเดินเข้าไปหาเขา “หรงเจียหลัวอยู่ที่ใด?”

คุณชายชุดครามยืดอกผึ่งผาย “ก็อยู่ที่นี่ไง ซีจิ่ว เนื้อหนังมังสานี้ก็คือเขา เจ้าดูไม่ออกรึ?” รอยยิ้มเขาน่าหลงใหลยิ่งนัก ทว่าร่างกายเขาในตอนนี้ไม่มีแม้แต่เงาของหรงเจียหลัว

กู้ซีจิ่วขบเม้มริมฝีปาก “เจ้าแปลงกายเป็นเขา? หรือยึดครองสังขารเขา?” ทันใดนั้น ลำแสงภายในมือพลันวาบไหว โจมตีไปยังถ้วยสุราในมือเขา!

พลังยุทธ์ของเธอสูงส่ง ลงมือได้รวดเร็วโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว คุณชายชุดครามไม่ทันได้หลบหลีกไปชั่วขณะ ถ้วยสุราในมือจึงแตกเป็นเสี่ยงในทันใด โลหิตสาดกระเซ็นไปที่พื้น

คุณชายชุดครามนิ่งอึ้ง

มีลำแสงวาบไหวในดวงตาเขา จากนั้นพุ่งตรงไปยังหลานไว่หูที่ห้อยอยู่ตรงนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจับหลานไว่หูเป็นตัวประกัน

กู้ซีจิ่วเตรียมป้องกันไว้แล้ว รีบเคลื่อนย้ายในพริบตาไปข้างกายหลานไว่หู เธอซัดพลังวิญญาณออกจากฝ่ามือ ลำแสงสีขาวดังระลอกคลื่น กระทบหน้าอกของคุณชายชุดครามทันที!

โม่เจ้ารีบถอยหลังไปข้างบ่อโลหิต แล้วอมยิ้ม

————————————————————————

[1] จู่โจมหางหัวโต้กลับ เป็นการจัดกระบวนทัพที่อ้างอิงมาจากการเคลื่อนไหวของงู เพราะเมื่องูถูกทุบหัวหางจะมีปฏิกิริยาและถ้าจู่โจมทางหางหัวงูจะแว้งฉกได้ ดังนั้นกระบวนทัพในลักษณะนี้จึงไม่อาจจู่โจมจากด้านใดด้านหนึ่งได้ ทำได้เพียงจู่โจมทั้งหมดพร้อมกัน

[2] ส่งเสียงบูรพาตีฝ่าประจิม เป็นหนึ่งในกลศึกสามก๊ก เป็นการโจมตีศัตรู โดยเตรียมการและบุกโจมตีในจุดที่ศัตรูคาดไม่ถึง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ศัตรูตั้งรับได้ถูก จึงหลอกล่อศัตรูให้เกิดการหลงทิศกับการบุกโจมตีและนำกำลังทหารไปเฝ้าระวังผิดตำแหน่ง ทำให้กำลังทหารหละหลวมเปิดโอกาสให้สามารถเอาชนะได้โดยง่าย

ลำนำบุปผาพิษ

ลำนำบุปผาพิษ

Status: Ongoing
   เธอคือนักฆ่าสาวผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมืด แต่ดันตายเพราะโดนคนที่เชื่อใจตลบหลัง! ไม่รู้ว่านรกชังหรือสวรรค์เป็นใจ เธอถึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างเด็กสาวอัปลักษณ์ที่ถูกลวงให้เอาชีวิตมาทิ้ง ผู้คนในโลกนี้ยึดถือในเรื่องของพลังวิญญาณ ทว่าร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณอยู่เลยสักนิด เป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่พบเจอได้ยากยิ่ง!! แต่ไม่มีพลังวิญญาณก็ไม่เห็นเป็นไร ร่างนี้มีเธอมารับช่วงต่อแล้ว เธอจะทวงคืนทุกอย่างแทนเจ้าของร่างเดิม ทวงเอาทุกสิ่งที่ควรมีกลับมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท