บทที่ 1985 เจ้าอย่าได้ตามหาข้าอีก!
น้ำเสียงเยือกเย็นดึงดูดของเสินเนี่ยนโม่แว่วออกมาจากยันต์ถ่ายทอดเสียง “ซีจิ่ว? ตามหาข้ามีเรื่องใด?”
น้ำเสียงอบอุ่นอย่างน่าเหลือเชื่อ
กู้ซีจิ่วปีติยินดีนัก!
เธอนึกว่าครั้งนี้อีกฝ่ายจะไม่รับสายเหมือนเดิมเสียอีก!
ดีร้ายอย่างไรเขาก็รับแล้ว!
เธอเตรียมพร้อมจะกรำศึกที่ยืดเยื้อยาวนานแล้ว!
ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเหมือนอารมณ์ของเขาจะไม่เลวเลย กู้ซีจิ่วรีบฉวยโอกาสตีเหล็กตอนยังร้อนทันที กระแอมเบาๆ คราหนึ่ง สุ้มเสียงจริงใจ “เนี่ยนโม่…”
เพิ่งจะเปล่งสองคำนี้ออกมา ยันต์ถ่ายทอดเสียงก็ตัดสายไปเลย
วาจาที่กู้ซีจิ่งกลั่นกรองไว้จุกอยู่ในลำคอ มองยันต์ถ่ายทอดเสียงที่ตัดสายไปแล้วอย่างประหลาดใจ ทำไมถึงตัดไปล่ะ?! มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?
เธออดไม่ได้ตรวจสอบยันต์ถ่ายทอดเสียงดู ตรวจดูรอบหนึ่งแล้วก็ไม่พบปัญหาอะไร ใคร่ครวญเล็กน้อย ต่อสายหาอีกครั้ง ครั้งนี้ยันต์ส่งกระแสเสียงกะพริบอยู่หลายครั้ง ขณะที่กู้ซีจิ่วนึกว่าอีกฝ่ายคงไม่รับแล้ว ในที่สุดฝั่งนั้นก็กดรับอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้เสียงเยียบเย็นลงไม่น้อยเลย “เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?”
กู้ซีจิ่วนิ่งไปครู่หนึ่ง
เธอนวดหว่างคิ้ว ในที่สุดก็กระจ่างแล้ว “ฝูอี…”
“เจ้าตามหาข้ามีธุระอะไร? จะสารภาพรักหรือ?” เสินเนี่ยนโม่ที่อยู่ด้านนั้นคล้ายจะเย้าหยอก
กู้ซีจิ่วเหงื่อตกแวบหนึ่ง เอ่ยถาม “เจ้าได้ยินข่าวลือพวกนั้นแล้วสินะ?”
“ข่าวลือ? เจ้าพูดถึงข่าวลือที่เจ้าไปตามหาข้าที่หุบเขาไร้พันธะ บอกว่าเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อน ต้องการอยู่ข้างกายข้า รักถนอมข้าดั่งแก้วตาดวงใจน่ะหรือ?” น้ำเสียงเสินเนี่ยนโม่ไม่อนาทรร้อนใจ และไม่ทราบว่าชมเชยหรือประชดประชันกันแน่
กู้ซีจิ่วเหงื่อตกอีกครั้ง ใช่จริงๆ ด้วย! ข่าวลือแว่วไปถึงหูของเขาแล้ว แถมยังมีคำพูดดั้งเดิมของเธอแพร่ออกไปไม่น้อยด้วย!
ใครกันนะที่ปากมากขนาดนี้?!
กู้ซีจิ่วสงบสติ ทำให้น้ำเสียงของตนฟังดูจริงใจขึ้น “ฝูอี อันที่จริงข้าพูดแบบนั้นเพราะโกรธอาจารย์ของเจ้า มิใช่ใจจริง เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่มีความคิดในเชิงนั้นต่อเจ้าอย่างเด็ดขาด เจ้ายังเด็ก ข้าไม่มีความคิดสกปรกแบบนั้นหรอก…ไม่สิ ต่อให้เจ้าโตแล้ว เป็นผู้ใหญ่อย่างแท้จริง ข้าก็ไม่มีความคิดเชิงนั้นกับเจ้า ข้าแค่อยากถ่ายทอดวรยุทธ์ให้เจ้า ช่วยเจ้าบำเพ็ญ ช่วยให้เจ้าทะลวงขั้น ไม่มีความคิดไม่ซื่อเห็นแก่ตัวอันใดเลย…”
ถ้าหากสามารถวิดีโอคอลกับเสินเนี่ยนโม่ได้คงดี กู้ซีจิ่วอยากให้เขาได้เห็นสายตาที่จริงใจของตนแทบแย่แล้ว
ฝั่งนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง หัวเราะเบาๆ คราหนึ่ง “ที่แท้ถ้อยคำที่เจ้ากล่าวว่า ‘ข้าเป็นแสงจันทร์ขาวของเจ้า เป็นกุหลาบแดงของเจ้า’ ล้วนเป็นคำเท็จสินะ!”
น้ำเสียงของเขาฟังอารมณ์ไม่ออก กู้ซีจิ่วนวดหน้าผากอีกครั้ง “เรื่องนั้น ข้าพูดไปเพราะโมโหศิษย์น้องหญิงของเจ้า…”
“ที่แท้ก็เป็นแค่คำพูดตอนโมโห…กลับก่อให้เกิดมรสุมไปทั้งเมือง…” น้ำเสียงของเสินเนี่ยนโม่เยียบเย็นลง
เธอก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเกิดมรสุมไปทั่งทั้งเมืองในชั่วข้ามคืน!
“ขออภัยด้วย” กู้ซีจิ่วกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ ไม่ว่าเธอจะเจตนาหรือไม่ ก็สร้างความเดือดร้อนให้อีกฝ่ายไปแล้ว ถืออย่างไรเขาก็ตกเป็นคนหนึ่งในข่าวลือเหมือนกัน
“ขอโทษข้าทำไม?” น้ำเสียงเสินเนี่ยนโม่คาดเดาไม่ได้
“คำพูดด้วยอารมณ์โมโหชั่ววูบของข้าในครั้งนี้สร้างความเดือดร้อนให้เจ้า…วางใจเถอะ ข้าจะหาโอกาสเหมาะๆ ชี้แจงเรื่องนี้ต่อสาธารณชน ให้ทุกคนทราบว่าข้ามิใช่โคแก่กินหญ้าอ่อน” กู้ซีจิ่วรับประกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการชิงตัวเขามาเป็นศิษย์ของตน กู้ซีจิ่วก็ต้องย่อมหลั่งเลือดบ้าง ลดท่าทีแล้วเอ่ยขอโทษ
ฝั่งนั้นเงียบไปแล้ว
กู้ซีจิ่วรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าคุยผ่านยันต์ถ่ายทอดเสียงค่อนข้างไม่กระจ่าง จึงเอ่ยถามประโยคหนึ่ง “ฝูอี เจ้าอยู่ที่ไหน? ข้าจะไปพบเจ้า พวกเราคุยกันต่อหน้า”
“ข้าไม่มีอะไรจะคุยกับเจ้า เจ้าอย่าได้ตามหาข้าอีก! ข้าไม่สนใจจะทำภารกิจอันใดเป็นเพื่อนเจ้า!” ยันต์ถ่ายทอดเสียงตัดสัญญาณไปแล้ว
กู้ซีจิ่งนิ่งงัน
เธอรู้สึกว่าเรื่องราวค่อนข้างลุกลามใหญ่โตแล้ว!
————————————————————————————
–
บทที่ 1986 ไม้อ่อนไม่ได้ผลก็ใช้ไม้แข็งซะ
เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการเป็นฝ่ายเข้าหาเพื่ออบรมสั่งผู้อื่นจะยากเย็นถึงเพียงนี้!
เธอนั่งใจลอยอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง ติดต่อกลับไปอีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้ เธอต่อสายหากว่าสิบครั้ง ฝั่งนั้นไม่กดรับเลยสักครั้ง
เป็นอันชัดเจนว่าเด็กคนนั้นตัดสินใจว่าจะไม่สนใจเธอแล้ว
“เสี่ยวชาง เจ้าว่าขั้นต่อไปข้าควรทำอย่างไรดี?” กู้ซีจิ่วเคาะกำไลบนข้อมือ
ระยะนี้เสี่ยวชางประหนึ่งเป็นใบ้ไปแล้วก็มิปาน หวงวาจาดั่งทองยิ่งนัก เมื่อก่อนชมชอบเจื้อยแจ้วอยู่ข้างหูกู้ซีจิ่ว กลับวันมานี้มันกลับทำตัวเสมือนแบตฯ หมด ไม่เปิดปากเอ่ยง่ายๆ เอ่ยปากขึ้นก็พูดไม่กี่คำ เฉกเช่นยามนี้ ‘เจ้านาย พยายามเข้า!’
ชิ พยายามกับผีสิ! อีกฝ่ายไม่รับหน้าเลย แล้วเธอควรจะพยายามอย่างไร?
คงไม่สามารถลักพาตัวเด็กคนนั้นมา แล้วบังคับเขาเพื่อสอนวรยุทธ์ให้เขาได้กระมัง?!
เด็กคนนั้นหัวรั้นอย่างยิ่ง ต่อให้เธอลักพาตัวเขามา หากว่าเขายืนกรานไม่เรียนหรือว่าไม่ฝึก เธอก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
หรือว่าต้องถือดาบจ่อคอเขาแล้วบังคับให้เขาฝึก?
“เสี่ยวชาง ข้าอยากยอมแพ้แล้ว” กู้ซีจิ่วค่อนข้างท้อถอย
‘เจ้านาย ไม่ได้นะ!’ หนนี้หยกนภาพูดมากขึ้นมาอย่างที่หาได้ยากนัก ‘ท่านทำได้! บนโลกนี้ไม่มีเรื่องใดที่ท่านแก้ไขไม่ได้ เรื่องแค่นี้ไม่คณามือท่านหรอก ใช่ไหมล่ะ? เจ้านาย อยากคืนชีพให้ท่านหวงถูไม่ใช่เหรอ การคืนชีพของเขาขึ้นอยู่กับท่านแล้วนะ…’
กู้ซีจิ่วหลุบตาลง ใช่แล้ว เธอทำเพื่อหวงถูจริงๆ เพื่อคนที่เคยดีต่อเธอด้วยใจจริง…
เพื่อฟื้นคืนชีพให้เขา เธอกล้ำกลืนฝืนทนสักนิดจะเป็นอะไรไปเล่า?
ในที่สุดเธอก็กระตุ้นจิตใจขึ้นมาอีกครั้ง มองเจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋ที่กำลังดื่มกินชุดใหญ่อยู่ที่หน้าโต๊ะ หลังจากเจ้าสองตัวนี้พาเด็กๆ พวกนั้นกลับไปส่งที่บ้านแล้ว ก็ตรงกลับมาหากู้ซีจิ่วเลย กู้ซีจิ่วจึงตกรางวัลให้พวกมัน สั่งอาหารที่พวกมันชอบกินมาให้โต๊ะใหญ่
เจ้าหอยยักษ์เป็นขาซุบซิบตัวหนึ่ง กินไปพลางพูดคุยกับกู้ซีจิ่วไปพลาง ยามนี้มันจึงสอดปากเอ่ยขึ้นว่า “เจ้านาย นี่จะมีอะไรยากกัน? ท่านก็บุกไปหาเฟิงชิงซ่างเหรินที่นั่นเลยสิ จับเจ้าเด็กคนนั้นมา! ล่ามไว้ข้างกายแล้วค่อยๆ สั่งสอนไป ถ้าเขาไม่ยอมก็ไม่ต้องปล่อยเขาไป! จนกว่าเขาจะยินยอมพร้อมใจ”
ลู่อู๋สะบัดหางไปมา “ใช่แล้ว! เจ้านาย ลงมือไปตรงๆ เลย! เช่นนั้นจะง่ายกว่า”
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ คราหนึ่ง ตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ “ได้! ไม้อ่อนไม่ได้ผลก็ใช้ไม้แข็งซะ!”
วาจาของหนึ่งคนสองสัตว์ประหนึ่งโจรที่กำลังจะออกปล้นชิง หยกนภาพูดไม่ออกเลย เอ่ยแย้งไปว่า ‘เกรงว่าจะใช้ไม้แข็งกับคนผู้นั้นไม่ได้น่ะสิ…เจ้านาย เธอเคยได้ยินประโยคหนึ่งหรือไม่ ความทุกข์ยากทำให้คนเติบใหญ่ อุปสรรคทำให้คนก้าวหน้า ฝูอีผู้นั้นยามนี้ชีวิตราบรื่นไร้คลื่นลมเกินไป มิสู้ท่านสร้างอุปสรรคให้เขาเสียหน่อย ให้เขาได้คิดหาวิธีหาทางแก้ไขปัญหา ในเมื่อเขาไม่คิดจะกราบท่านเป็นอาจารย์ ไม่ยอมให้ท่านสอนวรยุทธ์เขา เช่นนั้นท่านก็เป็นอริกับเขาเสียเลยสิ! ศัตรูที่เหมาะสมสักคนก็สามารถทำให้เขาเติบใหญ่ได้’
นี่ช่างเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม!
สายตากู้ซีจิ่วเปล่งประกาย ยื่นมือไปตบหยกนภาเบาๆ “เสี่ยวชาง เยี่ยมมาก ไม่นึกเลยว่าจะมีความคิดเช่นนี้ออกมาได้ เอาล่ะ ข้าจะพยายามไปกล่อมเขาดูอีกหน ถ้าไม่สำเร็จจริงๆ ข้าจะเป็นศัตรูกับเขาเสียเลย วางกับดักเขาซะ!”
‘ท่านจะไปกล่อมเขาด้วยตัวเองรึ? ท่านรู้หรือว่าเขาอยู่ที่ไหน?’
“รู้สิ! หากไม่เหนือไปจากที่คาดไว้ ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่หุบเขาล่องเมฆาของเฟิงชิงซ่างเหริน เกรงว่าตอนนี้เขาน่าจะเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับศิษย์ที่มาใหม่อยู่”
กู้ซีจิ่วคาดคะเน เมื่อครู่ระหว่างที่ต่อสายกันเธอได้ยินเสียงจอแจของผู้คนแว่วมากจากฝั่งนั้นรางๆ…
….
เสินเนี่ยนโม่อยู่ในหุบเขาล่องเมฆาจริงๆ และเข้าร่วมงานเลี้ยงอยู่จริง
ถึงแม้เฟิงชิงซ่างเหรินจะมีลูกศิษย์ไม่มาก แต่ทุกคนก็เป็นยอดอัจฉริยะ
——————————————–