เมียหวานของประธานเย็นชา – ตอนที่ 396

ตอนที่ 396

บทที่ 396 ความรู้ใจของพ่อบ้าน

แม่ครัวหยุดเดินด้วยความตกใจ แล้วมองพ่อบ้านด้วยความสงสัย

“คุณพ่อบ้าน คุณกำลังทำอะไรอยู่ตรงนี้?”

“กำลังยืนดูคุณจี้กับคุณเวินอยู่ ” พ่อบ้านมองไปทางคนที่ยืนอยู่กลางสายฝนแล้วพูดขึ้นมา

แม่ครัวจึงเงยหน้าแล้วหันมองไปด้วยความสงสัย ก็เห็นว่าตรงลานบ้านมีคนสองคนกำลังตากฝนอยู่

นั้นมันเวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินไม่ใช่เหรอ?

“คุณเวิน? พวกเขายังไม่กลับมาอีกเหรอ?”

แม่ครัวจึงรีบเดินเข้าไปหา

ถ้าเมื่อสักครู่เธอไม่ทำอะไรชักช้า คุณจี้กับคุณเวินก็คงไม่ต้องมาตากฝนแบบนี้

เธอเพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว ก็หันกลับมามองพ่อบ้านด้วยความสงสัย

“คุณพ่อบ้าน คุณมาอยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่แล้ว ทำไมถึงไม่เดินเข้าไปหาล่ะ?”

“ผมก็อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว”พ่อบ้านพูดขึ้นมา

แม่บ้านจึงเบิกตากว้างแล้วมองเขา

“คุณจะยืนมองคุณจี้กับคุณเวินตากฝนอยู่อย่างนี้เหรอ?”

“เรื่องนี้พวกเราไม่ต้องเข้าไปยุ่งหรอก”

พ่อบ้านพูดขึ้นมาอย่างไม่สะทกสะท้าน โบกมือให้กับแม่ครัว แล้วหมุนตัวเดินออกไป

แม่ครัวไม่เข้าใจว่าพ่อบ้านต้องการจะทำอะไรกันแน่ แล้วมองไปทางสองคนที่ยืนอยู่กลางสายฝน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เดินเข้าไปหา กลับเลือกหมุนตัวแล้วเดินออกไป

ตอนเย็นของวันเดียวกัน ฝนยังไม่หยุดตก แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่สบายขึ้นมา

หลังจากตากฝน ก็ทำให้เธอตัวร้อนและเป็นหวัดหนัก หลังจากแม่ครัวรู้เรื่อง แม่ครัวก็ได้บ่นกับพ่อบ้านไปรอบหนึ่ง

ตอนนี้จี้จิ่งเชินได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อผ้าที่สะอาดเรียบร้อยแล้ว และกำลังมองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่หลับสนิทอยู่บนเตียง

พ่อบ้านเพิ่งจะไปส่งคุณหมอเสร็จ เขาก็รู้สึกกลุ้มขึ้นมาในใจ

เดิมทีคิดว่าด้วยร่างกายของคุณจี้ในตอนนี้ ควรเป็นเขาที่มีโอกาสที่จะไม่สบายมากกว่า แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคุณเวินไปได้

“หรืออาจจะเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้สภาพจิตใจของคุณเวินนั้นย่ำแย่หรือเปล่า?”

เขากำลังเดินเข้ามา และบ่นไปด้วย

แต่หลังจากได้เห็นจี้จิ่งเชินที่ดูแลอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง ก็รู้สึกวางใจขึ้นมาทันที

ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ดูเหมือนจะดีกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก

ในขณะนั้นเองแม่ครัวก็ยกซุปร้อนๆเข้ามา

“คุณจี้คะ ให้คุณเวินทานอะไรหน่อยนะคะ”

จี้จิ่งเชินหันหน้ามาเห็น ก็ยื่นมือไปรับมา แล้วประคองเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นมาโดยไม่พูดอะไร

เขาเป่าซุปที่อยู่ในช้อนไปสองสามที แล้วยื่นไปตรงปากของเธอ

การกระทำของเขาดูคล่องแคล่วอย่างที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน

ราวกับเมื่อก่อนเขาก็เคยทำเรื่องแบบนี้เหมือนกัน

ทันใดนั้น อยู่ๆก็มีภาพๆหนึ่งปรากฏเข้ามาในหัวของเขา

ผู้ชายคนหนึ่ง จับช้อนด้วยท่าทีที่ไม่คล่องแคล่ว แล้วนำซุปที่เป่าจนเย็นแล้ว ป้อนเข้าไปในปากของคนอีกคนหนึ่ง ครั้งแล้วครั้งเล่า

ผู้ชายคนนั้นขมวดคิ้วไว้ และถึงแม้จะตั้งใจแค่ไหน แต่การป้อนสิบครั้งก็จะมีเก้าครั้งที่ทำพลาด จนซุปหกใส่เสื้อผ้าของอีกฝ่าย

เมื่อยิ่งทำผิดพลาด ผู้ชายคนนั้นก็ยิ่งโกรธมากขึ้น……

แต่การกระทำของเขา กลับดูคล่องแคล่วขึ้นมาในแต่ละครั้ง

การกระทำของจี้จิ่งเชินหยุดลงทันที

เสียงนี้ เหมือนกับเสียงของเวินเที๋ยนเที๋ยน

เมื่อก่อน เขาเคยป้อนให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยตัวเองอย่างนั้นเหรอ?

ผ่านไปสักพักหนึ่ง เขาถึงค่อยดึงสติกลับมาได้ แล้วป้อนซุปให้กับเธอ ทีละช้อนๆ จนหมด เขาถึงได้หยุดลง

และถึงแม้เขาจะทำทุกอย่างเสร็จแล้ว แต่เขาก็ยังคงมองหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่

เมื่อสักครู่ เหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้บ้าง?

เหมือนกับว่าเมื่อก่อนตัวเองเคยรักกับผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้านี้จริงๆ

ในช่วงที่เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่สบายนั้น เจียงหยู่เทียนก็เห็นว่าจี้จิ่งเชินไม่ยอมกลับมาหาเธอ

หลายครั้งที่เธอพยายามเข้าใกล้ปราสาท แต่ก็ถูกไล่ออกมาทุกที

แต่เธอก็สามารถแน่ใจได้ว่า จี้จิ่งเชินต้องอยู่ข้างในปราสาทแน่นอน

ผ่านมาก็ตั้งหลายวันแล้ว สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ก็คือ ความทรงจำของจี้จิ่งเชินยังไม่กลับมา ไม่อย่างนั้นจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆได้ยังไง

“ให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้……”

เมื่อคิดได้อย่างนั้น เจียงหยู่เทียน จึงออกจากบ้านไปอีกหนึ่งรอบ แต่รอบนี้เธอไม่ได้ไปที่ปราสาท แต่กลับไปยังค่ายทหารที่อยู่ใจกลางเมืองอย่างตระกูลเวิน

เธอใส่หมวกและยืนอยู่ตรงหน้าประตู แล้วบอกกับทหารที่เฝ้าอยู่หน้าประตูว่าอยากมาพบเวินฉี่ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมให้เธอเข้าไป

จากสถานะของเธอในตอนนี้ เธอจะเข้าไปได้ยังไงล่ะ?

เจียงหยู่เทียนรู้สึกโกรธขึ้นมาในใจ แล้วก็เดินไปกระชากเสื้อของทหารคนนั้น อย่างไร้เหตุผล

สักพักก็มีรถสีดำคันหนึ่งแล่นเข้ามาจากที่ไกลๆ

เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าประตู รถก็ค่อยๆหยุดลง

“เกิดอะไรขึ้น?”คนขับยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างรถ แล้วถามด้วยความไม่พอใจ

สายตาของเขามองที่เจียงหยู่เทียนไปรอบหนึ่ง แต่กลับดูไม่ออกว่าเป็นใคร

แล้วพูดเสียงดุขึ้นมา: “รีบไล่คนคนนี้ออกไป หรือว่าเธอกล้าขวางรถของท่านนายพลอย่างนั้นเหรอ?”

เมื่อเจียงหยู่เทียนได้ยิน ไม่เพียงแต่ไม่ยอมถอยหลัง แต่กลับวิ่งเข้าไปหา

“ท่านปู่เวิน!”

เธอจึงรีบไปเกาะอยู่ตรงหน้าต่างรถ แล้วหันไปเรียกคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง: “ท่านนายพลตระกูลเวิน! ฉันคือเจียงหยู่เทียนค่ะ!”

ทุกคนตกใจกับการกระทำของเธอ จึงรีบเดินเข้ามา เพื่อดึงเธอออกไป

เจียงหยู่เทียนสะบัดทุกคนออกไปอย่างไร้เหตุผล ทั้งร้องและทั้งตะโกน

เมื่อตะโกนอยู่หลายรอบ หน้าต่างกระจกข้างหลังของรถคันนั้นก็ค่อยๆเลื่อนลงมา

“เธอพูดว่าเธอคือเจียงหยู่เทียนอย่างนั้นเหรอ?”

เมื่อได้ยินเสียงของเวินฉี่ เจียงหยู่เทียนก็รีบวิ่งเข้าไปหา

“ใช่ค่ะ ฉันนี่แหละเจียงหยู่เทียน”

เวินฉี่ที่นั่งอยู่ข้างในรถก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“เธอตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”

พูดเสร็จ ก็ไม่รอให้เจียงหยู่เทียนตอบ แต่กลับหันไปพูดกับทหารที่อยู่ข้างหลัง: “ให้เธอเข้าไป”

พูดเสร็จ หน้าต่างรถก็เลื่อนปิดอีกครั้ง แล้วรถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปข้างใน

เมื่อเจียงหยู่เทียนได้ยิน บนใบหน้าของเธอก็เผยรอยยิ้มที่พอใจออกมา และสะบัดทหารที่จับเธอไว้ออก แล้วเดินตามรถเข้าไปข้างใน

เมื่อเดินเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลเวิน เวินฉี่ก็รออยู่ที่ห้องรับแขกอยู่ก่อนแล้ว

ที่นี่ดูเหมือนจะเรียบง่ายแต่ก็สง่างาม แล้วตรงมุมต่างๆกลับซ่อนของมีค่าที่หาซื้อได้ยากซ่อนไว้อยู่หลายชิ้น

เจียงหยู่เทียนใส่เสื้อง่ายๆที่เป็นสีเมล็ดข้าวสาร นี้เป็นเสื้อที่เธอซื้อมาจากแผงลอยข้างทาง และเพราะใส่มาหลายรอบแล้ว บางที่จึงมีขนเสื้อออกมาเล็กน้อย

บนใบหน้าของเธอก็ไม่มีเครื่องสำอาง และเพราะเป็นเวลามากว่าครึ่งปีที่ผ่านพ้นไปอย่างไร้ประโยชน์ ผิวของเธอจึงหยาบกร้านไปหมด

ตอนที่เพิ่งเดินเข้ามาแล้วเห็นกับการตกแต่งโดยรอบ ดวงตาเธอก็ลุกวาวขึ้นมาทันที

ครั้งหนึ่ง เธอก็เคยอาศัยอยู่ในปราสาทของจี้จิ่งเชิน แต่ก็ช้าไปนิดเดียว ไม่งั้นทุกอย่างก็ตกเป็นของเธอหมดแล้ว

แต่ระหว่างทาง กลับมีเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามา แล้วแย่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเธอไป

จนทำให้เธอต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้

เจียงหยู่เทียนกำหมัดแน่นขึ้นมาทันที และสายตาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ

เวินฉี่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สีแดง มองสีหน้าของเธอที่เปลี่ยนไปโดยไม่ยอมพูดสักคำ แล้วสายตาก็เหลือบไปมองที่ท้องของเธอรอบหนึ่ง

จึงหัวเราะและพูดขึ้นมา: “คุณเจียง พวกเราเพิ่งไม่ได้เจอหน้ากันแค่ครึ่งปีเอง แต่คุณกลับแต่งงานมีลูกแล้วเหรอ ผมรู้สึกยินดีกับคุณด้วยจริงๆ”

เมื่อเจียงหยู่เทียนได้ยินเสียงของเขา ก็รีบดึงสติกลับมาทันที

แล้วเธอก็นำมือมาวางบนท้องของเธอ

“ไม่ใช่ค่ะ……”

“อ๋อ แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะครับ”เวินฉี่จึงพูดขึ้นมาอย่างไม่เร่งรีบ

เจียงหยู่เทียนเดินหน้าเข้ามาหนึ่งก้าว แล้วพูดกับเวินฉี่: “ก่อนหน้านี้ฉันถูกจี้จิ่งเชินขังไว้ในตระกูลจี้มาตลอด”

เมื่อได้ฟังประโยคนี้ สายตาของเวินฉี่ก็ลุกวาวทันที

จึงพูดออกมา: “อย่าบอกนะว่าคุณจะพูดว่า เด็กในท้องของคุณ เป็นลูกของจี้จิ่งเชินนะ?”

เจียงหยู่เทียนเม้มปากแน่น แล้วมองไปที่เวินฉี่ ผ่านไปสักพักจึงค่อยพูดขึ้นมา: “แน่นอนค่ะ”

“ความสัมพันธ์ในตอนแรกของฉันกับจี้จิ่งเชิน ท่านก็น่าจะพอได้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็น่าเสียดายที่ฉันมารู้ตัวเองว่าท้องลูกของเขาอยู่ หลังจากที่เขาได้ไปอยู่กับเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว จี้จิ่งเชินก็เลยได้จับฉันขังไว้ แล้วถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้น ฉันก็คงไม่สามารถหนีออกมาได้แน่ ”

เธอจึงได้แต่งเรื่องขึ้นมาเรื่องหนึ่ง หลังจากเล่าเสร็จเธอก็มองไปทางเวินฉี่ด้วยความกังวล กลัวว่าเขาจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ

เวินฉี่มองเธอด้วยสายตาที่นิ่ง ดูไม่ออกว่าในใจเขากำลังคิดอะไรอยู่

แต่สายตานั้นกลับยิ่งทำให้เธอตกใจมากยิ่งขึ้น

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท