เมียหวานของประธานเย็นชา – ตอนที่ 433

ตอนที่ 433

บทที่ 433 ผลวินิจฉัยการเป็นพ่อลูก

นอกจากเวินหงไห่ที่ตกตะลึงไป ตอนนี้ บรรดานักข่าวกับสื่อมวลชนที่อยู่ในที่เกิดเหตุก็มีสีหน้าสงสัยกับไม่เข้าใจเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เวินเที๋ยนเที๋ยนพาเด็กเดินเข้ามา

ตอนนี้ จี้จิ่งเชินก็ได้พูดขึ้น: “ ทุกท่านครับ ที่จี้จิ่งเชินพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นความจริงหรือเปล่า สามารถพิสูจน์ได้จากบนตัวของเด็กคนนี้ครับ ”

บรรดานักข่าวได้ยิน ก็หันไปมองเด็กที่อยู่ในอ้อมกอดของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างตกตะลึง

เวินเที๋ยนเที๋ยนเบี่ยงตัวหลบสายตาของพวกเขา ไม่ให้พวกเขาถ่ายรูปร่างลักษณะของเด็กได้

ไม่นาน ด้านล่างก็มีคนได้สติ

และพูดขึ้นอย่างตกตะลึง: “ หรือว่า……เด็กคนนี้คือ…… ”

“ ใช่? เธอคือลูกของเจียงหยู่เทียนจริงๆ ”

คนดูได้ฟังก็พูดออกมาอย่างตกใจ: “ เป็นไปไม่ได้ ”

“ ใช่ ไหนบอกว่า ตอนเกิดออกมาเด็กได้ตายไปแล้วไม่ใช่หรอ? นี่……เป็นไปได้ยังไง? ”

จี้จิ่งเชินรู้อยู่แล้วว่าต้องมีคนพูดแบบนี้ เขาจึงพูดขึ้นช้าๆ: “ ในใจของพวกคุณ คำพูดของเจียงหยู่เทียนเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน? ”

ประโยคนี้หลุดออกไป ทุกคนก็เกิดความลังเลทันที

ตอนนั้น เรื่องเหล่านั้นที่เจียงหยู่เทียนได้ทำขึ้นในเมืองหลวง คนรู้กันไปทั่ว และยากที่จะให้คนเชื่อคำพูดของเธอจริงๆ

เห็นคนดูเริ่มเกิดความลังเล เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเอาเอกสารในมือวางลงบนโต๊ะ

“ นี่คือผลวินิจฉัยที่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์ของเจียงหยู่เทียนกับเด็กคนนี้ ”

มีนักข่าวสองสามคนรับไปดู ตอนนี้ ผลวินิจฉัยก็ได้ถูกฉายขึ้นบนจอภาพอีกด้วย ทำให้ทุกคนมองเห็นได้อย่างชัดเจน

พอเห็นผลวินิจฉัยของหมอ ก็เกิดเสียงดังเกรียวกราวขึ้นทันที

ลูกของเจียงหยู่เทียนยังไม่ตาย!

ต่อให้มีสาเหตุอะไรจริงๆ แต่เจียงหยู่เทียนที่เป็นแม่ ก็ไม่สามารถไปแช่งลูกของตัวเองให้ตายแบบนั้น!

เป็นใครก็ไม่สามารถอดกลั้นได้!

นักข่าวที่อยู่ในงานส่วนมากเป็นผู้หญิง มีอีกไม่น้อยที่มีลูกแล้ว พอเห็นเรื่องประเภทนี้ก็ไม่สามารถทนได้จริงๆ

“ ตกลงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ”

“ เรื่องนี้ บางทีคุณชายรองของตระกูลเวินอาจจะรู้ดี ใช่ไหม? ”

พูดจบ จี้จิ่งเชินก็ทำเสียงสูง และมองไปที่เวินหงไห่ “ คุณพาเจียงหยู่เทียนมา คุณคงจะรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น ”

คนดูได้ฟัง ก็ได้สติและหันกลับไปมองเขาอย่างรวดเร็ว

เมื่อสักครู่ ก่อนที่เจียงหยู่เทียนจะวิ่งออกไป เธอยังได้ตะโกนประโยคนึงออกมาอย่างหวาดกลัว

ถ้าเด็กคนนั้นจะหา ก็ให้ไปหาเวินหงไห่ อย่าไปหาเธอ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเวินหงไห่ที่สั่งให้เธอทำแบบนี้

แสดงว่าเรื่องทั้งหมด เป็นเวินหงไห่ที่สั่งการอยู่เบื้องหลัง

“ เหลวไหล! ”

สีหน้าของเวินหงไห่ดูไม่ได้ เขาตบโต๊ะ หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน และหมุนตัวเดินออกไป

จี้จิ่งเชินไม่ได้ขัดขวางอะไร เขาทำแค่พูดขึ้น: “ คุณผู้ชาย คุณจะไปตอนนี้เลยหรอ? ผลวินิจฉัยตัวจริงยังไม่ได้เอาออกมาเลยนะ คุณไม่อยากดูอีกหรือไง? ”

ฝีเท้าของเวินหงไห่หยุดลงทันที แต่เขาไม่ได้หันกลับไปมองจี้จิ่งเชิน

ความเป็นจริง ตอนนี้สีหน้าของเขาดูไม่ได้เป็นอย่างมาก หน้าดำคร่ำเครียดเหมือนก้นหม้อ ในสายตาของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความโมโห

“ ไม่จำเป็น! ”

เขาพูดอย่างกัดฟัน

ต่อมาเขาก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น

“ มิน่าล่ะถึงได้เรียกคนมาตั้งมากมายขนาดนี้ ที่แท้ก็เตรียมกันไว้แล้ว ”

พูดจบ ไม่รอให้จี้จิ่งเชินพูดอะไร เวินหงไห่ก็เปิดประตูและเดินออกไปออกไปอย่างโมโห

ประตูใหญ่ถูกปิดลง ในสถานที่ประชุมยังหลงเหลือเสียงกระหึ่ม นักข่าวสองสามคนกลับยังซุบซิบนินทากันเสียงเบา

กิริยาท่าทางของเวินหงไห่เมื่อสักครู่ ไม่ว่าจะมองยังไง ก็เหมือนคนที่ละอายใจต่อการทำผิด แต่ติดตรงที่สถานะของฝ่ายนั้น จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา

จี้จิ่งเชินแทบจะไม่สนใจการจากไปของเวินหงไห่ เขายกยิ้มมุมปากอย่างรวดเร็ว และมองนักข่าวกับสื่อมวลชนอีกครั้ง

“ ถึงแม้ว่าคุณชายรองของตระกูลเวินจะไม่สนใจ แต่ขั้นตอนที่ควรมีจะขาดไปไม่ได้ ”

พูดจบ เขาก็ยกมือชี้ไปที่พ่อบ้านกับจงหลี บนจอภาพก็ได้ปรากฏรายงานผลวินิจฉัยขึ้นมาสองฉบับทันที

ฉบับนึงเป็นของจี้จิ่งเชิน อีกฉบับเป็นของจี้ยี่หยันที่ได้ติดคุกไปแล้ว

รายงานสองฉบับถูกวางด้วยกัน และที่มุมรายงานยังเขียนอย่างชัดเจนว่า เด็กคนนี้มีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกกับจี้ยี่หยันจริงๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับจี้จิ่งเชินเลย!

พอเห็นเนื้อหาข้างบน ก็เกิดเสียงเกรียวกราวขึ้น!

นักข่าวกับสื่อมวลชนทุกคนรีบส่องกล้องถ่ายภาพในมือไปบนหน้าจอทันที และถ่ายภาพตรงหน้าไว้

ข่าวของวันนี้จะถูกยึดครองอย่างไม่ต้องสงสัย หนังสือพิมพ์กับเว็บไซต์ของวันพรุ่งนี้จะต้องลงพาดหัวข่าวอย่างแน่นอน!

แต่จี้จิ่งเชินกลับยังไม่สิ้นสุด และยังพูดต่อ: “ นอกจากสิ่งนี้ เรื่องเกี่ยวกับเจียงหยู่เทียน ปัจจุบันผมยังตรวจพบสถานการณ์บางอย่างอีกด้วยครับ ”

พูดจบ เขาก็หันไปพยักหน้าให้จงหลีเล็กน้อย และรับเอกสารมาจากในมือของจงหลี

“ เมื่อหนึ่งปีก่อน เรื่องที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉินซีถูกไฟไหม้ ไม่รู้ว่าทุกท่านยังจำกันได้ไหม? ”

ทุกคนพยักหน้าอย่างสงสัย ตอนนั้น ตอนที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไฟไหม้ ผู้อำนวยการได้เข้าไปช่วยคนที่ออกมาไม่ได้ และตอนนั้น จี้จิ่งเชินเองก็ได้วิ่งฝ่าเปลวเพลิงเข้าไปช่วยคนเหมือนกัน

ตอนนั้นเรื่องนี้ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย

เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป

เธอไม่รู้มาก่อนว่าจี้จิ่งเชินจะตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย

ตามแผนของเธอ หลังจากที่เอาผลวินิจฉัยทั้งหมดออกมาแล้ว งานประชุมนักข่าวของวันนี้ก็จะสิ้นสุดลง

ไม่คิดว่าจะยังมีอันนี้อีก……

เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำไมจี้จิ่งเชินถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ? เขาไปฟังใครพูดมาหรอ?

เธอไม่เข้าใจ อีกฝั่ง จี้จิ่งเชินก็เปิดเอกสารในมือขึ้น และพูดกับกล้องถ่ายภาพไปด้วย: “ นี่เป็นเอกสารที่ผมตรวจสอบอยู่ในระยะเวลานี้ ”

“ ตอนที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉินซีถูกไฟไหม้ เรื่องนี้ได้ถูกวิเคราะห์ว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่จากที่ผมได้ตรวจสอบแล้ว ตอนที่เกิดไฟไหม้ เจียงหยู่เทียนได้โผล่ขึ้นมาแถวสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และมีคนเห็นว่าก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ เธอกับผู้ชายคนหนึ่งได้เคลื่อนไหวอยู่บริเวณรอบๆ ”

“ และเรื่องคล้ายกันก็เกิดขึ้นในวันที่พิพิธภัณฑ์เหว่ยชีถูกไฟไหม้ด้วยเช่นกัน ทุกคนรู้ว่า เป็นฝีมือของเจี่ยงเนี่ยนเหยาที่ซื้อน้ำมันเบนซินกับไฟแช็คเพื่อจะวางเพลิง แต่เราได้ข้อมูลมาจากกล้องวงจรอีกตัว ในนั้นสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าก่อนที่เจี่ยงเนี่ยนเหยาจะจุดเพลิง เขาได้พูดคุยกับเจียงหยู่เทียนอยู่สักพัก ”

“ ตอนที่เกิดไฟไหม้ เจียงหยู่เทียนก็ได้โผล่มาแถวพิพิธภัณฑ์ ผมมีเหตุผลเพียงพอที่จะสงสัยว่าเธอเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไฟไหม้ทั้งสองเหตุการณ์นี้ครับ ”

“ นอกจากนี้…… ”

พูดถึงตรงนี้ จี้จิ่งเชินก็ชะงักไปเล็กน้อย เขากวาดสายตามองทุกคน

ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็รู้สึกลุ้นไปกับเขาด้วยเช่นกัน

พวกเขากลั้นหายใจอย่างลืมตัว ถึงขั้นไม่อยากคิดว่า ถ้าเรื่องเหล่านี้เป็นความจริง……

คล้ายกับจี้จิ่งเชินได้เตรียมมาก่อนแล้ว เขามีเอกสารในมือครบทุกอย่าง

“ เจียงหยู่เทียนเคยหมั้นกับประธานของตระกูลหวู่ แต่ตอนที่หวู่สือเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีคนเดินผ่านสถานที่เกิดเหตุ คนคนนั้นเห็นกับตาว่าก่อนที่รถจะระเบิด เขาเห็นเจียงหยู่เทียนหนีออกมาจากรถ แต่กลับยืนมองหวู่สือที่ร้องเรียกให้คนช่วยอยู่ในรถอย่างหน้าตาเฉย ”

พูดจบ เขาก็ค่อยๆหยุดลงช้าๆ สายตาที่มองกล้องถ่ายภาพก็เปลี่ยนเป็นแหลมคมขึ้น คล้ายกับอยากจะทะลุเข้าไปในกล้อง และไปหยุดอยู่บนตัวของเจียงหยู่เทียนยังไงอย่างงั้น

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท