เมียหวานของประธานเย็นชา – ตอนที่ 510

ตอนที่ 510

บทที่ 510 บทลงโทษหรือว่ารางวัล

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองภาพด้านหลังของทั้งสองคนจากไปไว้ และได้ยิ่งเพิ่มความไม่เข้าใจ

“พ่อบ้านนี้คือเป็นอะไรแล้ว?”

และบนใบหน้าของจี้จิ่งเชินที่ตอนนี้ได้อยู่ด้านหลังกลับได้มีรอยยิ้มแล้ว

“ที่นี่ยังฟังไม่ออกเหรอ? พ่อบ้านต้องการให้เธอกับฉันอยู่ด้วยกัน คุณผู้หญิง”

เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ชะงักงันไปแล้วครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้หันหัวเข้ามา ทันใดนั้นกลับได้ถูกจี้จิ่งเชินลากไปแล้วครู่หนึ่ง หัวทั้งใบได้ต่อสู้ดิ้นรนอยู่ในอ้อมอกของเขา

มือคู่ของจี้จิ่งเชินได้โอบเอวของเธอเอาไว้ บนใบหน้าได้มีรอยยิ้มที่เข้มข้น

“ไป ฉันพาเธอไปดูๆห้องของเธอ……ไม่ ควรจะเป็นห้องของพวกเราถึงจะถูก”

สีหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนได้แดงขึ้น

“อะไร……เมื่อก่อนก็ไม่ใช่ไม่เคยเจอ……”

คิ้วของจี้จิ่งเชินได้ยกขึ้นเล็กน้อย

“พูดเช่นนี้ เธอได้ตกลงที่จะเข้าไปในห้องของฉันแล้ว?”

เวินเที๋ยนเที๋ยนได้มึนงง คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกจี้จิ่งเชินจัดวางไปแล้วด้วยกัน คำพูดที่เป็นกับดักได้ออกมา และก็ได้ร้อนรนขึ้นมาไปชั่วขณะ

“แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันยังไม่……”

ไม่รอเธออธิบาย จี้จิ่งเชินก็ได้ยกมือขึ้นมาปิดริมฝีปากของเธอไว้ เพื่อยับยั้งการพูดต่อไป

“ตอนนี้ได้สายไปแล้ว เที๋ยนเที๋ยนย่อมไม่เสียใจกับวาจาที่ลั่นออกไป ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ห้องอเนกประสงค์ของเธอแม้แต่ขาหนึ่งก็เข้าไปไม่ได้ล่ะ”

ห้องอเนกประสงค์อะไร?

จนถึงตอนนี้แล้วยังคิดจะหลอกเธอ?

เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ถลึงตาใส่เขาด้วยความไม่พอใจ แต่กลับถูกจี้จิ่งเชินจูงมือแล้ว

“ไปเถอะ ฉันพาเธอขึ้นไป”

ห้องของจี้จิ่งเชินได้ย้ายจากห้องรับแขกไปถึงห้องนอนหลัก และได้ประกอบกันเป็นห้องเดียวกับห้องเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วจริงๆ

แท้จริงแล้วหากว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนต้องการจะเข้ามาอยู่ นอกจากห้องรับแขกแล้วก็สามารถอยู่ได้เพียงที่นี่แล้ว

เมื่อเข้าประตู เพียงสายตาเดียวเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้เห็นถึงรูปภาพใหญ่รูปนั้นแล้ว ก็ได้แขวนอยู่บนผนังตรงข้ามกับประตูใหญ่ เมื่อเข้ามาก็สามารถเห็นถึง

“เมื่อก่อนไม่มีสิ่งนี้……”

เมื่อตระหนักได้ถึงสายตาของเธอ จี้จิ่งเชินก็ได้ถือโอกาสมองเข้าไป และพูด: “เป็นฉันที่ให้คนวางขึ้นไป เมื่อมองขึ้นไปแล้วก็คุ้นตาอยู่บ้างใช่ไหม?”

แน่นอนว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะคุ้นตา รูปภาพนี้กับรูปภาพนั้นบนสร้างคอของตัวเองคือเหมือนกันไม่มีผิด

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะหวนรำลึกความทรงจำขึ้นมา และได้พบว่าเธอกับจี้จิ่งเชินคาดไม่ถึงว่าที่เคยถ่ายรูปด้วยกันมีเพียงรูปนี้รูปเดียว

มิน่าล่ะ ทุกที่ก็ล้วนเป็นรูปภาพเดียวกัน

ตอนที่กำลังคิด จี้จิ่งเชินก็ได้จูงมือของเธอไว้และเดินเข้าไปทางด้านใน

จากนั้นก็ได้พูดในเวลาเดียวกัน: “นอกจากสิ่งนี้แล้วฉันยังเตรียมสิ่งอื่นอีก”

ตอนที่พูด เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้ค้นพบอย่างกะทันหัน ในห้องนอนอีกด้านหนึ่งได้เปลี่ยนไปแล้ว ถูกเปลี่ยนแปลงจนเป็นห้องทำงานเล็กๆห้องหนึ่ง

บนโต๊ะ เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ถือโอกาสเห็นถึงเครื่องลายครามกี่แบบแล้ว ที่ด้านข้างคือชุดเครื่องมือชุดหนึ่งที่ใช้มาบูรณะวัตถุโบราณ

“ฉันได้เตรียมให้เธอเสร็จแล้ว ก็แม้จะอยู่ในบ้าน ก็สามารถทำงานจนเสร็จได้”

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองแล้วมองอีกไปยังเครื่องมือชุดนั้นตรงหน้า แต่กลับได้หันหัวกลับมา และพูดเบาๆ: “ที่จริงฉันมีที่ดีกว่านี้”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จี้จิ่งเชินก็ได้มองเธอไว้อย่างไม่เข้าใจ

เวินเที๋ยนเที๋ยนได้หัวเราะอย่างลึกลับ

“ก็คือนายที่ส่งมอบให้ฉัน พรุ่งนี้ฉันก็จะให้คนไปรับกลับมาจากตระกูลเวิน”

นั่นคือเปลวไฟร้อนแรงที่จี้จิ่งเชินได้บุ่มบ่าม ของที่ช่วยออกมาจากเปลวไฟของตระกูลจี้ สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือกล่องเครื่องมือบูรณะวัตถุโบราณอันนั้น

แม้ว่าด้านนอกของกล่องจะได้ด่างดำและแตกแล้ว แต่ว่าของด้านในยังคงดีไม่เสียหาย

เวินเที๋ยนเที๋ยนตัดใจทิ้งไม่ได้มาโดยตลอด และยังพาติดตัวอยู่ด้านหลัง

เพียงแต่ว่าก่อนหน้าตอนที่จะมาอยู่ที่ตระกูลเวินก็ได้พาเข้าไปแล้ว ตอนนี้ยังคงต้องการให้คนนำกลับมา

ตอนที่คิด เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้หันหัว กลับพบว่าจี้จิ่งเชินกำลังมองตัวเองไว้ และบนใบหน้าก็ได้มีรอยยิ้มที่อบอุ่น

เขาค้นพบทันที ไม่เพียงแค่ตอนนี้ ตั้งแต่หลังจากที่เข้าสู่ประสาทเก่าแล้ว สายตาของจี้จิ่งเชินก็ได้ตกอยู่บนตัวเธอ ก็รู้สึกว่าไม่เคยจากไปมาโดยตลอด

อีกทั้งยังสามารถมองออกว่าอารมณ์ของเขานั้นไม่เลว บนใบหน้าทั้งหมดได้มีรอยยิ้มอยู่ตลอด

“ทำไมนายดีใจเช่นนี้?” เวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะพูดถามไม่ได้: “หรือว่ามีเรื่องที่น่ายินดีอะไร?”

“เธอกลับมาแล้ว ก็คือเรื่องที่น่ายินดี”

ตอนที่จี้จิ่งเชินพูดก็ได้ยื่นมือออกมานำเวินเที๋ยนเที๋ยนลากแล้วลากอีกไปทางด้านตัวเองเล็กน้อยจากนั้นก็ได้นำเธอโอบกอดเข้าสู่อ้อมอกแล้ว

และได้พูดในเวลาเดียวกัน: “ฉันก่อสร้างปราสาทแห่งนี้ก็เพื่อสร้างสรรค์ให้เป็นของครอบครัวของพวกเรา อ้อมไปอ้อมมา และยังดีตอนนี้เธอก็ได้กลับมาถึงข้างตัวของฉันนี้แล้ว”

“มีเพียงตอนที่อยู่ที่นี้ถึงได้สามารถทำให้ฉันสงบใจได้ ทำไมฉันจำไม่ดีใจ?”

เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดนี้ ก็ได้คิดแล้วคิดอีก และก็ได้หัวเราะตามขึ้นมา

ช่วยไม่ได้ที่เธอจะคิดกลับไปถึงตอนที่ตัวเองมาถึงที่ปราสาทครั้งแรกขึ้น จากนั้นก็ได้หัวเราะและพูด:

“ตอนที่ฉันเข้ามาครั้งแรก ก็ไม่เคยที่จะนำที่นี่เป็นบ้าน แต่คือได้คิดว่าเป็นถ้ำของปีศาจถ้ำหนึ่ง

“ยังมีห้องมืดๆเล็กๆห้องนั้น” เมื่อคิดถึงตรงนี้ขึ้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็มีความไม่พอใจอยู่บ้างไปชั่วขณะและได้พูด: “นายก็รู้ดีว่าฉันกลัวความมืด ยังได้เอาฉันขังไว้ด้านใน”

เมื่อหวนคิดถึงเรื่องนี้ จี้จิ่งเชินก็ได้เสียใจไม่หยุดไปชั่วขณะ

“ขอโทษ เป็นความผิดของฉัน”

เขาลากเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ และหน้าผากได้ก้มต่ำ

“หากว่าเธอต้องการจะลงโทษฉัน หลังจากนี้ทุกความมืด ฉันก็ล้วนจะอยู่ข้างกายเป็นเพื่อนเธอ เป็นยังไง?”

เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งต้องการจะพยักหน้า แต่เมื่อคิดๆแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง

ทุกคืนเขาก็อยู่ข้างกาย?

แท้จริงแล้วนี่คือบทลงโทษ?

หรือว่าคือรางวัล?

เวินเที๋ยนเที๋ยนไปมองไปทางเขาด้วยความสงสัย และก็ได้เห็นรอยยิ้มจิ้งจอกของจี้จิ่งเชินปรากฏออกมาแล้ว และชั่วขณะนั้นก็ได้เข้าใจเข้ามา

“เมื่อก่อนทำไมฉันไม่รู้ว่านานยังชอบยั่วคนเล่น?”

“แต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่เคยยั่วคน ก็เพียงแค่ยั่วเธอเท่านั้น”

จี้จิ่งเชินได้ยิ้มไว้ และได้ลากมือของเธอ จากนั้นก็ได้พูดถาม: “เธอดูสักหน่อย ยังมีของอะไรที่ต้องการเพิ่ม”

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปรอบด้าน

“ก็มีสิ่งหนึ่งจริงๆ”

“อะไร?”

จี้จิ่งเชินมองเข้ามา

ก่อนหน้าเวลานี้ เพื่อต้อนรับเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมาแล้ว เขาได้นำวิลล่าทั้งหลังจัดได้อย่างลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ คิดไม่ถึงว่ายังมีสิ่งที่ขาดอีก

เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่พูด ตอนที่เพิ่งต้องการจะติดตามถาม กลับได้พบว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ล้วงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาแล้ว

“แน่นอนว่าคือขาดรูปถ่ายร่วมกันรูปหนึ่ง”

รอยยิ้มที่นุ่มนวลของเวินเที๋ยนเที๋ยนได้เข้าใกล้เข้ามาแล้ว และร่างกายก็ได้กดต่ำเข้าใกล้จี้จิ่งเชิน จากนั้นก็ได้ยื่นมือยาวๆออกมา คิดต้องการที่จะนำทั้งสองคนรับเข้ามาอยู่ในเลนส์กล้อง

แต่ว่าจะทำอย่างไรในเมื่อแขนนั้นสั้นอยู่บ้าง ไม่ว่าจะตอนไหนก็ไร้วิธีที่จะทำได้

เธอได้ยกคิ้วขมวดขึ้น จากนั้นก็ได้บิดตัว คิดต้องการพยายามที่จะอยู่ห่างจากเลนส์กล้องไกลสักหน่อย เพื่อทำให้ถ่ายภาพได้อย่างมีขอบเขตกว้างขึ้น

ตั้งใจไปแล้วครู่หนึ่ง ก็ได้เห็นว่ายังคงไม่มีผล หน้าของจี้จิ่งเชินมักจะคือทำได้เพียงออกเลนส์มาเพียงครึ่งหนึ่ง

“นี่ทำไมเป็นแบบนี้?” เธอได้พูดด้วยความหงุดหงิด

จี้จิ่งเชินถูกท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนหยอกล้อจนหัวเราะขึ้นมาแล้ว จากนั้นก็ได้ยื่นมือไปเอาโทรศัพท์รับเข้ามา

“ยังคงเป็นฉันมาเถอะ”

ตอนที่พูด เขาก็ได้ยื่นมือยาวๆออกมา โทรศัพท์ได้ถูกผลักออกไปมีระยะไกลมาก ขอบเขตที่สายตามองเห็นนั้นกว้างมาก ทั้งสองคนก็ได้ถูกรับเข้ามาในรูปภาพแล้ว

เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ก่อให้เกิดคิ้วขมวดขึ้นแล้วมองแล้วมองอีกไปยังมือของตัวเอง

ความแตกต่างก็มากเช่นนี้เหรอ?

ทำไมเมื่อกี้ยังไงเธอก็ทำไม่ได้ จี้จิ่งเชินก็ทำสำเร็จแล้วอย่างง่ายเช่นนี้?

เธอมีความหงุดหงิดอยู่บ้าง และได้มองมือของตัวเองไว้

เวลานี้จี้จิ่งเชินได้ลากเธอไว้แล้ว และได้นำด้ามจับอยู่ในฝ่ามือ

“มองมือสั้นๆของตัวเองทำไม?”

เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยิน ก็ได้โกรธหงุดหงิดไปแล้วชั่วขณะ จากนั้นก็ได้ถลึงตาโต

และเงยหัวขึ้น ตอนที่เพิ่งต้องการจะเปิดปาก

ยังไม่ทันรอมองคนตรงหน้าให้ชัดเจน ทันใดนั้นจี้จิ่งเชินก็ก้มตัวเข้าใกล้เข้ามาแล้ว

ในสายตาของเธอซ่อนไปด้วยรอยยิ้ม และได้จูบอยู่บนกลีบริมฝีปากของเธอ

ทันทีหลังจากนั้น แชะเสียงหนึ่ง รูปภาพได้ถูกกล้องถ่ายรูปบันทึกลงมาจริงๆแล้ว

ในรูปภาพนิ่ง เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงโกรธ

และได้ถลึงตาโต เหมือนกับขนที่ชี้ฟูของลูกแมวที่กำลังโกรธ

อย่างไรก็ตามในสายตาของจี้จิ่งเชินตรงหน้ากลับได้มีรอยยิ้มที่อบอุ่น

ในลูกตาดำที่ลึกซึ้งมีแสงสว่างของดวงดาว แวววาวจับตาเป็นอย่างมาก

เขาได้จูบเบาๆไว้ที่ริมฝีปากของเวินเที๋ยนเที๋ยน เป็นการเคลื่อนไหวที่ซื่อสัตย์และระวังในการก็พาตัวเอง ก็เป็นความรักที่นับไม่ถ้วน

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท